ดราม่าหนัง one take (ฺBNK48) 5/10 คิดถูกแล้วที่เอาลงเนทฟลิกซ์ เพราะถ้าเป็นหนังโรงคงเสียดายเงิน
เมื่อสมาชิกหมายเลข 3646802 ตั้งกระทู้หัวข้่อ [มีการเปิดเผยเนื้อหา] Review one take 5/10 คิดถูกแล้วที่เอาลงเนทฟลิกซ์ เพราะถ้าเป็นหนังโรงคงเสียดายเงิน
- เกริ่นยาว คือเกริ่นเรื่องที่แบบ คนทั่วไปทราบอยู่แล้วอ่ะ กินเวลาไปเกือบสิบนาทีซึ่งมันควรเอาไปใช้ทำอย่างอื่นได้
- เราไม่ทราบว่าคัดตัวแทนแฟนคลับไปยังไง แต่แบบ เราอยากฟังน้องๆพูดเว้ย คือนึกออกป่ะว่าหนึ่งคนหนึ่งความเห็น คหของแฟนคลับคนนั้น อาจจะไม่ใช่ความเห็นของคนทั้งด้อมก็ได้ แล้วแฟนคลับคุยกันเองบ่อยมากอยู่แล้ว เราอยากฟังเมมพูด เราไม่ได้อยากฟังแฟนคลับพูด
- มันไม่รู้สึกว่ามันคือวันเทคหรือเรียลมีอ่ะ มันกลายเป็นแค่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆอ่ะ เอาจริงๆนะ หลายฟุตเทจคือผ่านตาเรามาเยอะมากๆแล้วอ่ะ ทั้งจากในงานเลือกตั้งสปีซหรืออะไร เราอยากเห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็นเว้ย เช่นแบบ รีแอคเมมบนเวทีตอนประกาศ รีแอคเมมตอนประกาศผลติดเซมอะไรงี้ มันกลายเป็นหนังไปโฟกัสแค่ตรงคลาสการแสดงซึ่งมันไม่ได้รู้สึกเปิดใจเท่าไหร่อ่ะ
- ฟุตเทจเป็นปัญหามาก กว่าครึ่งของในหนัง เราเคยเห็นไปหมดแล้ว แค่เอามาประกอบคำพูดสัมภาษณ์ใหม่ของเมมอ่ะ
เราอ่ะต้องทำการบ้านเยอะกว่านี้ ส่วนตัวเราแฮปปี้แค่เห็นเมมเรามีแอร์ไทม์ถึงจะออกจากวงไปแล้ว กับ เข้าใจเรื่องของ มบ มากขึ้นอีกนิด กับความกดดันของเนย แต่นอกนั้นคือหลายคนบทหาย หายแบบ ฮัลโหลลลลล
สรุปยังไม่ชอบครับ 5/10
--------------------------------------------------------------------------
สารคดีเรื่องนี้ได้นักแสดงสาว อย่างโดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล นั่งแท่นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของสาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปดัง เมืองไทย BNK48 กับเรื่อง “One Take” ที่ครั้งแรกจะลงฉายในโรงหนังทั่วไป แต่เพราะผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้สารคดี “One Take” จำเป็นต้องไปฉายบน Netflix แทน ในวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่าน
หลังมีกระแสดราม่าของโอตะ ให้คะแนนสารคดีไทยออริจินอล Netflix เรื่องแรก "One Take" ตามฝัน BNK48 ไว้ต่ำมาก ประมาณ 4-5 คะแนน บางคนถึงพูดว่า "Girls don’t cry ดีกว่าเยอะ โคจิม่าเมืองไทยทำไว้ดีมาก one take นี่งานอนุบาลไปเลย"
1. ซึ่งทั้งโอตะ แน่นอนว่าเป็นกลุ่มคนที่ติดตามทุ้มเทไปกับ BNK48 มาตั้งแต่ (รวมถึงรุ่นพี่ AKB48) คงไม่รู้สึกอินอะไรกับหนังสารคดีเรื่องนี้เลย ทุกอย่างซ้ำๆ เดิมๆ วนไป วนมา
2. ทั้งโอตะ และคนดูทัั่วๆ ไป ที่เคยดู หนังสารคดีทำนองนี้ อย่าง GIRLS DON’T CRY ที่กำกับโดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ มาในช่วง ส.ค. 61 มาแล้ว บางคนถึงกับพูดว่า สารคดีมันวัดความอินของผู้กำกับ เต๋อใช้วิธีกลืนตัวเองเข้ากับสิ่งที่จะทำ แต่โดนัทเหมือนยืนจ้องจากภายนอก มองอยู่ด้านเดียว วนอยู่เรื่องเดียวสุดๆ ได้ยินคำว่าแข่งขันร้อยกว่ารอบได้
3.โอตะคาดหวังไว้สูง เพราะส่วนใหญ่ก็รู้ก็เห็นอยู่แล้วว่าน้องๆเป็นยังไง ทำให้การดูหนังที่รู้อยู่แล้วมันไม่สนุกเท่าคนไม่เคยรู้
เหมือน นักประวัติศาสตร์ มักติหนัง ละคร ซีรี่ย์ อิงประวัติศาสตร์ นั้นหละ เพราะประวัติศาสตร์บางเรื่องมันมีแขนงของการตีความ
หรือทำความเข้าใจ หลายประเด็น
4.หนังสาระคดีเรื่องนี้ ออกมาในทำนองดรามาติก มีแต่เรื่องเศร้ามากเกินไป ที่คนภายนอกที่ไม่ได้ติดตาม BNK48 มาตั้งแต่ต้น ดูแล้วมองไม่เห็นความสำเร็จ หรือพัฒนาการของเกิร์ลกรุ๊ปเหล่านี้เลย แทนที่จะสร้างแรงบรรดาลใจให้คนอื่นๆ กลับกลายเป็นเด็กกลุ่มนี้เข้าไปต่อสู้ แข่งขันกันเพื่ออะไร คนที่ได้รับเลือกในตำแหล่งต่างๆ ก็ทุกข์ ว่าสมาชิกคนอื่นจะยอมรับตนได้ไหม และคนที่ไม่ได้รับเลือกก็ทุกข์น้อยใจ เหนื่อยท้อใจกับการต่อสู้
5.ไม่มีการโฟกัสในจุดใดจุดหนึ่ง หนังเหมือนจะเล่าเรื่องลอยๆ เรื่อยๆ ตัดสลับ ฟุตเทจ บางตัวที่ยังไม่เคยผ่านตา ไม่จุดพีคใดๆ ตามข้อ 4 ซ้ำในตอนจบก็ไม่มีข้อสรุปใดๆ ให้น่าซื้งใจ ประทับใจ หรือให้น่าค้นหาต่อ one take (ฺBNK48) สำหรับคนที่ไม่ใช่โอตะ ก็คงหยุดไว้แค่นั้น
ชมคลิป Review BNK48 OneTake [ Viewfinder : วิวไฟน์เดอร์ ] โดยพี่จีน viewfinder
คอมเม้นต์ในพันทิป
one take ความเหมือนที่ ไม่แตกต่าง จบไม่น่าประทับใจ