จะรับมืออย่างไรในช่วงที่เกิด Covid-19 อีกครั้งนี้ดี?
ตื่นตัวได้แต่อย่าตื่นตระหนกตกใจเลย ใช้ชีวิตผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปให้ได้ดีกว่า
ยิ่งดูหรืออ่านรายงานข่าวโรคระบาดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกหวาดหวั่นใจมากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ว่าสถานการณ์มันจะแย่ลงไปเรื่อยๆ กว่าการระบาดรอบแรกได้อีกสักแค่ไหนกัน ไม่ว่าจะเป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่เริ่มเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เข้าใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที รวมถือช่วงนี้ที่ต้องมีปิดสถานที่ต่างๆ ทำให้ไปเรียนไปทำงาน หรือไปไหนมาไหนตามปกติไม่ได้อีก ทำให้หลายๆ คนอาจรู้สึกหดหู่ใจจนอดที่จะซึมเศร้าไม่ได้ ดังนั้นแล้วหากปล่อยอารมณ์ของตัวเองให้ไปตามนั้นก็มีแต่จะแย่ลงนะ มีคำแนะนำดีๆ ที่เหมาะจะนำมาใช้ในช่วงนี้มาฝากกันค่ะ
1. เสพข่าว ติดตาม Social แต่พอดี
หากติดตามมากเกินไปก็จะทำให้เกิดความเครียด ทำให้หวาดกลัววิตกกับโรคนี้มากเกินความเป็นจริง เพราะว่าเราจะไปจดจ่ออยู่กับยอดคนป่วย คนตาย คนติดเชื้อ และดราม่าเรื่องต่างๆ มากจนเกินไป ทั้งๆ ที่เราก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติได้เหมือนเดิม แค่เพิ่มการระมัดระวังตัวหากจะต้องไปอยู่ในที่มีคนพลุกพล่านเท่านั้นเอง
2. กินอยู่อย่างประหยัด
ถือโอกาสที่เราจะต้องอยู่บ้านนี้ ช่วยประหยัดขึ้นกว่าการออกไปข้างนอก ที่ไม่ต้องเสียค่ารถ ค่าน้ำมัน หากซื้ออาหารมาทำเองเพื่อประหยัดได้ก็ควรทำ การหยุดครั้งนี้ไม่ใช่การพักผ่อน เราจึงไม่ควรสิ้นเปลืองเงินไปกับเรื่องต่างๆ มากจนเกินไป เพราะเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์นี้มันจะยืดเยื้อยาวนานไปถึงเมื่อไหร่ด้วย ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายเงินเอาไว้ก่อนดีที่สุด
3. เคลียร์การชำระบิล หนี้สินต่างๆ
ตามปกติเราก็มีบิล หรือหนี้สินที่จะต้องจ่ายในทุกๆ เดือนอยู่แล้ว แต่หากใครเป็นหนี้อยู่ ให้ลองคุยกับสถาบันการเงิน ที่เราเป็นลูกหนี้ และสถาบันการเงินรัฐให้มีมาตรการมาช่วยลูกหนี้ในระหว่างที่อาจจะมีการพักงาน หรือรายได้ลดลง ให้มีการขยายเวลาผ่อนชำระ หรือพักชำระหนี้ช่วยคราวไปก่อน ถือโอกาสหารือหาทางออกไปด้วยกันจนกว่าผ่านพ้นวิกฤตินี้ไป
4. อย่าก่อหนี้เพิ่ม
อย่าซื้อของไม่จำเป็น สิ่งที่ฟุ่มเฟือยให้หยุดพักการใช้จ่ายไปก่อน การกักตุนอาหารและของใช้ต่างๆ ก็ต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย และยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อมาเก็บไว้มากมายขนาดนั้น เพราะเรายังคงออกมาซื้ออุปโภคบริโภคใช้กันตามปกติได้ เพราะบางอย่างถ้ากินไม่หมดหรือกินไม่ทันก็จะสูญเสียสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ ควรเก็บเฉพาะอาหาร และยา ที่จำเป็นจริงๆ ก่อนก็พอ
5. หาอะไรทำที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง
โดยเฉพาะการออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับมือโรคภัย และหาอะไรต่างๆ ทำ เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง ทำความสะอาดจัดบ้าน เพื่อลดความสกปรกและเชื้อโรค และใช้เวลาที่ไม่ค่อยมีในการจัดข้าวของให้เป็นระเบียบและลงตัว จัดตารางงาน To do list ต่างๆ ที่ต้องทำ ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกดีที่ได้ทำให้สิ่งที่มีประโยชน์ ก็จะรู้สึกผ่อนคลาย โดยที่ไม่ต้องจมอยู่กับมือถือทั้งวัน ไม่จำเป็นต้องรีบทำให้ครบ ขอแค่จัดแบ่งเวลาสักหน่อยว่าจะทำสิ่งเหล่านี้ในแต่ละวันบ้างก็พอ
6. พัฒนาทักษะตัวเอง
มีสิ่งต่างๆ ที่คุณสามารถฝึกฝนด้วยตัวเองได้ ทั้งฝึกภาษา, คอร์สเรียนออนไลน์ เรียนทักษะด้านต่างๆ เช่น ทำอาหาร งานประดิษฐ์ การออกกำลังกาย หากทำได้ลงมือทำเลย จะได้มีอะไรที่พัฒนาความสามารถของตัวเองทำ หลังโรคหยุดระบาดคุณก็จะได้เป็นคนเก่งขึ้น ฉลาดขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องนั่งเรียนเคร่งเครียดไปทั้งวัน แค่แบ่งเวลา 1-2 ชั่วโมงต่อวันมาฝึกมาเรียนบ้างก็พอแล้วล่ะ
7. ปฎิบัติตามคำแนะนำของภาครัฐ และคุณหมอ
อยู่บ้านไม่พาตัวเองไปเสี่ยงตามที่ต่างๆ หากรู้ว่าตัวเองไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงมาก็ทำการกักตัวรอดูอาการ หากมีอาการก็รีบไปหาหมอ แจ้งประวัติตัวเองให้เรียบร้อย มีโอกาสก็ให้กำลังใจคนทำงานทุกส่วน ที่ต้องเอาตัวเองเข้าไปเผชิญอันตรายเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ไม่โทษกันหรือเห็นแก่ตัวโดยการจงใจแพร่กระจายเชื้อโรคไปสู่ผู้อื่น รวมถึงให้กำลังใจคนป่วยหรือคนที่กักตัวรอดูอาการด้วย ช่วงที่เกิดวิกฤติแบบนี้มีความหดหู่และน่าเบื่อ เราจึงต้องหันมาช่วยให้กำลังใจกันเข้าไว้เถอะนะ
ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทั้งนั้น รวมถึงก็อยากให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็วที่สุด และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่อย่างไรก็ดีเราทุกคนจะต้องมีสติ ไม่หวาดกลัวหวาดผวากันมากจนเกินไป ตัวโรคไม่ได้ร้ายแรงเท่าโรคอื่นๆ แต่ที่น่ากลัวคือเราควรต้องรีบหยุดการแพร่ระบาดนี้ให้ไว ก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้ ก็ต้องมีร่วมมือร่วมใจกัน สามัคคีคือพลังที่จะช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ในที่สุดค่ะ
cr. https://pixabay.com/photos/face-mask-tree-ornament-lights-5819709/
คิดว่าตัวเองพร้อมรับมือกับสถานการณ์ Covid19 มากแค่ไหน?
✪ บทความ โดย : Akine_noxx
✿ เผยแพร่ครั้งแรกในเว็บ Spice/Pepper
❀ ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนะคะ