หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ซาดะ อาเบะ ฉันรักผู้ชายคนนี้

เรื่องราวของซาดะ อาเบะ (Sada Abe) และคนรักของเธออิชิดะชื่อคิชิโซ อิชิดะ (Kichizo Ishida) อาจไม่ใช่ความรักชายหญิงที่ทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นหัวใจหรือซาบซึ้งโรแมนติก หากแต่มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความหลงใหล มัวเมา จนกลายเป็นความวิกลจริตที่เปลี่ยนความรักให้กลายเป็นความสยดสยองจนกลายเป็นตำนานบันลือลั่นของญี่ปุ่นที่ไม่รู้ลืม

ซาดะ อาเบะเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 1905 ในเขตคันดะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบุตรคนที่เจ็ดในแปดของครอบครัวนายชิเงโยชิ (Shigeyoshi) และนางคัทซึ อาเบะ (Katsu Abe) ซึ่งเป็นชนชั้นกลาง

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ในด้านชีวิตครอบครัว พ่อของอาเบะนั้นเป็นคนซื่อสัตย์และซื่อตรง ส่วนแม่ของเธอได้ให้อิสระแก่อาเบะในฐานะบุตรคนสุดท้องของครอบครัวเต็มที่ด้วยการให้ลูกเรียนในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งอาเบะได้เรียนร้องเพลงและการเล่นดนตรีชะมิเซ็ง (Shamisen) แม้ว่าสมัยก่อนจะมองว่าผู้หญิงที่เรียนวิชาเหล่านี้เพื่อหวังเป็นเกอิซาและโสเภณีมากกว่าจะมองว่าเป็นศิลปะโบราณก็ตาม

เมื่ออาเบะเติบโตเป็นวัยรุ่นอายุ 15 ปี ครอบครัวของอาเบะเริ่มเกิดปัญหามากมาย เมื่อพี่น้องหลายคนของเธอล้มป่วยจนเหลือสี่คน อีกทั้งพี่น้องที่น้องของเธอบางคนมีพฤติกรรมไม่ดีในด้านความเป็นเจ้าชู้และหลอกลวงเงินพ่อแม่ แม้แต่ตัวอาเบะเองก็ถูกคนรู้จักข่มขืนระหว่างไปเที่ยว จนกลายเป็นผู้หญิงรักสนุกและมีนิสัยดื้อด้านไม่เชื่อฟังพ่อแม่

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

เมื่อพ่อแม่ไม่สามารถทนได้กับพฤติกรรมที่เหลวแหลกของลูกสาวตัวเอง จึงนำเธอไปขายในซ่องเกอิซาในโยโกฮามาในปี 1922 เพื่อเป็นการลงโทษที่เธอมีพฤติกรรมสำส่อน แต่บางคนเชื่อว่าอาเบะเองอยากเป็นเกอิซาเสียเองมากกว่าเพราะว่าเป็นอาชีพที่ได้เงินดีและเชื่อว่าเป็นเส้นทางที่สดใสที่เหมาะกับเธอ

อาเบะเริ่มต้นด้วยการทำหน้าที่เป็นเด็กฝึกงานเกซิอา แต่ชีวิตไม่ด้วยสวยหรูอย่างที่วาดฝันเอาไว้ เธอต้องผจญกับโลกอันโหดร้ายของเกอิซา ต้องเล่าเรียนและฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่ผลออกมากลับไปในทิศทางที่ไม่พอใจ ในไม่ช้าเธอก็จบลงด้วยการกลายเป็นเกอิซาเกรดต่ำ ซึ่งหมายความว่าเธอต้องมีบริการทางเพศกับลูกค้า เธอทำงานแบบนี้ติดต่อกันถึงห้าปี จนเป็นโรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นเหตุทำให้เธอตัดสินใจหันไปเป็นโสเภณีแทน

ต่อมาอาเบะเริ่มทำงานเป็นโสเภณีที่ซ่องโทบิตะ ในโอซาก้า แต่ชีวิตของเธอก็ยังไม่ดีขึ้น ไม่นานเธอก็มีชื่อเสียงว่าเป็นตัวปัญหา เธอขโมยเงินลูกค้าและพยายามออกจากซ่องหลายครั้ง จนในที่สุดเธอก็กลายเป็นโสเภณีที่ไม่มีใบอนุญาต (ซึ่งเสี่ยงอันตรายกว่าโสเภณีปกติ)

หลังจากนั้นชีวิตของอาเบะก็ตกต่ำเรื่อยมา ไม่ว่าเป็นการเสียชีวิตของพ่อแม่ในเวลาไล่เลี่ยงกัน การถูกตำรวจจับเพราะเป็นโสเภณีไม่มีใบอนุญาต เป็นหนี้ เป็นเมียน้อยคนอื่น ถูกผู้ชายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย จนต้องเป็นโสเภณีเพื่อแลกกับเงินเล็กน้อย ทั้งหมดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าอาเบะมีความอาภัพเรื่องความรัก ไม่เคยเจอรักแท้ กับชายใดเลย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความรู้สึกโหยหาความรัก และพยายามดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อให้ได้มันมาสักวัน

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

จนกระทั่งในปี 1935 ระหว่างที่อาเบะทำงานเป็นแม่บ้านในนาโกย่า เธอก็ได้กลายเป็นนางบำเรอของนายโกโร่ โอมิยะ (Goro Omiya) ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเขาพยายามสนับสนุนให้เธอเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร ในระหว่างที่ถูกส่งไปเรียนรู้ฝึกงานในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอก็พบกับเจ้าของร้านชื่อคิชิโซ อิชิดะ (Kichizo Ishida) ทั้งคู่ต่างลุ่มหลงพึงพอใจในอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทั้งสองรักเรื่อยมาจนกระทั่งนำไปสู่จุดจบอันโด่งดัง

อิชิดะนั้นเป็นชายวัยกลางอายุ 42 ปี เป็นเจ้าของร้านที่อาเบะทำงานอยู่ หลายคนรู้จักเขาว่าเป็นคนเจ้าชู้อย่างร้ายกาจแม้ว่ามีภรรยาแล้วก็ตาม ที่ร้านอาหารของเขาก็มีลูกจ้างหญิงที่คบชู้กับเขาหลายคน ดังนั้น จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่เขาจะเข้าไปหาอาเบะ ในวันแรกๆ ที่เธอเข้าทำงาน

สำหรับอาเบะเองก็รู้สึกชอบอิชิดะครั้งแรกพบ เพราะชีวิตที่ผ่านมาของเธอนั้นไม่เคยพบชายที่เซ็กซี่ น่าดึงดูดและหลงใหลแบบนี้มาก่อน ทำให้ทั้งคู่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นเป็นต้นมา หากมีเวลาว่าง หรือมีโอกาสเมื่อไหร่ ทั้งคู่จะเดินควงกันเปิดห้องในโรงแรมม่านรูด เพื่อร่วมรักกันแบบมาราธอนข้ามวันข้ามคืน พร้อมกันนั้นทั้งคู่ยังมีการแต่งบทกวีเกี๊ยวพาราสีแลกเปลี่ยนกัน บางครั้งก็เรียกพนักงานดีดร้องเพลงเกอิซาระหว่างทั้งสองร่วมรักเพื่อให้ดื่มดำกับบรรยากาศโรแมนติกมากที่สุด

ต่อมา การร่วมเพศของทั้งคู่เริ่มพิสดารขึ้น เมื่ออิชิดะพบว่าเขามีความสุขในช่วงจังหวะที่ขาดอากาศหายใจ ในขณะร่วมรักใกล้สำเร็จความใคร่ อิชิดะจะให้อาเบะใช้สายสะพายโอบิของกิโมโนรัดคอของเขาให้แน่น ก่อนที่จะคลายออก และรัดอีกครั้ง ผ่อนอีกครั้ง ทำแบบนี้สลับไปสลับมาจนถึงจุดสุดยอด ทั้งสองสนุกกับมัน ตื่นเต้นกับมัน และทำให้การร่วมรักมีสีสันขึ้น

นานวันอาเบะก็ได้พบว่าตนเองหลงรักอิชิดะ แม้เธอจะผ่านมือชายหลายคน แต่ชายคนนี้พิเศษกว่าใคร เธอรักเขามาก มากจนความรักของเธอได้พัฒนาจนกลายเป็นความลุ่มหลง และความหึ่งห่วง จนเริ่มมีความรู้สึกไม่ต้องการให้เขากลับไปหาภรรยาของเขา และกลัวเขามีผู้หญิงคนอื่นอีก เพราะมันทำให้เธอเหมือนเป็นผู้หญิงไร้ค่าสำหรับเขา

อาเบะรู้สึกโดดเดี่ยวสิ้นหวังมาก หากอิชิดะออกห่างจากตัวของเธอแม้จะเป็นช่วงเวลาเล็กน้อยก็ตาม เธอเริ่มดื่มเหล้าอย่างหนัก เริ่มมีอารมณ์แปรปรวน ถึงขั้นเธอขู่อิชิดะด้วยมีด และพูดว่าหากเขามีผู้หญิงคนอื่นอีก เธอจะฆ่าเขา แต่อิชิดะไม่สนใจคำเตือนมากนักเพราะมองเป็นเรื่องขบขันล้อเล่นมากกว่า

วันที่ 16 พฤษภาคม 1936 ทั้งคู่ได้เช่าห้องในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในโอกุ (Ogu) เพื่อร่วมรักแบบมาราธอน

การร่วมรักของทั้งคู่ดูเหมือนปกติเหมือนครั้งก่อน จนกระทั่งถึงคืนที่สอง ทั้งคู่ก็เริ่มใช้วิธีรัดคอในช่วงสำเร็จความใคร่ จนเวลาผ่านไปสองชั่วโมง อิชิดะก็เริ่มทานยากล่อมประสาทกว่า 30 เม็ด เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด จนเริ่มหลับในและเอ่ยประโยคหนึ่งเชิงล้อเล่นว่า "เธอจะเอาเชือก(โอบิ)รัดคอฉันอีกครั้งตอนที่ฉันกำลังหลับใช่ไหม ถ้าเธอจะรัดคอฉันล่ะก็ อย่าหยุดล่ะ เพราะถ้าเธอหยุดล่ะก็ ฉันก็จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดอีก"

หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่รู้คืออาเบะได้ฆ่าอิชิดะในขณะนอนหลับด้วยการรัดคอ เพียงแต่ไม่รู้สาเหตุการฆาตกรรมเป็นเจตนาของเธอเองเพราะได้ยินประโยคเชิงล้อเล่นของอิชิดะ หรือเป็นเพราะจังหวะใช้เชือกรัดนานเกินไปจนทำให้อิชิดะขาดใจตายแบบไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาเบะได้บรรยายความรู้สึกหลังจากสังหารอิชิดะในภายหลังว่า “หลังจากที่ฉันได้ฆ่าอิชิดะ ฉันก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างง่ายดาย ราวกับว่าภาระหนักถูกยกออกจากไหล่ของฉัน และฉันก็รู้สึกปลอดโปร่ง”

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง อาเบะยังอยู่กับศพของอิชิดะ ก่อนที่เธอจะหยิบมีดทำครัวตัดอวัยวะเพศของเขา แล้วห่อมันในปกนิตยสาร จากนั้นเธอก็เลือดเขียน"อาเบะ คิจิ อยู่ด้วยกัน" ที่ต้นขาซ้ายของเขาและบนผ้าปูที่นอน และเธอยังสลักคำว่าอาเบะ (อักษรญี่ปุ่น) ไว้ที่แขนซ้ายของเขาเพื่อแสดงถึงความรักของเราทั้งสอง

ประมาณ 8 โมง อาเบะได้ออกจากโรงแรม และบอกพนักงานว่าไม่ต้องรบกวนแฟนของเธอ ซึ่งกว่าที่จะพบศพของอิชิดะ ก็อีกหลายชั่วโมงต่อมา ซึ่งถึงตอนนั้นเธอก็หนีจากที่เกิดเหตุไปไกลแล้ว

ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ อาเบะยังคงพกอวัยวะเพศของเขาติดตัวในชุดกิโมโนเกือบตลอดเวลา อีกทั้งเธอยังคงเดินช้อปปิ้ง ดูภาพยนตร์ และพักอยู่ในชินากาวะในโตเกียวอย่างสบายใจ ที่น่าทึ่งคือเธอยังคงยึดติดกับความรักของอิชิดะ รักจนถึงขั้นได้ร่วมรักกับอวัยวะเพศ เอาอวัยวะใส่เข้าไปในปากหรือแม้แต่พยายามสอดใส่ แม้ว่าอวัยวะเพศดังกล่าวจะแห้งเหี่ยวไม่ทำงานแล้วก็ตาม

จนกระทั่งวันที่ 21 พฤษภาคม ในช่วงเวลาบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจนักสืบได้เบาะแสของผู้เช่าห้องคนหนึ่งที่น่าจะเป็นชาดะ บุคคลที่พวกเขาตามหา หลังจากที่พวกเขามาห้อง เธออยู่ที่นั้นพอดี และเมื่อเธอเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนักสืบจึงได้พูดว่า “ไม่ต้องเป็นมีพิธีการมากหรอก คุณกำลังหาซาดะ อาเบะ ใช่เปล่าล่ะ ฉันนี้แหละคือเธอ” เมื่อตำรวจไม่เชื่อ เธอจึงแสดงอวัยวะเพศอิชิดะเป็นหลักฐาน

อาเบะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในข้อหาฆาตกรรม พร้อมทั้งหลักฐานผูกมัดทุกอย่าง เธอยินยอมรับสารภาพโดยดี พร้อมสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไร้วี่แววสะทกสะท้านหวาดกลัว เธอพูดด้วยซ้ำว่าเธอวางแผนที่จะฆ่าตัวตายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุฆาตกรรม เธอตัดใจจะไปโอซาก้า ไปยังหน้าผาในภูเขาอิโคมะ (Mount Ikoma) เพื่อหวังกระโดดฆ่าตัวตายพร้อมอวัยวะเพศของอิชิดะ แต่มาจับได้เสียก่อน

เมื่อตำรวจถามอาเบะว่าทำไมถึงฆ่าอิชิดะที่เป็นคนรักของเธอ ท่าทางของเธอเวลานั้นดูตื่นเต้นและดวงตาเป็นประกาย เธอตอบแค่ว่า “ฉันรักเขามาก ฉันอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาทั้งหมด แต่เนื่องจากเราไม่ได้เป็นสามีและภรรยากัน ตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ เขาคงจะมีผู้หญิงคนอื่น ถ้าหากฉันฆ่าเขา เขาก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นอีก และฉันก็ครอบครองเขาไว้คนเดียว ดังนั้นฉันจึงฆ่าเขา....”

ส่วนคำถามที่ว่าทำไมอาเบะถึงต้องเฉือนอวัยวะเพศของคิซิโซติดตัวไปด้วย เธอตอบว่า “เพราะหากฉันเอาหัวหรือร่างกายเขาไปมันคงยาก ฉันต้องการเอาชิ้นส่วนที่เป็นส่วนหนึ่งของเขา ที่ฉันจะสามารถรำลึกความหลังระหว่างเขากับฉันได้ดีที่สุด”

ต่อมา ข่าวการจับกุมอาเบะกลายเป็นที่โดดดังไปทั่วประเทศ ประชาชนรู้สึกทึ่งพฤติกรรมการก่อคดีสะเทือนของเธอ แม้ว่าเวลานั้นญี่ปุ่นกำลังเครียดจากปัญหาทางการเมืองและทางการทหารอย่างรุนแรงจากสงครามในประเทศจีน แต่เรื่องของอาเบะนั้นเป็นคดีอื้อฉาวทางเพศที่มีสีสันและพิสดารที่น่าสนใจมากในเวลานั้น เป็นเหตุทำให้สื่อมวลชนเริ่มขุดคุ้ยหาประวัติของเธอเพื่อเผยแพร่แก่สาธารณะชนที่ต้องการทราบรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติครอบครัว หน้าที่การงาน ชีวิตส่วนตัวของอาเบะแทบทุกอย่าง

อาเบะไม่ได้ตกเป็นเป้าของสื่อมวลชนอย่างเดียว นายโกโร่ผู้ที่อาเบะให้ความเคารพในฐานะอดีตคนรักก็ถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมอิชิดะหรือไม่ แม้ว่าต่อมาเขาจะได้รับการปล่อยตัว เขาลาออกจากหน้าที่การงานตำแหน่งทางการเมืองและหายหน้าไปจากสังคม ส่วนภรรยาของอิชิดะต้องอับอายขายหน้าเมื่อทราบข่าวสามีของเธอตาย (เธอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามีมีชู้) แต่นั้นก็ทำให้ร้านอาหารของอิชิดะโด่งดังไปทั่ว ทางด้านโรงแรมที่เกิดเหตุได้กลายเป็นที่ดึงดูดลูกค้าที่ส่วนมากเป็นคู่รักมาใช้บริการ โดยเฉพาะห้องที่นายอิชิดะเสียชีวิตได้รับความนิยมเป็นพิเศษ

วันแรกของการพิจาณาคดีของอาเบะ ตรงกับวันที่วันที่ 25 พฤศจิกายน 1936 เธอปรากฏตัวในชั้นศาลในสภาพสวมหมวกรูปกรวยเพื่อปิดใบหน้าของเธอ (ทางศาลอนุญาตเป็นพิเศษ) ในวันนั้นฝูงชนได้แห่อย่างคับคั่นมาจนแน่นศาล

ที่ชั้นศาลซาดะได้พูดถึงความรู้สึกความรักของเธอที่มีต่ออิชิดะไว้ว่า “สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นคือฉันถูก (สังคม) เข้าใจผิดว่าเป็นคนประเภทโรคจิตหื่นกาม ไม่เคยมีผู้ชายในชีวิตของฉันคนไหนที่เหมือนกับอิชิดะ แน่นอนว่าฉันเคยมีผู้ชายที่ฉันชอบ และมีบางคนที่ฉันหลับนอนด้วยโดยไม่คิดเงิน แต่ไม่มีใครเลยที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบเดียวกับที่ฉันเป็นกับเขา...”

การพิจารณาคดีในชั้นศาลเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะอาเบะยอมรับทุกข้อกล่าวหา

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอหวังว่าศาลจะตัดสินโทษประหารแก่เธอ เพื่อที่เธอจะได้อยู่กับอิชิดะ ส่วนทนายของเธอก็ใช้ข้ออ้างลูกความของตนเป็นบ้าเพื่อให้ศาลลดหย่อนโทษ

วันที่ 21 ธันวาคม 1936 ผลการตัดสินของศาลได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในห้องพิจารณาคดี เมื่อศาลได้ตัดสินโทษซาดะ อาบะเพียงแค่จำคุก 6 ปี ซึ่งผู้พิพากษาสรุปว่าเธอมีอาการทางจิตและการจำคุกระยะเวลาดังกล่าวน่าจะเพียงพอในการฟื้นฟูสภาพจิตใจของให้กับเธอกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

อาเบะถูกนำตัวไปคุมขังในสถานกักกันคุกหญิง จังหวัดโทะชิงิ ที่นั้นเธอกลายเป็นนักโทษที่มีพฤติกรรมดี ชอบศึกษาพุทธปรัชญา ต่อมาก็ได้รับการการพระราชทานอภัยโทษ ได้รับการปล่อยตัววันที่ 17 พฤษภาคม 1941 ซึ่งเป็นวันครบรอบห้าปีที่เธอตัดสินใจฆ่าอิชิดะพอดี

หลังอาเบะพ้นโทษ แม้ว่าเธอจะกลับตัวกลับใจ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนแซ่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สังคมญี่ปุ่นไม่ได้ลืมเลือนพฤติกรรมการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญของเธอที่ทำเอาไว้ ตัวตนของอาเบะที่หลายคนรู้จักคือ “โรคจิตเซ็กต์” เป็นเหตุทำให้ชีวิตปั่นปลายนอกคุกของอาเบะไม่ราบรื่นมากนัก สังคมไม่ให้เปิดโอกาสให้เธอแก้ตัว ทำงานที่ไหนก็ไปไม่รอดถูกไล่ออกหลังจากที่นายจ้างรู้ตัวจริงของเธอ

อาเบะต้องทนความอัปยศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำบทสัมภาษณ์และประวัติชีวิตของเธอมาเขียนเป็นหนังสือทั้งทีเธอไม่อนุญาตจนคนรู้จักไปทั่ว ไปที่ไหนก็มีแต่คนล้อเลียน ไปจนถึงถูกครอบครัวและคนรู้จักตัดขาดไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเธออีก

ในเดือนสิงหาคม 1970 อาเบะได้หายสาบสูญไปจากสังคม หลังจากนั้นข่าวคราวของเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไป บางกระแสกล่าวว่า อาเบะเปลี่ยนชื่อและแต่งงานใหม่ แต่ก็ต้องลงเอยด้วยการหย่าร้างเพราะสามีทราบความจริงว่าเธอคือใคร บ้างก็ว่าเธอฆ่าตัวตาย ในขณะที่บางคนพบเห็นบวชเป็นชีในวัดแห่งหนึ่งในคันไซ แต่เรื่องทั้งหมดก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก

ส่วนอวัยะเพศอิชิดะนั้นต่อมาก็ถูกย้ายไปเก็บรักษาที่มหาวิทยาลัยกรุงโตเกียว ในพิพิธภัณฑ์โรงเรียนเวชศาสตร์ แต่หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง อวัยวะเพศก็หายไปและไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน

หลายปีผ่านมา สังคมญี่ปุ่นเปิดกว้างมากขึ้น เรื่องของอาเบะไม่ได้ถูกรุมประณามติเตียนในฐานะ ฆาตกรอีกต่อไป เธอได้รับการชื่นชมประหนึ่งวีรสตรี ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ลุกขึ้น "ขบถ" ที่ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมากปรารถนาจะเจริญรอยตาม (เพราะผู้หญิงตกอยู่ภายใต้การครอบงำกดทับของวิถีชีวิตที่ "ผู้ชายเป็นใหญ่" มาเนิ่นนานหลายศตวรรษ

เรื่องราวของอาเบะมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและวรรณกรรมของญี่ปุ่น ถูกถ่ายทอดเป็นผลงานมีค่าหลายชิ้นไม่ว่า ภาพวาด, บทกวี, บทกลอน, ภาพยนตร์มากมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก ความเร้าอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิง ที่น่าขนลุก ยกตัวอย่าง ภาพยนตร์คลาสสิกอย่าง “อาณาจักรแห่งความรู้สึก” (The Realm of the Senses) ที่ฉายในปี 1976 กำกับโดยนางิสะ โอชิมา (Nagisa Oshima) ที่สร้างความตลกตะลึงไปทั่วโลก ด้วยเนื้อหาเต็มไปด้วยฉากมีเพศสัมพันธ์ที่วิตถาร พิสดารก่อนที่จะจบด้วยฉากช็อกคนดู ด้วยฉากความตายที่สยดสยอง จนถูกห้ามหรือเซ็นเซอร์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก

ทุกวันนี้เรื่องราวของซาดะ อาเบะยังคงเล่าขานจนกลายเป็นบุคคลประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อย

เรื่องเด่น ต่วย'ตูน พิเศษ >

ฆ่าเพราะรัก โดย Cammy

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

ย้อนตำนาน! โสเภณี่ผู้ฆ่าคนรัก! ตัดอวัยวะเพศของเขา พกติดตัวในชุดกิโมโน เป็นที่ระลึก

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: LadyBlues
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เมื่อท่านรมต.ลาว เม้นแซะไทย ลั่น ถึงลาวไม่หลุดพ้นจากประเทศด้อยพัฒนา..แต่ลาวไม่มีขอทานแบบไทย!?พบใบชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในสุสานราชวงศ์ฮั่น ค้นพบใบชาโบราณอายุกว่า 2,150 ปีในสุสานจักรพรรดิจีนกุนขแมร์โวย! หลัง ‘เสี่ยโบ้ท‘ โพสแจ้งยกเลิกการแข่งขันทั้งหมดกับเขมรกลางดึกเลขลับปฏิทินสุริยคติ เข้า 2 ตัวบนตรงๆ 26 ตาม 1 เมษายน 2567ถ้าเราดื่มน้ำน้อย หรือมาเกินไป จะเกิดอะไรกับร่างกายของเรา?ความน่ารักสดใส ของปลาคาร์ฟที่แหวกว่ายผ่านท่อระบายน้ำข้างถนนในญี่ปุ่นนักดื่มกระทิงแดง กำลังมองหากระป๋อง ที่มีจุดสีน้ำเงินอยู่ข้างใต้ปรี๊ดเลย! "ครูไพบูลย์" โดนแซวว่าเล็ก..โต้กลับทันที "ผมเล็กหรือคุณโบ๋" กันแน่5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่งโป๊ะแตกอีก! เมื่อเขมรพยายามตัดต่อวิดีโอเพื่อใช้อ้างว่า "สงกรานต์" คือของเขมรแต่โบราณ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สถานีโทรทัศน์หนึ่งเดียวในประเทศลาว ที่ยังออกอากาศอยู่ในปัจจุบัน6 ชนิดอาหารที่ทานประจำทำให้แก่เร็ว!เมื่อท่านรมต.ลาว เม้นแซะไทย ลั่น ถึงลาวไม่หลุดพ้นจากประเทศด้อยพัฒนา..แต่ลาวไม่มีขอทานแบบไทย!?ลุงเปิดพัดลมคลายร้อนทั้งวันทั้งคืน จนช็อตไฟไหม้บ้านทั้งหลัง 🥺
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
6 ชนิดอาหารที่ทานประจำทำให้แก่เร็ว!attraction: สถานที่ท่องเที่ยวsuggestion: คำแนะนำ ข้อเสนอแนะรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรก ที่สร้างเสร็จและเปิดใช้งานในประเทศไทย
ตั้งกระทู้ใหม่