เปิดหมดเปลือก"ตำแจ่วปลาแดกบองโบราณ"ชามอ่างละหมื่นบาท แถมเก็บไว้กินได้นานๆ จะทำกินก็ได้จะทำขายก็ขายดี!!by@wa(คุญยายวารี)
"แจ่วปลาแดกบอง" คำๆนี้ลูกอิสานเท่านั้นถึงจะเข้าใจได้ลึกซึ้ง และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่คืออาหารที่อร่อยที่สุด อยู่คู่ครัวไทยมานานแสนนานไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ถ้าเป็นลูกอิสานแท้ๆของที่ต้องพกติดตัวไปด้วยตลอดคือ.."กระติบข้าวเหนียวและแจ่วปลาแดกบอง" เราจะได้ยินตลอดเลยว่า เดี๋ยวเราแวะซื้อไก่ย่างข้างทางเอา..
สำหรับเรา "แจ่วปลาแดกบอง" คืออาหารที่ต้องมีติดครัวไว้ตลอด เพราะมันช่วยให้เรารอดหิวได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าในบางครั้งเราจะทานอาหารอย่างอื่น แต่เหมือนมันยังไม่อิ่ม เหมือนมันขาดอะไรไปบางอย่างเหมือนได้ทานไม่ครบ ต้องวกกลับมาหา" แจ่วปลาแดกบอง" นี่ถึงจะเสร็จสิ้นในวันนั้น
วันนี้เราจะขอแนะนำเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆของแจ่วปลาแดกบอง ที่เราทำขายมาฝากเพื่อนๆค่ะ ยอมรับว่าขายดีมากๆ มียอดสั่งจองมาตลอด จึงอยากแบ่งปันเผื่อเป็นแนวทางให้คนที่อยากทำกินเอง หรือเผื่อว่าอยากทำขายเพื่อเพิ่มทางเลือกในอาชีพ. อ้อ!! ถ้าวิเคราะห์ดีๆจะรู้ว่า คนส่วนมากไม่ว่าใครๆก็ชอบกินแจ่วปลาแดกบองกันมากนะคะ😍 เคล็ดลับเริ่มที่..
1.ปลาแดกและเนื้อปลาแดกที่ใช้ : ควรจะได้จากปลาที่ผ่านการหมักอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป ถึงจะดีมากๆยิ่งหมักนานๆยิ่งดี เพราะจะทำให้เครื่องที่ใช้หมักปลาซึ่มเข้าเนื้อปลาเป็นอย่างดี ทำให้เนื้อปลาหอมไม่เหม็นคาว สูตรที่เราทำขาย เราไม่แนะนำให้ใช้เนื้อปลาที่หมักไม่ถึงปี เพราะจะทำให้รสชาติไม่อร่อย เมื่อแปรรูปเป็น แจ่วปลาแดกบอง แล้วจะทำให้เสียง่ายและเก็บไว้ได้ไม่นาน.
2.เครื่องเครียงสมุนไพรทุกอย่าง ถ้าเป็นของสดให้นำมาตากแดดก่อน 1 แดดจัดๆ แล้วนำไปคั่วด้วยไปกลางอ่อน คั่วจนหอมคั่วจนเครื่องสุกเสมอกัน ในขั้นตอนนี้ก็สำคัญมากๆ ถ้าเครื่องสมุนไพรต่างๆคั่วไฟไม่สุก คั่วไฟไม่ได้ที่ ถึงจะทำอร่อยแค่ไหนก็เก็บไว้ได้ไม่นาน อย่าทำสักแต่จะขายเอาปริมาณ ถ้าเราใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยรับลองว่ามีลูกค้ากลับมาหาตลอดแน่นนอนค่ะ และถ้าเครื่องสมุนไพรเหล่านี้คั่วไม่สุก มันจะทำให้คนที่ทานเข้าไปท้องอืด ท้องเสีย ทำให้แจ่วปลาแดกบองขึ้นเชื้อราเร็วมาก เพราะฉะนั้นในขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
3.เมื่อเครื่องเครียงสมุนไพรคั่วได้ที่แล้ว : รสชาติโบราณจริงๆต้องเอามาตำให้ละเอียดด้วยครกหิน และเนื้อปลาแดกก็เช่นกัน ต้องสับให้ละเอียดที่สุด เวลาโดนลิ้นให้ละมุน ไม่มีก้างของปลาติดมา ส่วนเครื่องเคียงสมุนไพร เมื่อเอามาปรุงรวมกับเนื้อปลาก็จะได้รสหอม ตัดกับกลิ่นคาวของเนื้อปลาแดก
4.อุปกรณ์เครื่องครัวทุกอย่างที่ใช้ทำ และทำเสร็จแล้วในแต่ล่ะครั้ง ถ้าเป็นไปได้ให้ล้างด้วยน้ำร้อนจะดีมากๆเพื่อกำจัดกลิ่นคาวปลา และกำจัดการสะสมของเชื้อแบททีเรีย และจะทำให้ปลอดภัยในการนำกลับมาใช้อีกครั้งหน้า
5.มะขามเปียก: ควรต้มด้วยไฟอ่อนๆเคี่ยวจนให้ได้เนื้อมะขามเหลวๆ ไม่มีเม็ดมะขามผสม อันนี้ก็สำคัญมาก เพราะเนื้อมะขามถ้าเคี่ยวไฟไม่ได้ที่ ไม่เกินสี่วัน จะมีเชื้อราสีขาวๆขึ้นมาเกาะที่หน้าเนื้อมะขามแน่นอน ถ้ากินเข้าไปในปริมาณเยอะๆหรือคนที่ธาตุไม่แข็ง จะทำให้ท้องเสียแน่นอน.
6.ภาชนะที่ใช้ใส่ปลาแดกบอง : ต้องเป็นภาชนะที่สะอาด มีฝาปิดสนิท ที่สำคัญต้องเหมาะแก่การพกพา
ในส่วนของเราที่ทำขาย : เราจะเน้นรสชาติที่เราชอบทานเอง ตรงนี้สำหรับคนที่จะทำขายอย่าไปคิดมาก อย่าไปวิ่งตามคำติของคนอื่นว่า ต้องใส่อันนั้นเพิ่มอันนี้ ลดอันนี้ลง ถ้าได้สูตรดีๆ ให้ทำตามสูตรให้เป๊ะๆ อย่าได้คิดเพิ่มปริมาณเองนอกเหนือจากสูตรที่เขาให้มา อย่าได้คิดว่าการเพิ่มปริมาณเองนอกเหนือจากสูตรแล้ว จะทำให้ได้แจ่วปลาแดกบองเพิ่มขึ้น..ซึ่งโบราณเรียกว่า: "หัวล้าน หลืนครู" เพราะมันจะทำให้รสชาติที่ได้ผิดเพี้ยนไป และในส่วนของรสชาติ 📌ให้เอารสชาติที่ตัวเองชอบมากๆเอารสลิ้นของตัวเองเป็นหลัก ไม่ไขว้เขวในรสชาติของคนอื่น ยืนหนึ่งด้วยรสชาติของเราเอง เพราะการทำในครั้งต่อๆไป จะทำให้ปรุงรสได้ง่ายขึ้นตามรสปากของเราเอง และที่สำคัญถ้าทำขายแล้วไม่หมด เราก็จะได้เก็บไว้ทานเองด้วย😊😊
อ้อ!!สำหรับที่เราทำขาย แต่ล่ะครั้งเราจะทำทีล่ะกระชามอ่างใหญ่ๆเลยค่ะ ครั้งละ ประมาณ 10-15 กิโล ขายประมาณ2,3 วันก็หมดแล้ว เพราะทำตามที่ลูกค้าสั่งไว้ แล้วถ้ามีลูกค้าสั่งมาใหม่ ก็ให้ลูกค้ารอรอบการทำต่อไป ซึ่งลูกค้าส่วนมากก็รอได้ค่ะ😍
หวังว่ากระทู้นี้คงเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจทุก ท่านไม่ว่าจะทำกินเอง หรือว่าทำขาย ก็ลองนำเอาแนวทางนี้ไปปรับใช้ดูค่ะ โดยส่วนตัวที่เราทำขายลูกค้ากลุ่มเดิมจะกลับมาตลอดเพราะติดในรสชาติแบเดิม และแจ่วปลาแดบองนี้ สามารถช่วยทำเงินได้ดีทีเดียวค่ะถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งทางการตลาดเยอะแยะ สำหรับที่คิดจะเริ่มทำขายใหม่อย่าท้อนะคะ..ค่อยๆทำค่อยๆฝึกไป..ถ้าเราทำอร่อยมั่นใจในรสชาติของเรา "ลูกค้ากลับมาสั่งเพิ่มและแนะนำเพื่อนมาให้อีกแน่นอนค่ะ..😍😍