เกร็ดความรู้เรื่องมวยโบราณสกลนคร👏🏻👏🏻👏🏻
เพจ นาคเล่นน้ำ - มวยโบราณสกลนคร ได้โพสท์ให้ความรู้เกี่ยวกับ มวยโบราณสกลนคร โดยได้รวบรวมท่าร่ายรำไหว้ครูต่างๆ ไว้ดังนี้
🔆ตอนรำเดี่ยวหรือรำไหว้ครู
เป็นประเพณีนิยม ที่ได้ปฏิบัติสืบเนื่องติดต่อกันมาแต่โบราณจนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกๆคนไม่ว่าจะเล่าเรียนศิลปะวิทยาการใดๆย่อมต้องมีการเคารพครูบาอาจารย์เสมอๆ ยิ่งวิชาที่มีการต่อสู้ ต้องใช้พละกำลังต้องใช้วิชาไสยศาสตร์เครื่องรางของขลัง คาถาอาคมเข้าช่วย ยิ่งต้องพึ่งครูเป็นที่ยึดเหนี่ยวมากขึ้น การไหว้ครูเป็นเครื่องหมายแสดงความเคารพ สักการะและระลึกนึกถึงครูบาอาจารย์ ผู้ที่ได้ประสิทธิประสาทวิชาความรู้ให้แก่ตน ท่าไหว้ครูหรือการร่ายรำท่าไหว้ครูจะมีแบบและลีลาท่าทางต่างๆกันสุดแต่จะมาจากสำนักไหน ลวดลาย ท่าทางจะแตกต่างกันไปคนละแบบการไหว้ครูมวยมิใช่เพื่อจะอวดลวดลายท่าทาง ในด้านความสวยงามอย่างเดียว แต่หลักใหญ่ของการร่ายรำไหว้ครูก็เพื่อ แสดงความกตัญญูกตเวทีและคาราวะต่อครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณ และมีท่าร่ายรำประกอบ 14 ท่าดังนี้
⭕️1. ท่าเสือออกเหล่า เป็นท่าเริ่มต้นหรือท่าออกสู่เวที ในท่านี้นักมวยจะโผนทะยานออกจากฉากอย่างรวดเร็ว ประดุจเสือออกจากที่ซ่อนในป่าพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างตบลอดแข้งลอดขา ทั้งสองข้างอย่างว่องไว แล้วยกแขนข้างหนึ่งให้สูงขึ้นเพื่อเปิดช่องว่างให้ตบสีข้างใต้รักแร้ ตามด้วยการตบใต้ศอก หลังมือ เข่าไหล่ ส้นเท้า และขาด้านนอก แล้วกระโดดถอยหลังไปข้างหน้า พร้อมกับตบมือและหมุนตัวตบยอดอกด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างใช้หลังมือข้างหนึ่งตบขาใน และกระโดดเตะฝ่ามือที่ยื่นไปข้างหน้า แล้วทิ้งตัวลงในท่าย่อเข่า ลากขาอีกข้างหนึ่งไปข้างหลังในท่าแอ่นอก กางศอก มือกำวางไว้ที่บั้นเอวทั้งสองข้าง สายตาสอดส่ายมองหาคู่ต่อสู้ชั่วขณะหนึ่ง แล้วกางแขนทั้งสองออกให้ขนานกับพื้น ขาที่ลากอยู่ข้างหลังยังเหยียดตึงอยู่ ต่อไปให้ลากขาที่เหยียดอยู่ข้างหลัง ยกสูงขึ้นในระดับบั้นเอวแล้วม้วนแขนทั้งสองข้างเข้ามาบริเวณท้องน้อยและจีบมือทั้งสองยกยกชูสูงขึ้นเหนือศีราะแขนเหยียดปลายมือเหยียดในท่าฟ้อนรำเงยหน้ามองสูงบนท้องฟ้าหาพญาแถนเป็นการรำ “ถวายแหวน”
⭕️2. ท่าย่างสามขุม เป็นท่าแสดงความห้าวหาญสำราญใจ แบบเสือสำอางย่างสามขุม ลักษณะเด่นของท่านี่คือ การเหยาะย่างอย่างทะมัดทะแมง ซึ่งเป็นท่าต่อเนื่องจากรำถวายแถน คือให้ลดแขนทั้งสองที่ชูเหนือศีรษะลงมา ให้มือข้างหนึ่งวางไว้ที่ขาซึ่งยกอยู่แล้ว โดยกำมือตั้งไว้ที่ขา และมืออีกข้างหนึ่งกำวางไว้ที่บั้นเอวกางศอกทั้งสองข้าง ยกไหล่ให้ผึ่งผาย ส่ายตามองหาคู่ต่อสู้ แล้วเหยาะย่างไปข้างหน้าโดยกระทืบเท้าลงซ้นอย่างหนัก 3 ครั้ง(3 ขุม) แล้วยืนทรงตัวด้วยขาข้างเดียวอย่างสง่าผ่าเผย สายตาจ้องมองส่ายหาคู่ต่อสู้ ทำอย่างนี้สัก 3 ครั้ง หรือแล้วแต่เวทีสถานที่จะอำนวย
⭕️3. ท่ากุมภัณฑ์ถอยทัพ ผู้รำจะแสดงลีลาท่าทางในเชิงถอย โดยก้าวขาที่ยกสูงระดับเอวอยู่นั้นไปข้างหลัง พร้อมกับยกมือตั้งอยู่ที่ขาให้สูงและเหวี่ยงข้ามศีรษะไปตั้งไว้ที่บั้นเอว กำมือให้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง ตวัดลงข้างล่าง ม้วนแขนขึ้นมาให้ตั้งไว้ที่เข่า ซึ่งยกขายื่นไปข้างหน้ารออยู่แล้ว ให้ทำหน้าตาหลอกล่อเหมือนกับลักษณะไก่ชนที่กำลังจะต่อสู้กัน ขายังทรงตัวอยู่ข้างเดียวเมื่อได้จังหวะดนตรีก็จะเปลี่ยนข้างและแสดงลีลาท่าทางในเชิงถอย เหมือนที่ทำมาแล้วจนรู้สึกว่าถอยมาอยู่กลางเวที พอที่จะแสดงรำท่าต่อไปได้สะดวกเป็นการถอยมาเพื่อตั้งหลักในท่าลับหอกโมกขศักดิ์ต่อไป
⭕️4. ท่าลับหอกโมกศักดิ์ ในท่านี้นักมวยจะลดขาที่ยกอยู่ระดับเอวให้ต่ำลงมาติดกับพื้นและชิดกับเท้าที่ยืนอยู่แล้ว แขนทั้งสองข้างกางออกให้ขนานกับพื้น แสดงจินตนาการกุมภัณฑ์ลับหอกโมกศักดิ์โดยหันตัวไปทางข้างแล้ายิ่เข่าข้างหนึ่งลงกับเหยียดขาอีกข้างหนึ่งออกไปให้ตึงในระดับ 45 องศา และม้วนแขนข้างที่เข่ายอลงแล้วเหยียดแขนตรง ส่งให้สูงพ้นศีรษะประมาณ 45 องศา มือฟ้อนรำในลักษณะหมุนวงกลม ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งเหยียดลงข้างล่างให้ได้แนวเดียวกับแขนที่เหยียดขึ้นข้างบนมือก็ให้ฟ้อนรำเหมือนกัน ข้อสำคัญแขนนี้ให้เหยียดขนานกับขาที่เหยียดออกมาแล้วเพื่อให้เป็นไปตามจินตนาการลับหอก ให้ย่อเข่าลงเล็กน้อยพร้อมม้วนแขนทั้งสองข้างบริเวณหน้าอก แล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างออกอยู่ในลักษณะเดิม ทำอย่างนี้สักสองหรือสามครั้ง เมื่อทำข้างหนึ่งเสร็จแล้วให้ทำอีกข้างหนึ่งสลับกันไป ต่อไปให้ยกขาทั้งสองมาชิดติดกันและค่อยๆย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า ส่วนแขนทั้งสองมารวมกันที่หน้าอก แบมือและคว่ำฝ่ามือลงพร้อมขยับไปมาหลายครั้งจนลงไปนั่งส้นเท้าแล้วกางแขนออกทั้งสองข้างให้ขนานกับพื้น หงายมือขึ้นสลัดปลายนิ้วให้เข้าจังหวะดนตรี
⭕️5. ท่าตบผาบปราบมาร นักมวยจะลุกขึ้นและกระโดดไปข้างหน้าพร้อมกับตบมือไปข้างหลังและข้างหน้ากับตบลอดแข้งลอดขาทั้งสองข้างอย่างว่องไว ติดต่อด้วยการตบยอดอกทั้งสองมือ ตบขาใน เข่าใน เข่านอก ตาตุ่มใน ตาตุ่มนอก สีข้าง ใต้ศอก หลังมือ เข่า ไหล่ ส้นเท้าและขานอก เป็นอันหมดลายตบครั้งแรก แล้วกระโดดไปข้างๆ แสดงการตบยอดอกด้วยมือทั้งสองข้างและต่อด้วยขาในจนถึงขานอกอย่างที่ทำมาแล้วในลายตบครั้งแรกให้ทำสลับกันไปจะเอากี่ครั้งก็ได้ ถ้ามีกำลังพอ เพราะเป็นการใช้กำลังมาก ต้องตบตีอย่างแรงและหนักแน่นเพื่อให้มีเสียงดัง(นักมวยแต่เก่าก่อนเล่นคาถาอาคมกัน ตบเป็นแสงไฟออกมาเลยเหมือนประกายเหล็ก)อันเป็นที่ยำเกรงของคู่ต่อสู้
⭕️6. ท่าทะยานเหยื่อ เสือลากหาง กวางเหลียวหลัง เป็นท่าที่จินตนาการจากท่าเล่นของลูกเสือที่หยอกล้อกัน โดยผู้รำจะหยุดการตบผาบปราบมาร และจะเต้นไปข้างๆมือทั้งสองข้างตบยอดอก และยกขาข้างหนึ่งขึ้นให้สูงพองามแล้วใช้หลังมือข้างขายกนี้ตีขาในที่ยกไว้แล้ว และใช้เท้าข้างที่ยืนโดดเตะฝ่ามือที่ยื่นไปข้างหน้าในระดัยสูงพร้อมกับกระโดดขึ้นตบมือทั้งสองข้างเหนือศีรษะ แล้วเอี้ยวตัวมาตบฝ่าเท้าที่อยู่คนละข้างกับมือ ซึ่งได้ยกฝ่าเท้ารอรับอยู่แล้ว ลากเท้าที่ถูกตบให้ยื่นออกไปคล้ายเสือลากหางและตบปลายเท้านี้กับพื้นเบาๆตามจังหวะดนตรี ส่วนแขนทั้งสองข้างก็กางออก ร่ายรำเหมือนนกบิน แบบ “นกสีดาเลาะหาด” (นกนางนวลถลาลม) ต่อไปผู้รำจะเอี้ยวตัวหันมาในแนวเดียวกับเท้าที่ตบพื้นอยู่หันหน้าแลเหลียวตามแขนที่เหยียดอยู่ เป็นทำนองกวางเหลียวหลัง
⭕️7. ท่าไก่เลียบเล้า เป็นท่าเลียนแบบการเลาะเลียบของไก่ที่หาช่องทางเข้าเล้ายามพลบค่ำ โดยผู้รำจะยกขาที่ยืนอยู่ให้สูงขึ้นในระดับเอวเปลี่ยนขาที่ใช้เท้าตบพื้นเป็นยืนขาเดียว แขนทั้งสองยกขึ้นร่ายรำไปมาแบบ “นาคีม้วนหาง” แล้วเกร็งท่อนแขนข้างหนึ่งยกขึ้นตั้งฉากกับลำตัวตั้งศอกไว้ที่เข่า แขนอีกข้างหนึ่งกางศอกกำมือตั้งอยู่ที่บั้นเอว แล้วขยับลำตัวและเหยาะย่างอย่างมีจังหวะไปยังมุมเวทีข้างหน้าแล้วยืนทรงตัวด้วยขาข้างเดียว ยืดตัวตรงอย่างสง่าผ่าเผย ส่วนแขนทั้งสองก็ร่ายรำไปแล้วม้วนข้อมือยกสูงขึ้นๆจนสุดแขนในรูปตัววี และเงยหน้ามองตามมือขึ้นไปด้วยแล้วตวัดแขนเหวี่ยงข้ามศีรษะย่อเข่าลงและหมุนตัวกลับขยับลำตัวเหยาะย่างอย่างมีจังหวะไปกลางเวทีในรูปพระจันทร์ครึ่งซีก เตี้ยต่ำเอียงตัวเหมือนครั้งแรกแต่ คนละข้างไปยังมุมเวทีข้างหน้าอีกมุมหนึ่ง ทำอย่างนี้สักสองหรือสามรอบแล้วแต่พละกำลัง และเวลาอำนวย
⭕️8. ท่าน้าวคันศร เป็นท่าแสดงจินตนาการพระรามน้าวคันสร โดยผู้รำจะเหยาะย่างเตี้ยต่ำมาอยู่กลางเวที ยกขาข้างหนึ่งสูงขึ้นและยืดตัวยืดขาให้ตรงทรงตัวอยู่ด้วยขาข้างเดียว ยกแขนไปข้างหน้าตั้งฉากกับลำตัวอีกแขนข้างหนึ่งยื่นไปข้างหลังอยู่ในระดับเดียวกัน ในลักษณะน้าวคันศร แล้วค่อยๆโน้มตัวไปข้างหน้าลดขาที่ยกสูงลงมาจดพื้น ย่อเข่าเล็กน้อยพร้อมกับยกเข่าที่ยืนทรงตัวอยู่ให้สูงขึ้นคลายมือทั้งสองออกประดุจพระรามปล่อยลูกศรออกจากแหล่ง แล้ววาดแขนและขาที่อยู่ข้างหลังไปข้างหน้าพร้อมๆกันขายกสูงระดับเอว แขนม้วนเข้าบริเวณหน้าอก ตะหวัดเหยียดไปข้างหน้าขนานกับพื้น แขนข้างหน้าวาดข้ามศีรษะไปข้างหลังอยู่ระดับเดียวกัยแขนที่ยื่นไปข้างหน้าในลักษณะน้าวคันศรเช่นเดียวกับที่ทำมาแล้ว ค่อยๆโน้มตัวไปข้างหน้าลดขาที่ยกสูงลงจนจดพื้น ย่อเข่าลงเล็กน้อยพร้อมกับยกขาที่ยืนอยู่ให้สูงขึ้น คลายมือทั้งสองออกประดุจปล่อยลูกศรออกจากแหล่งเป็นครั้งที่สอง
⭕️9. ท่ากินนรเข้าถ้ำ ลีลาท่านี้ผู้รำจะโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าข้างหลังจะลดลงจดกับพื้น และย่อตัวให้เตี้ยลงทีละน้อยๆจนเข่าขาหลังถึงพื้น ขาหน้าตั้งเข่าชันไว้ ส่วนมือทั้งสองก็ร่ายรำไปตามจังหวะดนตรี ในท่ากินนรีลงสรง และให้โน้มตัวมาข้างหลัง จนนั่งอยู่บนส้นเท้าข้างหลังมือทั้งสองก็ร่ายรำไปเรื่อยๆแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าจนเข่าที่ตั้งชันอยู่จดกับพื้น
⭕️10. ท่าเตี้ยต่ำเสือหมอบ เป็นท่าที่ต่อเนื่องจากกินนรเข้าถ้ำโดยผู้รำจะกำหมัดกระทุ้งศอกลงกับพื้นข้างหน้าสักสองสามครั้ง ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งกำหมัดตั้งไว้ที่บั้นเอว ให้เปลี่ยนทำเช่นนี้ทั้งแขนซ้ายแขนขวาสลับกันสักสองสามครั้ง ขาที่เหยียดออกไปก็ใช้ปลายเท้าตบกับพื้นเป็นจังหวะตามดนตรี ให้หมอบตัวลงจนติดกับพื้น ลำแขนและฝ่ามือให้อยู่ชิดติดกับพื้นวาดแขนทั้งสองข้างกวาดไปกับพื้นที่อยู่ข้างหน้า เป็นการหาเถื่อน ขูดเถื่อนคือหาที่มั่นคง ต่อไปนักมวยหรือผู้รำจะใช้มือทั้งสองตบพื้นอย่างแรง พร้อมกับยกลำตัวขึ้นสูง แขนยันกับพื้นให้ตรงสอดส่ายสายตาไปทั่วเหมือนเสือหาเหยื่อ แล้วหมอบลงกัยพื้นอีกและยกตัวขึ้นอีกทำอย่างนี้สักสองสามครั้งเป็นลักษณะเสือร้ายคอยจับเหยื่อ
⭕️11. ท่าทรพีชนพ่อ เป็นท่าที่ต่อเนื่องจากท่าเตี้ยต่ำเสือหมอบ ผู้รำจะตบพื้นอย่างแรง และใช้ศอกทั้งสองที่กางออกขวิดลงพื้นอย่างรุนแรง ตามจินตนาการความดุดันของทรพีที่โหดร้ายชนทรพาผู้พ่อ ผู้รำจะทำการขวิดพื้นไปมาอย่างแรงและรวดเร็วแคล่วคล่องว่องไวเป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ให้เกรงกลัว
⭕️12. ท่าล่อแก้วเมฆขลา ผู้รำจะยื่นเท้าที่อยู่ข้างหลังไปข้างหน้าและโน้มตัวมาข้างหลังพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้าง เหยียดตรงไปข้างหน้าและข้างหลังในระดับ 45 องศา ปลายมือกวัดแกว่งในท่ารำ ตามจินตนาการนางเมฆขลาล่อแก้วให้รามสูรขว้างขวาน และม้วนแขนทั้งสองเข้ามาบริเวณหน้าอก โน้มตัวไปข้างหน้าแล้ววาดแขนกางเหยียดออกไป ลักษณะการล่อแก้วตามท่าเดิม ทำอย่างนี้สักสองหรือสามครั้ง
⭕️13. ท่าม้ากระทืบโรง ผู้รำจะทรงตัวยืนขึ้นทีละน้อยๆพร้อมกับม้วนท่อนแขนช่วงล่างทั้งสองข้าง หมุนไปมาในลักษณะควงหมัดวงกลมหลายๆรอบ พร้อมกับยกเท้าขึ้นและกระทืบลงกับพื้นอย่างแรงและหนักแน่นสามครั้ง
⭕️14. ท่าท่าช้างโขลงทะลายป่า เป็นท่าสุดท้าย ผู้รำจะเหวี่ยงแขนและขาข้างหนึ่งมาข้างหลัง กางแขนทั้งสองออกเต็มที่ ให้ได้ระดับไหล่แล้วม้วนแขนทั้งสองเข้ามาในลำตัวบริเวณสีข้างทั้งสองในลักษณะช้างม้วนงวงและโน้มตัวไปข้างหน้าเหยาะย่างไปตามจังหวัดนตรี แสดงพละกำลังในท่าทางการต่อสู้ โดยใช้มือ เท้า เข่า ศอก เข้ารุกไล่ศัตรูอย่างฮึกเหิมประดุจช้างป่าที่เมามัน