แม่ประนอม ขอเปลี่ยนลุคเป็น สาวยุคใหม่ สลัดภาพเชยๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนกว่า 60 ปี

เพจ เดี๋ยวสรุปให้ฟัง โพสต์เรื่องราวของ #แม่ประนอม บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยคุณศิริชัย และคุณประนอม แดงสุภา โดยในระยะแรกบริษัทฯ เริ่มจากผลิตสินค้าเพียงชนิดเดียว คือ น้ำพริกเผาไทยบรรจุขวดแก้ว ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราแม่ประนอม” ต่อมาได้พัฒนาธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำพริก น้ำจิ้ม น้ำพริกแกง เครื่องปรุงรสสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์พร้อมปรุง และผลิตภัณฑ์อีกหลากหลายชนิด ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราแม่ประนอม” และ “ตราครัวสยาม”

เมื่อ #แม่ประนอม ขอเปลี่ยนลุคเป็น #สาวยุคใหม่ สลัดภาพเชยๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนกว่า 60 ปี เรื่องราวมันเป็นยังไง #เดี๋ยวสรุปให้ฟัง
.
.
1) ต้อนรับวันศุกร์ด้วย content เบาๆ กันครับ : ) เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวานแอดมินเลื่อนเฟสบุ๊คไปมา…ก็เห็นโพสต์น่าสนใจจากเว็บการตลาดชื่อดังเจ้านึง ใจความว่า “แม่ประนอมจะรีแบรนด์” วันนี้เลยอยากจะมาสรุปเรื่องราวการ (เตรียมตัว) รีแบรนด์ครั้งนี้ให้ฟังกันครับ…
.
.
2) เชื่อว่าหลายคนคงเคยทาน (หรืออย่างน้อยก็คงเคยได้ยิน) สินค้าที่ขายดีจนแทบเป็นชื่อฮิตติดปากเวลาเรียกสินค้าประเภทน้ำจิ้มไก่ อย่าง “น้ำจิ้มไก่ตราแม่ประนอม” (อารมณ์ประมาณเรียกยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน 555) แต่…ถ้าลองถามตัวเองว่า แล้วน้ำจิ้มไก่เจ้าอื่น รสชาติมันพอจะทดแทนกันได้มั้ย? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” นี่แหละ…คือที่มาของการเตรียมตัว “รีแบรนด์” ครั้งนี้…
.
.
3) ปัญหาของสินค้าประเภทนี้คือลูกค้า (ส่วนใหญ่) ซื้อสินค้าจากคุณค่าทางกายภาพ (functional benefit) หรือหมายความว่า ซื้อน้ำจิ้มไก่…เพราะต้องการซอสหวานๆ เพื่อเอาไปจิ้มกับไก่ (หรือจิ้มอาหารอะไรสักอย่าง) รสชาติมันก็ควรจะประมาณๆ นี้ ไม่ต่างกันมากระหว่างแบรนด์ A กับ แบรนด์ B พูดง่ายๆ คือ ถ้าแบรนด์ A ไม่มีให้เลือกซื้อใน supermarket ก็อาจจะเลือกหยิบ แบรนด์ B ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเท่าไหร่นัก…
.
.
4) ทีนี้…อะไรล่ะ คือจุดที่ (น่าจะ) ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมากกว่า โดยทั่วไปแล้วเราก็จะพูดถึงศัพท์อีกคำนึงก็คือ “คุณค่าทางด้านความรู้สึก (Emotional Benefit)” ที่จะเป็นตัวเสริมให้แบรนด์หรือสินค้านั้นๆ มี “ความแตกต่าง” หรืออาจเรียกว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้รู้สึกดี (Feel-Good factor) นั่นเอง
.
หมายความว่า ถ้าเรามีตัวเลือก 2 แบรนด์ (A กับ B) การมี Emotional Benefit ก็จะทำให้เราเลือกแบรนด์ A มากกว่า เพราะแบรนด์ A ให้ความรู้สึก “บางสิ่งบางอย่าง” กับเรามากกว่า
.
เช่น บางคนอาจจะซื้อรองเท้า NIKE เพราะแบรนด์ NIKE แสดงออกถึงคุณค่าบางอย่าง (เช่น การตั้งใจทำอะไรให้สำเร็จ) แล้วมันตรงกับคุณค่าของตัวเรา เราเลยรู้สึกดีกับแบรนด์นี้ และเลือกที่จะซื้อสินค้าของแบรนด์นี้มากกว่าแบรนด์อื่นๆ เป็นต้น
.
.
5) กลับเข้ามาที่การรีแบรนด์ของแม่ประนอมครั้งนี้… อย่างที่พูดไปตอนต้นครับ ถ้าสินค้าเรากับสินค้าของคู่แข่งมัน “แทบไม่มีความแตกต่างกัน” ผสมกับภาพลักษณ์ความไม่ค่อยทันสมัย (เชย) ของตัวแบรนด์ที่มีมานาน ทำให้การรีแบรนด์ดูจะเป็นอะไรที่ “สมเหตุสมผล” เพื่อเติมคุณค่าด้านความรู้สึกลงไปในตัวแบรนด์…
.
นั่น…จึงเป็นที่มาของการปรับลุคใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น จากการเป็นแค่ “แบรนด์เก่าแก่” มาเป็นแบรนด์ที่เปรียบเสมือน “เพื่อน” ที่คอยแนะนำเคล็ดลับ สูตรเด็ดต่างๆ เวลาเข้าครัว ผ่านการเปลี่ยน Facebook page ให้กลายเป็น “Club แม่ประนอม” สำหรับแชร์เรื่องราวต่างๆ และเปลี่ยน Instagram ให้กลายเป็นพื้นที่แชร์แรงบันดาลใจและเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และมาพร้อมกับสโลแกนอันใหม่ #คู่ครัวตัวแม่
.
.
6) แน่นอนว่า…การรีแบรนด์ที่ดีมันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนฉลาก เปลี่ยนสินค้า เปลี่ยนชื่อเพจ หรืออะไรก็ตามแต่ที่มองเห็นได้ แต่มันหมายถึงการเปลี่ยนลึกไปถึงเลเวลของ “ตัวตนของแบรนด์ (Personality)”
.
จากที่แอดมินลองสังเกต…ก่อนและหลังการรีแบรนด์ครั้งนี้ พบว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปหลักๆ คือวิธีที่แม่ประนอมสื่อสารกับลูกค้า…จากเดิม “โทน” หรือน้ำเสียงในการสื่อสารจะออกเป็นแนวแอดมินคุยกับลูกเพจทั่วไป…ไม่ได้มีเอกลักษณ์อะไร แต่หลังจากประกาศรีแบรนด์…ก็พบว่าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เช่น content ก็เริ่มมีการใช้ Quote คำคมเท่ห์ๆ และแฝงการแอบติดตลกเพื่อให้เข้ากับนิสัยคนไทย ตามตัวอย่างข้างล่างนี้…
.
“เวิร์กกิ้ง วูแมน ไม่ผัดวันประกันพุ่ง ผัดวันนี้ อร่อยวันนี้เลย…เชื่อแม่” (ขายน้ำจิ้มไก่)
.
“ผู้หญิงยุคใหม่ รับได้แต่ตีนไก่…ไม่รับตีนกา” (ขายน้ำพริกเผา)
.
เป็นต้น….(ดูรูปประกอบใน comment)
.
.
7) ส่วนวิธีพูด…ก็ใช้ลักษณะของการเป็น “ตัวแม่” เป็นสรรพนามเรียกแทนตัวเอง…ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้คนไทยฮิตการใช้คำว่า “แม่” แทบจะกับทุกอย่าง ทั้งเรียกเพื่อน เรียกดารา หรือเรียกคนที่เรารู้สึกชื่นชม ซึ่งก็เรียกว่าเป็นความบังเอิญหรือโชคดีก็ไม่รู้ที่ชื่อแบรนด์แม่ประนอมก็ดันมีคำว่า “แม่” อยู่ในนั้นด้วย กลายเป็นยิ่งดูสอดคล้องกันเข้าไปอีก…
.
.
8) นี่ก็เป็นแค่การเริ่มต้นของการรีแบรนด์ครั้งใหม่ เราอาจจะยังไม่เห็นอะไรมากนักนอกจากการเริ่มเปลี่ยนรูปแบบ “การสื่อสาร” ของแบรนด์ด้วย เนื้อหา (content) และ ตัวตน (personality) ใหม่ ผ่านสื่อที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วที่สุดอย่าง Social Media…
.
.
9) แอดมินคิดว่า…ในระยะต่อไปก็คงมีอะไรสนุกๆ มาให้เราได้ดูตามมา ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งสินค้าครั้งใหม่ หรือออกไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็น “แม่บ้านยุคใหม่” อยากจะเข้าถึงและซื้อใช้มากยิ่งขึ้น เพื่อสลัดภาพลักษณ์ความเก่าแก่ โบราณๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน อันนี้เราก็คงต้องรอดูกันต่อไป…
.
.
#สรุปแล้ว การรีแบรนด์เป็นอะไรที่ต้องอาศัย “ระยะเวลา” พอสมควร… เพราะเป้าหมายสุดท้ายของการรีแบรนด์…โดยเฉพาะของแม่ประนอมครั้งนี้ ก็คงหนีไม่พ้นการต้องการเข้าไปเป็นแบรนด์ที่ “ลูกค้ารัก” และ “ชื่นชอบมากกว่า” แบรนด์คู่แข่ง ซึ่งมีสินค้าคล้ายๆ กัน เพื่อที่สุดท้ายแล้ว…เวลาลูกค้าเดินไปเลือกซื้อน้ำจิ้มไก่ที่ชั้นวางของใน supermarket ก็คาดหวังว่าลูกค้าจะเจาะจงเลือกหยิบแบรนด์ “แม่ประนอม” มากกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะมันไม่ใช่แค่น้ำจิ้มไก่ แต่มันคือ “คุณค่าอะไรบางอย่าง” ที่แม่ประนอมเวอร์ชันใหม่ส่งมอบให้กับลูกค้าคนนั้น…

ชมภาพ แม่ประนอม ขอเปลี่ยนลุคเป็น #สาวยุคใหม่