Danmachi canon Astrea Record 2-1
บางคน เคยบอกว่า "ดาวจะไม่มีทางลืมเเสงสว่างของมัน"
บางคนตรมใจ "ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ เเม้เเต่ดางดาวก็ไม่อาจเห็นได้"
บางคนกรีดร้อง "เหมือนกับความถูกต้องนั้นได้ถูกกลืนหายไปเเล้วโดยความชั่วร้ายที่ไร้ความปราณี
เราสูญเสียนักผจญภัยมากมายในสงครามนี้เเละจำนวนผู้ตายก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สาวผู้เป็นเทพนามแอสเทรียกล่าว
กาเนชาได้กล่าวขอโทษเด็กๆของตนเองที่เสียชีวิตไปเเล้ว เเม้รู้ว่ามันจะไม่มีความหมายก็ตาม เป็นถึงเทพผู้นำเเฟมิเรีย เเต่ก็ทำได้เพียงเเค่หลังน้ำตาเท่านั้น
ดวงวิญญาของเหล่าเด็กๆไม่ได้อยู่ที่นี่เเล้ว. ไม่มีดวงวิญญาณให้ไว้อาลัยหรือให้พร เฮอร์เมสกล่าว
บทที่ 2 สองวันหลังจากเหตุการณ์พาทเเรก
เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ทำไมพวกเราถึงติดอยู่เมืองนี้เนี่ย ให้พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้นะ !! เกิดเสียงโวยวายของผู้คนหน้าประตูข้างในเมืองโอราริโอ
ฟัลกาชายผมสั้นสีเหลืองหนึ่งในสมาชิกเเฟมิเรียเฮอร์เมสได้เดินออกมาเเละบอกว่าข้างนอกมันอันตราย ยังมีกลุ่มเอวิรุสอยู่ หากให้ออกไปจะไม่ปลอดภัยเเละคุ้มกันได้ยาก
เอสฟี่สาวผมสั้นสีฟ้าอมเขียวยืนสนทนากับชักตี้สาวผมสั้นสีฟ้าเข้ม ปกติเวลาเเบบนี้พวกเราน่าจะเป็นสายลับ,ไม่ได้มีหน้าที่มาปลอบคนเเบบนี้ ชักตีพวกเราต้องทำอะไรซักอย่างก่อนที่พวกงี้เง่านี่จะพังออกไปข้างนอก
ชักตี้ได้กล่าวว่า เเน่นอนว่านี่คงเป็นแผนของพวกมัน เป้าหมายไม่ได้มีเพียงเเค่นักผจญภัยเเเต่รวมถึงทุกๆคนในเมืองนี้
ถึงเเม้จะออกไปนอกประตูได้ เเน่นอนมันต้องมีกับดักรออยู่ เเละพวกเราก็ไม่มีกำลังเหลือเเล้ว
ทันใดนั้นมีเสียงเตือนของชักตี้เองบอกให้รีบหนีโดยเร็ว ไม่ทันไรก็มีบางสิ่งร่วงลงมาจากฟ้า เเละเกิดเเรงระเบิดขึ้น เอสฟี่มองเห็นพวกมันอยู๋บนกำเเพง
ในขณะที่ชักตี้กล่าวเสริมขึ้นมาว่า พวกมันกำลังทำให้เมืองโอราริโอเหมือนกรงขังพวกเรา
วัลเล็ตตาหัวเราะพึงพอใจกับผลงานเเละสั่งให้ลูกน้องสังหารทุกคนที่พยายามออกนอกเมือง จะใช้เวทมนต์ ระเบิดหรืออะไรก็ได้
อีกที่หนึ่งในห้องประชุมฟินได้สนทนากับโลกิเทพผู้นำของตน ศัตรูอยู่รอบเมืองโอราริโอ พวกเราไม่สามารถคาดหวังกับกองกำลังสนับสนุนได้ เสบียงก็ถูกตัดขาด เเม้เเต่อพยพผู้คนไปเมืองเมเรนยังไม่ได้เลย
**Melen เป็นเมืองท่าเรือตั้งอยู่สามกิโลเมตรไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของ Orario***
''ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันสงครามการบั่นทอนกำลังหรือยังไง เราาถูกปิดล้อมเเล้วหรือเนี่ย''เทพสาวผู้นำกล่าว
''พวกเรากำลังวุ่นวายกับการรักษาผู้บาดเจ็บ เคลียพื้นที่ที่พังทลายลงมา เเละเเจกจ่ายอาหาร ในขณะที่เสบียงเราหมดเเละนักผจญภัยนั้นกำลังอ่อนแอลง''ฟินกล่าว
''ในขณะที่ผู้คนนั้นกำลังสับสนเเละหวากกลัว อาจถูกชักจูงง่ายได้จากพวกบ้านั้น เราอาจถูกหักหลังจากผู้คนที่พวกเรากำลังปกป้องอยู่ในบางซักวัน'' โลกิกล่าว
การเร็ทหลังจากฟื้นก็ได้เดินเข้ามาในการสนทนาของทั้งคู่เเละได้รู้ว่ามี่ซาทอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ฟินอธิบายสถานการณ์โดยรวมทั้งหมดเเละบอกว่าพวกเราจะตั้งมั่นที่สวนกลางเมือง
มันจะเป็นที่มั่นหลักหรือไม่อาจเป็นจุดป้องกันด่านสุดท้ายของพวกเรา ''คิดว่าเป็าหมายของพวกมันคือสวนกลางเมืองหรือหอบาเบล''กาเร็มถามลอยๆ
คิดว่าน่าจะพยายามยึดหอบาเบลซึงเป็นเหมือนฝาครอบดันเจี้ยนเเละปล่อยมอนสเตอร์ออกมา หรืออะไรทำนองนั้น โลกิกล่าว
ฟินเห็นด้วยเพราะมันเป็นวิธีที่ไวที่สุดในการทำลายเมืองโอราริโอ กาเร็ทสงสัยว่าทำไมพวกมันไม่รีบลงมือให้จบๆ ตอนที่เทพถูกส่งกลับสวรรค์ **ตอนเทพถูกส่งกลับหรือถูกทำให้ตาย นักผจญภัยจะสูญเสียพรจากเทพ**
ฟินกล่าว ''ลองมาคิดๆดู ศัตรูของเรามีเลเวล 7 เปรียบเสมือนบอสประจำชั้นในชั้นล่างของดันเจี้ยน เเต่ถึงอย่างงั้นสิ่งที่เเตกต่างคือความเป็นมนุษย์ นั้นหมายความว่าพวกนั้นย่อมว่องไวกว่ามอนสเตอร์
พวกเราได้ขุดหาข้อมูลตอนอยู่ที่สวนกลางเมือง ว่าถ้าเราสู้กันเเบบซึ่งๆน้าด้วยทุกอย่างที่เรามีตอนนั้นผลจะเป็นอย่างไร สรุปคือเรามีสิทธิ์ที่ชนะเเม้จะเพียงเเค่เล็กน้อยถ้าเราทุ่มสุดตัว
ถ้านักผจญภัยระดับ 1 ทั้งหมดมารวมตัวกันโอกาสชนะก็อาจเพิ่มขึ้น นั้นหมายความว่าพวกมันเลือกที่จะไม่เสี่ยงกับความเป็นไปได้อันน้อยนิดที่จะเเพ้พวกเรา ดังนั้นพวกมันจึงใช้แผนปิดเมืองนี้เพื่อที่จะฝังพวกเรา''
ฟินคิดในใจ "ค่อนข้างเเน่ใจว่าอิวิรุสคิดเเละวางแผนอะไรอยู่เเต่อะไรคือเหตุผลที่ทำให้พวกมันต้องเดินเกมอย่างระมัดระวังขนาดนี้ นี่มันเหมือนเเค่การเดินเล่นเกมของเทพ เเต่ถึงอย่างนั้นซาทกับลูกน้องก็ไม้ได้มาโจมตีเเบบกองโจรซึ่งสามารถสร้าง
ความเสียหายได้ดีทีเดียว เเต่อะไรที่หยุดไม่ให้พวกมันทำเบบนั้น มีอะไรที่มากกว่าที่เราจินตนาการไว้อีกหรอ)
ณ อีกสถานที่หนึ่งในเหตุการณ์ถัดไป เด็กผมทองได้ฟาดฟันศัตรูโดยที่ไม่ฟังคำเตือนของหญิงเอลฟ์ชั้นสูงเลยเเม้เเต่น้อย ‘’โอเคน่า หนูทำได้’’ เสียเล็กๆของเด็กวัย 9 ขวบ เธอเคลื่อนไหวด้วยความว่องไวสมฉายา War Princess เพียงพริบตาก็กวาดศัตรตรงหน้าจนหมดหนูจัดการเรียบร้อย ~
**บทสนทนาระหว่างริเวรียกับหนูไอส์ ขอใช้สรรพนาม''เเม่''เเทนริเวเรียนะครับ ในเนื้อเรื่องก็เหมือนเเม่บุญธรรมนี่ละ เวลาอ่านจะได้ไม่รู้สึกแปลกๆตอนเด็กเรียกชื่อห้วนๆ**
ไอส์ได้เข้าทำการสังหารศัตรู ก่อนที่อีกฝั่งจะทำการระเบิดตัวเอง ช้าไปค่ะหนูรู้หมดเเล้วท่านฟินบอกหนูว่าท่าทางแบบนั้น จะกำลังเตรียมการระเบิดตัวเองใช่ไหม? ไม่มีทางเสียหรอก!!
เจ้าหนูนี่ทำการฟันเพื่อขัดขวางการระเบิด เเถมตอนนี้ระเบิดเราก็ยังไม่ทำงานอีกด้วย มันเป็นไปได้ยังไง เเย่เเเล้ว!! ฉึบ.. เสียงดาบถูกฟันลงอย่างรวดเร็ว
เสียงของหญิงสูงศักดิ์เผ่าเอลฟ์ผู้ดูเเลตัวเจ้าตัวน้อยมีศักดิ์เสมือน''เเม่'' ริเวเรียได้เปล่งเสียงตะโกน ''นี่ช้าก่อน เจ้าหนู!! โถ่เอ้ยเจ้าเด็กนี่ช่วยเข้าใจความรู้สึกฉันซักนิดหน่อยไม่ได้หรือไง..''เธอพูดเชิงตำหนิ
หลังจากนั้นก็นึกโมโหฟินหลังจากถูกฝากฝังให้ดูเเลเด็กน้อยคนนี้ "เรียบร้อย" ไอส์กล่าวด้วยความภูมิใจ ก่อนที่จะโดนขุนเเม่เอลฟ์ซัดหัวไปทีนึง ดังผัวะ!!!! โอ้ย หนูเจ็บนะ T T
นี่มันเเค่บทลงโทษเริ่มต้นเจ้าหนู :( เมืองโอราริโอในตอนนี้มันอันตรายกว่าในดันเจี้ยนมากตอนนี้ คิดให้รอบคอบก่อนจะลงมือทำอะไรเข้าใจไหม!!!! ซิกๆเสียงสะอื้น น้ำตาคลอเบ้า
อย่ามาทำหน้าอ่อนแอเเบบนั้นนะ หนูควรจะฟังที่เเม่พูดบ้างเเต่หนูไมทำ ทำไมถึงเป็นเเบบนั้นไปได้!!? ก็เพราะว่าหนูรู้ว่าสามารถจัดการทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวคนเดียวไงค่ะ
เจ้าเด็กนี่..!!? ''เเถมเเม่..ก็ยังบาดเจ็บอยู่ด้วย ซิกๆ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมหนูถึงต้องทำมัน หนูไม่อยากเห็นเเม่ต้องบาดเจ็บ" ไอส์พูดเสียงอ่อยๆ ริเวเรียซึ่งได้ยินคำพูดนั้นถึงกับตกใจไม่คิดว่า เจ้าหนูนี่คิดถึงขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
เเม่เข้าใจที่หนูพูดนะ เเต่นั้นก็เป็นสิ่งเดียวที่เเม่รู้สึกกับหนูเช่นกัน เเม่ยอมบาดเจ็บดีกว่าจะเห็นหนูบาดเจ็บนะไอส์
นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เเม่รู้สึกเเย่ยิ่งกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหนู ''ได้ค่ะเเม่ หนูเข้าใจเเล้ว''ไอส์ตอบ อย่างร่าเริงทันควัน หลังจากนั้นริเวเรียได้เรียกไอส์เเละทำการเช็ดรอยคราบเลือดออกจากหน้า
พร้อมพูดว่า''อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับคราบเลือดจนเคยชิน ให้เก็บความรู้สึกที่อึดอัดนี้ไว้ ความรู้สึกที่ต้องมาสังหารเผ่ามนุษย์ด้วยกันเอง เเละก็จงอย่าลืมว่าศัตรูคือมนุษย์ไม่ใช่มอนสเตอร์''
''เเม่ ทำไม่พวกเราต้องฆ่ากันเองละค่ะ'' คำถามถูกเอ่ยขึ้น ริเวเรียชะงักไปครู่นึงเมื่อได้ยินคำถาม หนูรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกอิเวรุสมาโดยตลอด เเต่พวกเรามีศัตรูอื่นที่เราต้องสู้ไม่ใช่หรอ ไม่ใช่ว่าเราต้องร่วมมือกัยสู้กับมอนสเตอร์หรอเเม่?
เเน่นอนว่าสิ่งที่หนูคิดนั้นถูกต้องเเล้ว พวกเรานั้นเป็นพวกที่โง่เขลาที่ต้องมาสังหารเผ่าพันธุ์เดียวกันเอง
ณ สถานที่ภายในเมืองอีกเเห่งหนึ่ง
''เรียบร้อยหรือยัง ''หญิงตัวเล็กผมชมพู ไลลา ถามเพื่อนร่วมกิลหญิงผมยาวสีดำสนิท ชุดกิโมโน คางูยะ ''อืม ฉันจับความรู้สึกของคนเเถวนี้เลยไม่ได้เลย มีเเต่ซากศพเละเทะไปหมด ''
อาริเซ่สาวผมเเดงที่ได้ยืนคุยกับเนเซสาวกึ่งสัตว์อีกจุดหนึ่ง " นี่ เนเซ พวกเรามีวิธีรับมือกับโรคระบาดหรือเปล่า" มีพวกกลุ่มคนของดิอันเคทเเฟมิเรียกับลังช่วยเรื่องนี้ เเละยังมีพวกนักบุญที่กำลังร่วมกับพวกเราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
''นักบุญหรอ'' อา...ใช่ เธอน่าจะหมายถึงเจ้าหนูน้อยนั้น โอเคเราจบภารกิจการช่วยเหลือผู้คนเเถวนี้เเล้วไปต่อกันเถอะ
''ฉันอยากอาบน้ำ ดื่มซุบร้อนๆเเล้วก็นอนลงบนเตียงสบายๆเเล้วเนี่ย'' ไลลาพูดลอยๆด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่คางูยะจะดับฝันของเธอ ''ลืมไปได้เลยไลลา หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเธอก็ต้องมาเดินเฝ้าลาดตระเวนต่อ พวกอิวิรุสยังอยู่ทั่วทุกมุมเมือง''
''จ้าๆฉันรู้ เเต่ถึงพวกเราจะเป็นนักผจญภัยที่เก่งยังไง เเต่พวกเราก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ พวกเรายังไม่ค่อยได้พักผ่อนกันเลยตั้งเเต่การต่อสู้ที่เเล้ว''
สาวเอลฟ์ยืนก้มหน้าเเละนิ่งเงียบกว่าปกติ ในดวงตานั้นหม่นหมอง อาริเซ่เดินเข้ามาเเละพยามชวนเธอคุย ''เงยหน้าขึ้นหน่อยซิ ริว พูดอะไรบ้างก็ได้ เธอดูหม่นหมองมากเลยนะมันไม่ดีต่อเธอเลยนะ อย่าเก็บทุกอย่างไปคิดคนเดียวซิ อัดอั้นมากๆเดี๋ยวมันก็ระเบิดออกมาหรอก นี่พวกเราก็ใกล้จะถึงที่ตั้งแคมป์ชั่วคราวเเล้วด้วย เมื่อเราไปถึง พวกเราควร.....''
ไลลาหันไปมองผู้คนที่กำลังเดินมาทางนี้" เฮ้! มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า'' ไลลาถาม ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความไม่พอใจ "พวกเราคิดว่าเเอสเทรียเเฟมิเรียเป็นกิลเเห่งความถูกต้องเสีบอีก หรือพวกเราคิดผิด?''
คางูยะเเละไลลาได้เเค่ตกใจกับคำพูดนั้น หญิงสาวภายในกลุ่มได้กล่าวด้วยความเศร้า '' ไม่ใช่ว่าพวกเธอต้องคอยช่วยเหลือพวกเราเเละปกป้องพวกเราหรอกหรอค่ะ ''
''พวกเเกมันคนโกหก เธอไม่ควรจะมาตายด้วยซ้ำถ้าไม่ใช่เพราะพวกเเก''ชายในกลุ่มกล่าว เกิดการขว้างสิ่งของใส่พวกอาริเซ่ด้วยความไม่พอใจ. ''ถอนคำพูดพวกคุณเดี๋ยวนี้เลยนะ''ริวพูดสวนกลับไปด้วยความขุ่นเคือง ''พวกเราสู้อย่างเต็มที่เเล้วเดิมพันกับทุกอย่างที่พวกเรามีทั้งหมด เเล้วนี่หรอ คือสิ่งที่พวกคุณตอบเเทนพวกเรา? คำพูดที่ดูถูกกันเเบบนี้ พวกเราก็เสียคนที่สำคัญไปเหมือนกันนะ!! อาร์ดี้ คนคนนั้นเธอไม่มีทางกลับมาเเล้ว!! "
"พวกคุณนี่มัน..."คางูยะพูด ทันใดนั้นอาริเซ่ก็เดินไปหากลุ่มคนพวกนั้น
คางูยะพยายามเตือนไม่ให้เธอเข้าไปใกล้เพราะมันอันตราย หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวก็โดนสิ่งของที่ถูกขว้างมาใส่เกิดเลือดไหลบริเวณหน้าผากไหลลงมาผ่านเเก้มก่อนจะหยดลงเสื้อเป็นสีเเดงฉาน
''ฉันขอโทษจริงๆ''อาริเซ่กล่าวโดยไม่สนใจเเม้ตัวเองจะโดนทำร้าย " ถ้าพวกเราเเข็งเเกร่งกว่านี้ละก็.... ขอโทษที่พวกเราไม่สามารถปกป้องใครบางคนที่คุณรักได้.. พวกเราขอโทษจริงๆ '' เธอได้ก้มขอโทษเเสดงความเสียใจออกมา
ริวนั้นตกใจกับการกระทำของอลิเซ่เพราะไม่คิดว่าเธอจะยอมทำถึงขนาดนี้ ''คำพวกเเกไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ลูกของฉันคงมีชีวิตอยู่ถ้ามันไม่ใช่เพราะพวกเเก!! ''หญิงสาววัยกลางคนเดินเข้ามาตบหน้าอาริเซ่ ''เพราะพวกเเก...ลูกของฉันถึงได้"
''หยุดก่อนที่รัก เธอจะทำเเบบนี้กับพวกนักผจญภัยไม่ได้นะ"สามีของเธอเดินเข้ามาห้าม ลีอาห์เคยถูกพวกเขาช่วยมาเเล้วนะ เเต่เเค่ครั้งนี้.. น้ำตาของผู้เป็นพ่อนั้นก็เริ่มไหล "ไม่อยากจะเชื่อเลยมันเกิดขึ้นได้ยังไง''สองสามี ภรรยาเริ่มร้องไห้พวกเขาทรุดลงกอดกัน
ริวได้หันไปเห็นซากตุ๊กตาข้างๆตึกปลักหักพัง ''อ่า..เด็กคนนั้นเอง เด็กสาวที่พวกเราเคยช่วยไว้ก่อนที่นี้ ใช้เเล้วพวกเราเคยช่วยไว้ครั้งนึง..พวกเร..าได้ช่..วยไว้จริ..งด้วยซินะ เเต่ครั้งนี้....ไม่นะ..ไม่จริง...ม่ายยยยยยย เสียงร้องโฮกใหญ่ถูกเปล่งออกมาจากเอลฟ์สาว
เปรี๊ยะๆ..เกิดรอยร้าวขึ้นมาไหนสักเเห่งมันเเผ่ขยายจนเต็ม เเละเเตกสลายจนไม่มีชิ้นดี ความถูกต้องนั้นได้กลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆหล่นกระจัดระจายลง ริวได้ล้มนอนลงไปพร้อมกับกับความรู้สึกที่เเตกเป็นเสี่ยงๆ
ไลลารีบวิ่งเข้ามาเเละพยายามปลุกริวเเละร้องเรียกให้คนช่วย
~ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกกลืนกินโดยความมืด~มีเสียงคำถามเกิดขึ้นมา"อะไรคือคำนิยาม ของ ความถูกต้อง?"'เสียงกระซิบของคำถามซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้ดังกึ่งก้องไปหมด''
''นี่..ความฝันหรอ'' พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าฉันเงาเธอคนนั้นยืนอยู่ข้างหน้า ฉันพยายามยืนมือออกไปเพื่อคว้าเธอ เเต่มันก็ไม่ไปถึงซักที. ริมฝีปากสบกันเป็นจังหวะเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างขณะที่ฉันทำได้เพียงเเค่มองเท่านั้น
ลิออน~เธอเรียกชื่อฉันเหมือนกับมีบางอย่างที่เธออยากบอกให้ฉันรู้
อาร์ดี้ อาร์ดี้ ริออนเรียกเสียงก่อนลืมตาตื่นขึ้นมา ‘ฉันอยู่ที่ไหนกัน’ ที่นี่ก็บ้านของพวกเราไงหญิงสาวผมยาวสีดำตอบ ฟื้นซักที รีบลุกขึ้นเเละก็เตรียมตัวได้เเล้ว คางูยะกล่าวกับริว อิวิรุสไม่รอเราหรอกนะ เนเซออกไปเเล้วด้วยพวกเราก็ควรตามไปเช่นกัน
ทำไมคางูยะ? ''หือ?อะไรหรอ''คางูยะพลันตอบเเละหันไป ‘ก็หลังจากที่ทุกอย่างเกิดขึ้นทำไมเธอยังเเสดงเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีก คางูยะ พวกเราสูญเสียผู้คนไปมากมาย เสียใครบางคนที่ครั้งหนึ่งเราเคยช่วยไว้ สุดท้ายเเล้วก็โดนผู้คนหมดศรัทธาขว้างปาสิ่งของใส่เเบบไม่ใยดี เเล้วอาร์ดี้ก็ยังต้องมาตาย ทำไมกัน เธอถึงได้... ทำเสเเสร้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีกกก!!!’ ''เฮ้อ ยัยเด็กบ้า'' เธอว่าอะไรนะคางูยะ!? คางูยะอธิบายต่อว่า ตั้งเเต่ที่พวกเราเเบกรับหน้าที่ในฐานะของความถูกต้อง พวกเราต้องเตรียมพร้อมที่จะยอมรับวิพากษ์วิจารณ์ การพูดลับหลัง คำตำหนิ หรือเเม้เเต่การเสียสละก็ตาม พวกเรานั้นได้เตรียมใจมาก่อนเเล้วตลอดเวลาที่เราทำหน้าที่นี้ เเต่เธอในตอนนี้ดูเหมือนว่ายังไม่พร้อมที่จะยอมรับมันริว สาวเอลฟ์ได้ฟังถึงกับพูดไม่ออก ''เธอเป็นสมาชิกใหม่ที่สุดที่เข้ามาในกิลของพวกเรา เเละเธอยังเตรียมมาไม่เพียงพอ ไม่มากก็น้อย ริวริออน''
ฉันพยายามบอกมาโดยตลอด ว่ามันไม่มีทางที่เราจะปกป้องเเละช่วยเหลือทุกๆอย่างรอบๆตัวเราได้ ริวได้นึกย้อนกลับไปเเละจำได้ว่าเป็นความจริง เพราะประโยคที่คางูยะพูดเมื้อกี้เธอเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้เเล้วตอนลงปฏิบัติภาระกิจร่วมกัน เพียงเเต่เธอไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าที่ควร
ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ตกใจกับสถานการณ์ที่กำลังเจออยู้ตอนนี้นะริว อย่างไรก็ตามถ้าพวกเราเตรียมใจมาก่อนเราก็จะยอมรับมันได้ ริวปฏิเสธโดยทันทีว่า ''ไม่..เราจะเรียกการเสียสละที่เตรียมใจเเละคาดหวังมาเเล้ว ว่าความยุติธรรมได้อย่างไร'' '' นั้นไม่ใช่ความถูกต้อง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในความหมายของเทพแอสเทรีย นั้นไม่ใช้สิ่งที่เทพของพวกเราต้องการให้เราเชื่อมั่นอย่างเเน่นอน'' เผชิญหน้ากับความจริงหน่อยริว เข้าใจกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า บางครั้งเราอาจถูกบีบให้ตัดสินใจสิ่งสำคัญ เเต่เธอยังไม่ได้อยู๋ในจุดนั้นริว ไม่ว่าเธอจะเก่งเเค่ไหน เเต่เธอก็มีจิตใจที่อ่อนแอสุดในหมู่พวกเรา เธอยังเป็นเด็กบริสุทธิ์อยู่เลยนะลิออน
'' พูดอย่างนี้ฉันได้ยังไง!!คางูยะ'" เสียงประตูเปิดดังขึ้นสาวผมเเดงวิ่งเข้ามาคั่นสถานการณ์ก่อนจะบานปลาย '' นี่คางูยะ เธอกำลังทำอะไรของเธอหน่ะ เเล้วก็ริวด้วยเพิ่งตื่นขึ้นมาไม่ใช่หรอใจเย็นๆก่อน ซิ " อาริเซ่บอกฉันที เธอก็เตรียมพร้อมที่จะสละชีวิตเหมือนกันใช่ไหม เธอยอมรับการตายของเพื่อนหรือบางสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ด้วยใช่ไหม? ได้โปรด...บอกฉันที ว่าความถูกต้องที่พวกเรานั้นต่อสู้มาด้วยกันคืออะไร ขอโทษที่นะ ริว ฉันคิดว่าฉันคงไม่มีคำตอบของคำถามที่เธอถามมาหรอก ริวได้วิ่งออกไปเเละได้พูดกับตัวเองว่า
"สิ่งเเค่ต้องการเพียงเเค่ เธอบอกว่าฉันคิดผิดอาริเซ่ ยิ้มให้ฉันเหมือนทุกครั้ง จับมืดเเละผลักดันฉันเหมือนที่เธอเคยทำ"
กัปตันดูเหมือนว่ารอบนี้ดูจะพูดตรงเกินไปนะ คางูยะกล่าวกับอาริเซ่ เด็กคนนั้นต้องรับไม่ได้เเน่ๆฉันอาจจะพูดบันทอนจิตใจกับเธอ เเต่อาริเซ่เธอไม่ควรนะ ฉันรู้ว่าพวกเราควรรักษาน้ำใจกันในวันเเบบนี้เหมือนทุกๆวัน ฉันควรจะยิ้ม เเละให้กำลังใจ เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด เเต่ฉันไม่สามารถโกหกเด็กคนนั้นได้จริงๆ ฉันไม่อยากโกหกเลยจริงๆ.... นี่เธอสองคนดูน่าสิ้นหวังจริงๆ ดีนะที่ฉันตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ สาวเผ่าพาลัมผมชมพู เดินเขามาพูดเเทรกบรรยากาศ อาริเซ่หันไปเเละเรียกชื่อ ไลลา... ไลลาบอก ‘เดี๋ยวฉันจะตามเด็กนั้นเอง มากับฉันด้วยไหมคางูยะ พวกเราเดินด้วยกันเหมือนเข้าเวรปกติรอบๆขณะที่ตามหาเด็กน้อยของเรา’ งั้นฉันก็จะไปด้วย อาริเซ่กล่าว ไลลาปฏิเสธเเละให้เหตุผลว่าควรอยู่กับเนเซเเละคนอื่นๆในฐานะผู้บัญชาการ.หลังจากที่พวกเรากลับมา หวังว่าจะเห็นทุกอย่างเป็นปกติอีกครั้ง คางูยะด้วยกับไลลา ดูหน้าเธอซิดูจริงจังมากในตอนนี้ ไม่ได้เข้ากับเธอเลย. ไลลา คางูยะ เอาละแท็กมือกัน แปะ แปะๆ ฉันจะกลับมาพร้อมกับคำตอบที่ชัดเจน คำนิยามของคำว่า ''ความยุติธรรม''ให้กับ
ริวเเน่นอนฉันจะเฉิดฉายเป็นเเสงสว่างที่สวยงาม นี่กัปตันเราไม่ได้ขอร้องมากขนาดนั้นนะ อย่างไรก็ตามไม่ต้องห่วงเรื่องริว พวกเราจะดูเเลเอง.
แฮ่ก... แฮ่ก... น่าอนาถจริง นี่เราวิ่งหนีออกมาเหมือนกับเด็กเลย ช่างไร้ความหมายเสียจริง
ฟังทางนี้ทุกคน คำพูดที่หนักเเน่นของสาวผมฟ้าเข้มชักตี้ ''ตอนนี้เรามีกำลังเพียงพยิบมือ พนังงานกิลเเละอาสาสมัครกำลังวุ่นกับการดูเเลผู้บาดเจ็บเเละผู้เสียชีวิตอยู่ตอนนี้ นั้นหมายความว่าพวกเราส่วนที่เหลือจะสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีกับพวกอิวิรุส คนที่ยังสู้ไหวให้คิดไว้เสมอว่าเราจะเป็นโล่ที่ปกป้องชาวเมือง
รับทราบหัวหน้า!!!
เเม้เเต่ชักตี้ที่เสียน้องสาวไปเเต่เธอก็ยังทำหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นริวซึ่งยืนมองสถานการณ์อยู่ห่างๆ
ให้ฉันพูดอีกครั้งเราจะไม่ปราณีกับศัตรูของพวกเรา อย่าทำตัวโง่เขลาเหมือนน้องสาวของฉัน อาร์ดี อาร์ดีเธอตายจากความปราณีเเละความใจดีของเธอ เธอตายเพราะเธอเลือกที่จะช่วยทั้งเพื่อนพ้องเเละศัตรู!!น้องสาวฉันช่างโง่เขลา
ศัตรูของพวกเราไม่มีความลังเลที่จะระเบิดพลีชีพตัวเอง รีบฆ่าพวกมันทันทีที่เห็นถ้าไม่สามารถจับเป็นได้ พวกเราจะไม่ให้ใครในที่นี้เกิดเรื่องซ้ำสองเเบบอาร์ดีน้องสาวของฉันเป็นอันขาด
รับทราบหัวหน้า!!!
เอาล่ะ เเยกย้ายย ริวเดินมาหาชักตี้ ว่าไงลิออน เดินมาคนเดียวหรอ เธอไม่ควรเดินคนเดียวนะ เธอควรกลับไปรวมกลุ่มกับพวกอาริเซ่~
เธอพูดอะไรออกไปเมื่อกี้ชักตี้ อาร์ดีสมควรตายเเล้วหรอ เเละสิ่งที่เธอทำก็ถูกมองว่าโง่เขลา? เด็กหรือไม่นั้นไม่สำคัญ น้องของฉันสูญเสียความเป็นเยือกเย็นเเละคุณสมบัติของนักผจญภัยระดับ 1 ยอมที่จะเห็นใจศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ฉันเตือนเธอตลอดเวลาว่าอย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวมาขวางกั้นตัวเอง ฉันบอกเธอไปเเล้วว่าเราไม่ใช่เทพเราไม่ได้มีความอมตะ ฉันได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์หัวขโมยที่ขโมยกระเป๋าเงินเช่นกัน ในตอนนั้นลิออนเธอก็ไม่เห็นด้วยกับไอเดียโลกสวยของน้องสาวฉันไม่ใช่หรอ? มันไม่มีหรอกนะโลกที่สวยงามไปทุกอย่างในเมืองโอราริโอนี้ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนของฉันมีชีวิตต่อไป เเม้ว่านั้นจะขัดกับความเชื่อของน้องสาวฉัน ฉันเอาความผิดพลาดของน้องสาวเป็นบทเรียนเพื่อก้าวข้ามต่อไปข้างหน้า เเละนี่คือคำนิยาม ความยุติธรรมของฉัน. นี่คือความยุติธรรมจริงหรอ ไม่ฉันไม่ยอมรับมัน ฉันเเค่ไม่สามารถ....ริวพูดกับตัวเอง เป็นพี่สาวอาร์ดีเเท้ๆทำไมถึงพูดกับเธอเเบบนั้นได้ หลังจากพูดจบริวก็ได้วิ่งออกจากไป
กาเนชา ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า? ฉันเป็นถึงพี่สาวของอาร์ดี ฉันไม่ควรพูดว่าการกระทำของน้องสาวฉันในตอนนั้นผิด.คำพูดของลิออนอาจถูกเเล้วก็ได้ใช้หรือเปล่า?
‘’เธอเลือกที่จะอยู่ในวันพรุ่งนี้เเทนที่จะฟังเสียงจากคนตาย.สิ่งที่เธอทำคือเลือกเส้นทางของตัวเองนะ ชักตี้’’ เทพกล่าว
เเน่นอนฉันเลือกเส้นทางของฉันเอง ฉันจะสู้เเละจะไม่ให้เกิดการเสียสละขึ้นอีก บอกฉันทีท่านเทพ 'พวกเราจะต้องเสียสละกันอีกกี่ชีวิตหรอ ฉันจะต้องเสียสละมากเท่าไหร่กัน..."
กลุ่มคนภายในเมืองเริ่มโวยวายกับสถานะการณ์ที่อึดอัดนี้ ไม่มีทั้งยา เสื้อผ้า เเละที่อยู่อาศัยไหนจะอาการบาดเจ็บที่เกิดจากเหตุวุ่นวายอีก
พวกแอสฟี่ได้ทำการช่วยเหลือผู้คนรอบๆประตูทางออกที่เกิดเหตุก่อนหน้ามาที่จุดปลอดภัยเเละเดินมาคุยกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกิลระเเวกนั้น โดยให้เธอรับช่วงต่อ
โดยเธอก็ถามกับแอสฟี่ว่า ‘‘พวกเราจะชนะสงครามนี้ใช่ไหม’’
เธอจึงตอบ ‘‘จะผ่านสงครามนี้ไปได้นั้นต้องขึ้นอยู๋กับการทำงานรวมกันของทุกคน’’
เเม้เเต่สมาชิกในสำนักงานใหญ่ของกิลยังรู้สึกกระวนกระวายกับเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนี้
เเม้จะมีหลายคนถามแอสฟี่ของความเป็นไปได้ที่จะชนะสงคราม เเต่เเอสฟี่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเราจะชนะ เเม้เเต่ความปลอยภัยของผู้คนเธอยังไม่มั้นใจเลยว่าจะสามารถปกป้องผู้คนภายในเมืองได้หมด
ขณะที่เธอยืนคุยกับสมาชิกร่วมกิล เทพเฮอร์เมสก็ได้เดินเข้ามาเเละบอกให้เเอสฟี่ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทุกคนภายในกิล โดยที่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้รับตำเเหน่งนี้จนกระทั่งเทพเฮอเมสได้บอกว่า ลิดิธ อดีตหัวหน้าแฟมได้เสียชีวิตเเล้ว ตอนนี้เธอจะทำหน้าที่นั้นเเทนเอลฟี่ สมาชิกรวมถึงเอลฟี่ถึงกับช็อกไปตามๆกัน
ภายในเมืองก็ยังมีกลุ่มอิวิรุสที่สร้างความวุ่นวายไม่หยุด โดยระเเวกนั้นจะอยู่ใกล้กับกลุ่มคนในสังกัดของโลกิเเฟมิเลีย โนอา บารา ได โดย Raul ได้วิ่งเข้าระเเวกนี้เช่นกันกับ Anakitty เผ่าเเมวโดยราวนั้นอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเขาเพิ่งเห็นการเข่นฆ่าของมนุษย์ด้วยกันเองเป็นครั้งเเเรก ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปหมดทั้วตัว
อีกด้านหนึ่งที่สำนักงานกิล ฟินได้ตัดสินใจจะออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอก มากกว่าการนั่งรอข้อมูลเเละวางแผนภายในกิล Leumann หัวหน้าสำนักงานกิล ได้ถามว่า ทำไมฟินถึงได้เเสดงท่าทางเยือกเย็นเเละสุขุมได้ขนาดนี้ เขาเองยังรู้สึกกลัวไม่หยุดอยู่เลย ไหนจะมีสมาชิกของเฮร่าเเฟมิเรียที่มาเกี่ยวข้อง เทพที่ถูกส่งกลับสวรรค์ตั้ง 9 ชีวิต เเละก็ยังมีอีกหลายแฟมิเรียที่มีเเค่เทพเเต่เด็กของพวกเขานั้นตายไปหมดเเล้ว คงไม่มีอะไรเเย่ไปกว่านี้อีกเเล้ว
ฟินได้ตอบ เพราะพวกเราไม่มีเวลามานั่งเสียใจ จงลุกขึ้นสู้เเละเชื่อมันในตนเอง ถ้ามันยังสร้างความหวังได้เเม่เพียงเล็กน้อยเราก็ควรทำ ถ้าผู้กล้ายังนำความกล้ามาให้ผู้คนไม่ได้เเล้วใครจะทำ Leumann (Brave เป็นฉายาของฟินแปลว่า กล้า)
Leumann ได้ถามฟิน "บอกฉันที ว่าเธอจะเป็นผู้เปิดทางไปสู่ชัยชนะให้กับพวกเราได้ใช่ไหม? พวกเราได้สามารถต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นได้"
พวกเราจะไม่เเพ้ Leumann เเพ้หมายถึงการสูญสิ้นของเมืองนี้ พวกเราต้องการพลังของทุกคนที่เรามี เเละพวกเราต้องการพลังจากเขาเช่นกัน...
ตัดฉากมาที่กลุ่มอิวิรุสที่โดนชายร่างยักษ์ สังหารอย่างง่ายดาย ชายถูกขนานามว่าเป็นนักผจญภัยที่เเข็งเเกร่งที่สุดของเมืองโอราริโอ ณ ตอนนี้
อั๊ก...
‘‘ชิ...น่าหงุดหงิดชะมัด’’ ออต้าบนพึมพัมหลังจักการพวกปลายเเถว ก่อนที่เอเลนจะเดินมา
นายกำลังให้ศัตรูปั่นหัวอยู่ เพิ่งหมดสภาพจากสนามรบไปเเล้วเเท้ๆ
‘‘ไปไกลๆเลย อย่ามายุ่ง’’ นี่กำลังจะไปไหนกัน
‘‘ก็จะไปฆ่าซาท’’ จะไปไหนสภาพเเบบนี้เนี่ยนะ
‘‘มันไม่สำคัญอะไร!!’’ ถ้างั้นก็ตายมันตรงนี้นี่ละออต้า!!!
‘‘ เอเลนนี่หมายความว่ายังไง’’ นายก็รู้ถ้าไปสภาพนั้นผลจะออกมาเป็นยังไง ไม่ว่านายจะไปให้ไอ้ชายชุดเกราะนั้นฆ่าหรือข้าฆ่า มันก็ไม่ต่างกัน อย่าน้อยก็ให้ขอ Excelia(ค่าประสบการณ์) หน่อยละกันถ้านายจะไปตายเเบบไร้ประโยชน์ เเล้วข้าจะเป็นคนจัดการมันเอง
‘‘เอเลนนน...!!’’ เกิดการปะทะขึ้น
“อั๊ก...” เป็นอะไรไปออต้า ช่างน่าสมเพชจริงๆ เมื่อไหร่กัน..ที่ร่างนั้นถึงได้อ่อนแอต่อคมหอกของข้าได้ขนาดนี้ อย่ามาล้อเล่นน่า!!! ออต้า คนที่เป็นคู่เเข่งที่ข้าตั้งมั่นอยากจะชนะในสักวันมันไม่ได้อ่อนแอปวกเปียกขนาดนี้ เป็นตุ๊กตาไม้เเบบนี้ ข้าสาบานไว้ว่าสักวันจะล้มเเกให้ได้เเละกลายเป็นบุคคลที่เเข็งเเกร่งที่สุด เพื่อสิ่งนั้นข้ายอมเสียสละทุกอย่างในชีวิต เเละข้าจะไม่ยอมรับเด็ดขาดจะเเกจะมาเเพ้ในสภาพเเบบนี้
‘‘เอเลน’’ ลุกขึ้นออต้า ต้องจะต้องไม่มีความปราณีสำหรับนายอีกต่อไป นายจะต้องต่อสู้กับพวกเราจนวาระสุดท้ายในครั้งนี้ เฮนิก เฮดิน อัลฟริก พวกเขายังยืนหยัดเเละต่อสู้ไปกับนาย ต่อให้เป็นยัยนั่นจากเฮร่าเเฟมิเรียหรือจะเป็นไอ้ชุดเกราะยักษ์นั้นจากซุสเเฟมิเรีย เราจะให้เเบรเวอ(ฟิน)วางแผนการรบ ว่าเราจะสู้ยังไงในสงครามนี้
นี่คือโฟลกวังเกอร์ ที่ที่ ไอน์แฮร์ยาร์ คนใหม่จะถือกำเนิด
ไอน์แฮร์ยาร์ ( Einherjar)/โฟล์ควัง (Folkwang) ตามลิ้งค์ด้านล่างเผื่อคนสนใจhttp://runesdivinator.blogspot.com/2016/03/blog-post.htmlประโยคที่เอนเลนพูดเปรียบเปรยกับนักรบในตำนานเทพของชาวนอร์ส
‘‘ทำทั้งหมดนี่เพื่อข้าหรอ’’ ไร้สาระอย่าเข้าใจผิดคิด ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อท่านเฟรย่าเท่านั้น
ภายในความคิดของเทพเฟรย่า
พวกเราต้องการวีรบุรุษคนใหม่ในยุคต่อไป ซุสเเละเฮร่าจะได้ในสิ่งที่พวกเราติดค้างกับพวกเขา
‘’แฮ่ก แฮ่กๆ’’ ทำไมกัน...ชักตี้ถึงปฏิเสธความเชื่อของน้องสาวตัวเอง
‘‘เเล้วอาร์ดี้ตายเพื่ออะไรกัน ?! ความยุติธรรมคืออะไร?’’
กลับมาที่นี่ทำไมกันนะ ความว่างเปล่า ไร้ผู้คน มีเเต่รอยมอดไหม้ไปทั่ว ร่างกายของเธอก็สลายไปพร้อมกับเเรงระเบิด เเต่มันก็ยัง.... ริวเดินต่อไปเรื่อยๆ
‘‘อาร์ดี้.....’’
‘‘ครืดๆ’’ มีเสียงในระเเวกนั้น
‘‘ใครกันน่ะ!!’’ หลังจากทักไป ซักพักก็มีเด็กตัวเล็กๆผมทองเดินออกมา
‘‘มาทำอะไรที่นี่’’ เเล้วพี่สาวเป็นใคร มาคนเดียวหรอ เสียงเล็กๆถามกลับมาทั้งที่ไม่ได้ตอบคำถามอีกฝ่ายก่อน
‘เด็กหรอ? เเต่สวมชุดนักผจญภัย เดี๋ยวก่อนผมสีทอง เเละเเววตาเเบบนั้น หรือหนูนี่คือเจ้าหญิงเเห่งดาบ’
อย่างไรก็ตาม พี่สาวเป็นพวกเดียวกับอิวิรุสหรือเปล่าค่ะ
‘‘อะไรนะ อย่าพูดชื่อนั้นให้ฉันได้ยินนะ!’’ เเต่พี่สาวปิดใบหน้าเหมือนพวกนั้นนิค่ะ
‘‘งั้นหนูก็คิดว่าคนที่ปิดบังใบหน้าทุกคนเป็นพวกอิวิรุส?ดูท่าจะไปกันใหญ่เเล้ว ’’ งั้นพี่สาวมาทำอะไรที่นี่
‘‘คือ...” หนูเห็นความมืดมัวในดวงตาของพี่สาว ‘‘!!...” มันเเตกต่างจากของหนูนิดหน่อย แฝงไปด้วยความกังวล พี่สาวเป็นคนวางระเบิดหรือเปล่า
‘‘เด็กน้อยอย่ามาพูดอย่างนี้นะ!! นั่นมันคำกล่าวหาที่ฉันยอมรับไม่ได้ เเละฉันอารมณ์เสียอยู่ด้วย” ถ้างั้น...หนูจะสู้ พี่สาวนั้นอันตรายเกินไป ฟิ้ง...เสียงดาบเรียวสั้นถูกหยิบออกมา
ฉันก็ไม่รู้ทำไม เด็กน้อยคนนี้ถึงตัดสินใจเเบบนี้ ตอนนี้มันไม่สำคัญเเล้วว่าเด็กคนนั้นจะคิดยังไง
เพราะหนูไม่เข้าใจดังนั้นหนูจริงต้องจัดการกับพี่สาว ‘‘ก็ได้เข้ามาหนูน้อย”
ย้า.. ‘‘ย้าา...” แกร่งๆควับ เชียะ!
เเข็งเเกร่งจริงๆ ‘‘เเข็งเเกร่งจริงๆ”
‘‘ทักษะการต่อสู้ ไม่เข้าก็ร่างการตัวเล็กนั้นเลย การตัดสินใจเเละการเคลื่อนไหวที่เฉียบคมช่างน่าประทับใจ จนถึงตอนนี้เธอจัดการมอนสเตอร์ไปกี่ตัวเเล้วเนี่ย?”
ไวจริงๆ พี่สาวเป็นคนมีฝีมือ เเต่ความเร็วก็ยังช้ากว่าฟิน หลบหลีกทุกการโจมตีของหนูได้ไม่ธรรมดาเเล้ว~
‘‘สมเเล้วกับฉายาเจ้าหญิงเเห่งดาบ”
หน้ากาก ดาบไม้ เสื้อคลุม ความคมขอบดาบ.... มองเห็นหน้าตาไม่ค่อยชัดเจน นอกจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้น
พี่สาวเป็นใครกันเเน่!?
ฉึบๆ!!
‘‘หนูเก่งพอตัวเลย สมกับเป็นนักผจญภัยของโลกิเเฟมิเรีย”
แฮ่กๆ หนูยังต่อได้ หนูจะต้องเเข็งเเกร่งขึ้น
‘‘เป็นพวกบ้าต่อสู้หรอเนี่ย ”
ไอส์อยู่ไหน!!! นี่ไปทำอะไรตรงนั้นตัวคนเดียวนะ
โอ๊ะ เเย่เเล้ว อึก.....
เเม่บอกเเล้วไงว่าอย่าไปไหนโดยไม่บอกใครก่อนเเบบนี้ ที่โดนทำโทษไปยังไม่เข็ดอีกใช่ไหม
ผัวะ!! เต็มหัว
โอ้ย...เจ็บนะ หนูไอส์ร้อง
‘‘ท่านหญิงริเวเรีย’’
จะให้เอลฟ์ชั้นสูงอย่างท่านหญิงรู้ไม่ได้เด็ดขาด ว่าสู้กับเด็กน้อยนี่ มันดูงี่เง่าเเละน่าสมเพชไปเเล้ว..!
‘‘ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ โปรดให้อภัยด้วย’’
อะไรกันการเเสดงออกเมื่อกี้ เธอเป็นเอลฟ์เหมือนฉัน อืม.....ใครกันที่ลูกสู้ด้วยเมื่อครู่?
อั๊ก...อิวิรุสมั้งค่ะ?
ทำไมพูดเหมือนไม่เเน่ใจงั้นเเล้ว เเล้วไปสู้กับเขาทำไม?
เพราะว่าพี่สาวคนนั้นมีเเววตาที่น่ากลัว เเละสัญชาตญาณบอกว่าต้องจัดการเธอเเต่เมื่อสู้ไปสักพักเเววตาชั่วร้ายในดวงตาของพี่สาวก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย หนูว่าพี่เขาคงดีขึ้นเล็กน้อย
จ่ะๆ เเต่...พวกเราไม่ได้ต้องการทำให้ศัตรูของเรารู้สึกดีจริงไหม ใช่ไหม?
เอ่ะ!!!
เห้อ...บางทีหนูก็ดูผิดๆ เพี้ยนๆ เเม่สงสัยจังเลยว่าใครสอนให้เป็นเเบบนี้กัน
ที่มา: Omori DanMachi - MEMORIA FREESE