เผยเคล็ดลับซีพีร้อยปี เน้นสร้างและพัฒนาคน ดันองค์กรโตโกอินเตอร์
“กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว” การเติบโตของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ก็ต้องบอกว่า ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาในวันเดียวเช่นกัน เพราะการเดินทางของซีพีกำลังจะครบรอบศตวรรษ ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
กลุ่มซีพีถือกำเนิดจากกิจการเล็ก ๆ ขายเมล็ดพันธุ์ บนถนนทรงวาด ในชื่อ เจียไต๋ กระทั่งคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ได้รับมอบหมายจากครอบครัวให้เข้ามาดูแลกิจการต่อ จากนั้นจึงมีการขยับขยาย แตกไลน์สินค้า ผ่านกาลเวลา ผ่านประสบการณ์มากมาย กระทั่งเติบโตอย่างยิ่งใหญ่มาเป็นเครือเจริญโภคภัณฑ์ในวันนี้
ปัจจุบันซีพีลงทุนใน 22 ประเทศ ทำตลาดกว่า 100 ประเทศทั่วโลก สามารถพูดได้เต็มปากว่า ซีพีเป็นบริษัทอินเตอร์ (International Company) รายได้ส่วนใหญ่ (60-70%) มาจากต่างประเทศ และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในแต่ละปี ซีพีจะเน้นการขยายธุรกิจในต่างประเทศที่มีศักยภาพสูง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ซีพียังมีมุมมองว่า บริษัทคนไทย เมื่อเติบโตยิ่งใหญ่แล้ว ต้องออกไปบุกเบิกตลาดต่างประเทศ เพื่อนำรายได้เข้าประเทศไทย และให้ทุกประเทศที่ไปลงทุนเห็นว่า คนไทยก็มีความสามารถทัดเทียมประเทศชั้นนำของโลก ดังนั้น ทุกประเทศที่ซีพีไปลงทุนจึงต้องมีธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์ติดอยู่ที่หน้าโรงงานเสมอ
กิจการของเครือซีพีในต่างประเทศ อาทิ เจิ้งต้า ในประเทศจีน ที่มีมูลค่าเกือบ 40% ของยอดขายรวมของเครือเจริญโภคภัณฑ์ทั่วโลก, เบลลิซิโอ ฟู้ด ผู้นำด้านการผลิตอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา, ท็อปส์ฟู้ดส์ ธุรกิจด้านการผลิตและจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน สัญชาติเบลเยียม, โรงงานอาหารสัตว์ และฟาร์มไก่ รวมถึง LOTS Wholesale Solutions ธุรกิจค้าส่ง ในอินเดีย, กิจการไก่ครบวงจร Agro-Invest Brinky B.V. ในประเทศรัสเซีย, ธุกิจสินค้าเกษตรครบวงจร ในเวียดนาม, ธุรกิจไก่ไข่ครบวงจร และธุรกิจสัตวน้ำ ในมาเลเซีย, ธุรกิจร่วมกับอิโตชู บริษัทการค้าใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น, การผนึกกำลังกันระหว่าง ซีพี อิโตชู และซิติก จากประเทศจีน ในการแสวงหาโอกาสทางการค้าการลงทุนในเอเชียและทั่วโลก
แต่ความสำเร็จของซีพี จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีคนเก่ง ๆ มาช่วยทำงาน วัฒนธรรมองค์กรอย่างหนึ่งของซีพีที่ถูกถ่ายทอดต่อกันมา จึงเป็นการให้ความสำคัญกับ “คน” ซึ่งซีพีไม่ได้มองคนเก่งเพียงแค่คนไทยเท่านั้น หากเห็นว่าคนเก่งอยู่ที่ไหน ก็สามารถดึงตัวมาร่วมงานและช่วยกันพัฒนาได้ ทำให้ซีพีสามารถขยายกิจการไปไกลได้ทั่วโลก
หลักฐานเชิงประจักษ์อย่างหนึ่งว่า ซีพีให้ความสำคัญกับการสร้างคน ก็คือ สถาบันพัฒนาผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่เกิดจากดำริของคุณธนินท์ ซึ่งมีหลักสูตรหลากหลาย ที่เน้นการเรียนรู้จากการลงมือทำจริง แล้วมาแบ่งปันประสบการณ์กัน
ยกตัวอย่าง หลักสูตร “เถ้าแก่” ที่มีทั้งเล็ก กลาง ไปจนถึงอินเตอร์ ซึ่งเกิดจากความปรารถนาของคุณธนินท์ที่ต้องการจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีอาชีพ และสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจเองได้ จึงมี “Project” ให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และลงมือทำจริง ที่ผ่านมามีพนักงานทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็นจีน ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม อินเดีย พม่า อังกฤษ รัฐเซีย ไทย ฯลฯ
กระบวนการเรียนรู้ของแต่ละโครงการจะแตกต่างกันไปตามระดับของเถ้าแก่ แต่ทุกโครงการจะเป็นการเรียนรู้และปฏิบัติงานจริง ไปจนถึงการลงทุนทำธุรกิจจริง กำไรจริง ขาดทุนจริง ภายในระยะเวลา 6 เดือน เริ่มเรียนรู้กันตั้งแต่การทำงานเป็นทีม การคิดกำไรขาดทุน การมองภาพรวมของธุรกิจ การลงพื้นที่จริง ทำทุกอย่างเองตั้งแต่เปิดร้าน-ปิดร้าน กวาดพื้น คิดเงิน ส่งของลูกค้า ฯลฯ ในเครือข่ายร้านต่าง ๆ ของเครือฯ เช่น 7-11, เชสเตอร์กริลล์, กาแฟมวลชน, ทรู คอฟฟี่ (True Coffee), CP Fresh Mart และทรูช็อป (True Shop)
โดยมีผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ทำหน้าที่ให้คำชี้แนะ (consult) และให้ความเห็น (comment) เช่นว่า มีปัญหาตรงไหน ติดขัดอย่างไร ที่สำคัญประธานอาวุโส เครือซีพี คุณธนินท์ ยังไม่เคยพลาดที่จะมานั่งเป็นประธานในการรับฟังปัญหาและการรายงานผลด้วยตนเองทุกครั้ง ซึ่งหากงานของผู้เข้าร่วมโครงการคนใดประสบความสำเร็จ ก็จะนำธุรกิจนั้นไปต่อยอด แต่หากล้มเหลว ก็มาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนอื่น เพื่อไม่ให้ผิดซ้ำอีก
การสร้างและพัฒนาคนของซีพี เป็นหนึ่งยุทธศาสตร์ที่ทำให้องค์กรเข้มแข็งและเจริญเติบโตต่อเนื่องมาเป็นร้อยปี และผงาดได้ในต่างประเทศ กับทั้งยังสามารถขยายกิจการให้กว้างไกลออกไปได้ตลอดเวลา การให้ความสำคัญกับคนและกระบวนการเรียนรู้ ที่นำมาถ่ายทอดต่อกันนี้เอง เป็นเคล็ดลับความสำเร็จอย่างหนึ่งของซีพี แต่ที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ความสำเร็จดีใจได้เพียงวันเดียว จากนั้นต้องเรียนรู้และพัฒนาต่อไป




















