(กวี)ชายผู้ไม่อาจเขียนบทกวี
เขานั่งอยู่ที่โต้ะญี่ปุ่นกับแมวตัวหนึ่ง
หางของมันกระดิกส่ายไปมาอย่างอารมณ์ดี
ผิดกับความขุ่นมัวในใจของเขา
เขาถูหน้าถูจมูกด้วยความว้าวุ่นใจ
ทำไมเขาถึงเขียนมันออกมาไม่ได้
ทำไมจึงไม่มีบทกวีปรากฎอยู่ในมโนสำนึก
เหตุใดสายธารแห่งวรรณกรรมจึงไม่ปรากฎแก่เขา
เหตุใดผู้อื่นจึงทำได้ดีราวดื่มน้ำจากแก้ว
ไม่มีข้อสรุป ไม่มีคำตอบ มีแต่หยาดเหงื่อจากร่องตา
และน้ำตาสีเลือดที่อยู่ในใจ
เขายังคงนั่งกุมหน้าต่อไปด้วยลมหายใจอันตึงเครียด
เขาอยากล้มตัวลงนอนไปทันทีแต่ก็ทำไม่ได้
เขาคิดว่า นอนมามากพอแล้ว
เขาคิดว่า ตัวเขาต้องทำมันขึ้นมาเสียที
เขาไม่เข้าใจหลักการ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกตน
เขารู้แต่ว่า มันต้องออกมา มันต้องออกมา
เข็มนาฬิกาเส้นเล็กผ่านไปหลายต่อหลายรอบ
แต่หน้ากระดาษยังคงว่างเปล่า
เสียงทุกอย่างเป็นเหตุให้เขารำคาญได้ทั้งนั้น
เสียงแมลง เสียงแมวเสียงหมา เสียงพัดลม
แม้แต่เสียงลมหายใจ เสียงเต้นของหัวใจเขาเอง
หากเขาได้ยิน เขาคงรำคาญด้วยเช่นกัน
'อ่า' เขาพ่นลมออกมาอย่างผ่อนคลายลง
‘อ่าห์’ เขาหายใจเข้าไปเต็มปอด
ก่อนจะคว้าปากกามาจรดเขียนอะไรบางอย่าง
หางของแมวยังคงปัดป่ายอยู่บนโต้ะ
เขาได้แต่ย่นหน้าด้วยความรำคาญใจแต่มิได้ทำอะไร
เขารักมันแม้จะขัดใจกับพฤติกรรมของมัน
เขาเหลือบมองมันที่นั่งคู้อยู่อย่างสบายๆ
'ไม่มีใครบังคับแมวได้' เขาคิด
ทันใดนั้นเอง เขาพลันนึกถึงเรื่องบางอย่างได้
‘หรือว่า หรืออาจจะ…'' เขาก้มหน้าลง
เขาเอาจมูกเอาแก้มถูไถเจ้าแมวอย่างเอ็นดู
เขาเอามือลูบไล้มัน ขณะที่มันหันกลับมามอง
ด้วยแววตากึ่งรำคาญราวกับกำลังบ่นในใจว่า
'เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ เจ้ามะนุด!’
สุดท้ายมันก็ล้มตัวนอนแอ้งแม้ง สุดท้ายเขาก็ลงมือ
เขาไม่รู้หรอกมันออกมาได้ยังไง
เขาไม่รู้หรอกว่า มันใช่พรสวรรค์อย่างที่ใครๆบอกหรือเปล่า
เขาแค่รู้สึกผ่อนคลาย ท่ามกลางสิ่งเดิมๆ
โต๊ะตัวเดิม แมวตัวเดิม เขาคนเดิม
แต่เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้น
เขาไม่รำคาญอีกต่อไป แม้มีเสียงมารบกวน
เขาได้มีเวลา ที่จะยอมแพ้และยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง
แต่เขายังคงสู้ไม่ยอมล้มตัวลงนอน
หรือแม้นอน เขาก็นอนไปพร้อมกับอาวุธในมือ
นั่นคือ สมุดและปากกา
เขารู้แล้วว่า วันหนึ่งต้องเป็นอย่างนี้
แต่ตอนนี้ เขารู้แล้วว่า
วันหนึ่งอาจไม่เป็นอย่างนี้เช่นกัน
เขานึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งของอาจารย์ญี่ปุ่น
‘มันชื่อ ไม่อะไรสักอย่าง …อ๋อ ใช่ ไม่เสมอไป'
มันคือ 'ไม่ เสมอ ไป'
เขาแยกสามคำนั้นได้เป็น
'ไม่ ไม่เป็นไร',
'เสมอ เสมอก็พอ',
'ไป ให้เป็นไป'
'ไม่ ไม่ได้… ก็ไม่เห็นเป็นไร'
'เสมอ แค่เสมอก็ดีพอ...ไม่ต้องชนะเสมอก็ได้'
'ไป มันจะเป็นไป... ก็ให้เป็นไปตามทางของมัน'
เมื่อสามคำแตกเป็นสามวลี
สามวลีแตกเป็นสามประโยค
เขาก็แตกออกด้วยความสบายและปลอดโปร่ง
เขาไม่รู้หรอกว่า บทกวีคืออะไร
เขาไม่รู้หรอกว่า จะสร้างมันออกมาได้เสมอไหม
เขาไม่รู้หรอกว่า สุดท้ายมันจะเป็นไปเช่นไร
เขาพอแล้ว
เขาพอใจแล้ว
แม้ไม่พบบทกวี
แต่เท่าที่มีอยู่ระหว่างปลายปากกากับผิวกระดาษ
ก็เพียงพอแล้ว
เพียงพอแล้วจริงๆ