อย่าสองมาตราฐาน
"เชาว์" ชี้ ปัญหา 158 คนไทย หนีกักตัว สะท้อน ระบบบริหารจัดการภาครัฐมีปัญหา บี้ "อนุทิน" เร่งเอาผิด ลูกพรรค หลังสองส.ส. กลับ กทม.ไม่ยอมกักตัว 14 วัน เพื่อมาตราฐานที่เท่าเทียม ขู่ไม่ดำเนินการเจอดำเนินคดีฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ยัน ไม่เกี่ยวการเมือง เหตุเป็นเรื่องบ้านเมือง ต้องทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย นำสังคมรอดพ้นวิกฤตโควิด-19
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง “ 158 คนไทย กับ 2 ส.ส.ภูมิใจไทย ที่ปฏิเสธไม่ยอมกักตัว จิตสำนึกและมาตราฐานทางกฎหมายที่ทุกคนต้องเท่าเทียม”มีเนื้อหาว่า ปัญหาการปฏิเสธกักตัวของ 158 คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ จนเกิดความวุ่นวายที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา สะท้อนถึงปัญหาการบริหารจัดการของภาครัฐที่ยังมีช่องโหว่ และการบังคับใช้กฎหมายยังไม่เคร่งครัดอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน เพื่อให้การบริหารสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนหน้านี้2-3 วันก็มีข่าวว่า นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย เดินทางกลับจากกรุงเทพเข้าพื้นที่สงขลา เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นมีหนังสือเวียนของอธิบดีกรมควบคุมโรคแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานโรคติดต่อจังหวัดว่าใครกลับภูมิลำเนาจากพื้นที่เสี่ยงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต้องกักตัว 14 วัน แต่นายณัฏฐ์ชนนท์ กลับไม่กักตัว แถมยังลงพื้นที่พบปะชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนที่ไปสัมผัสใกล้ชิดตกอยู่ในความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีกรณีของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ที่ปรากฏคลิปวีดีโอถ่ายทอดสดในเฟซบุ๊กคนภูมิใจไทยวันที่ 3 เมษายน ว่าอยู่ที่กระทรวงการคลัง กับนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเดินทางกลับจังหวัดกระบี่ในวันที่ 4 เมษายน แล้วลงพื้นที่ทันที โดยไม่มีการกักตัว 14 วันแต่อย่างใดเช่นกัน
นายเชาว์ระบุว่า จริงอยู่การไม่กักตัวเป็นเรื่องการขอความร่วมมือ ใครจะไม่ทำตามก็ไม่มีบทลงโทษ นอกจากจะฝ่าฝืนมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคเป็นรายบุคคลถึงจะมีความผิด แต่อย่าลืมว่าขณะนี้บ้านเมืองกำลังอยู่ระหว่างวิกฤตต่อสู้กับโรคติดต่อร้ายแรงซึ่งนับวันทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนทุกฝ่ายจึงจะชนะโรคนี้ได้ จิตสำนึกและความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่สำคัญ ต้องเป็นเยี่ยงอย่างให้ประชาชนเห็น ที่สำคัญเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการตรวจส่องดูแลคนในพื้นที่ต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ส.ส. ข้าราชการระดับสูงหรือประชาชนธรรมดา ทุกคนเท่าเทียมกัน ถ้ามาจากพื้นที่เสี่ยงต้องกักตัว 14 วัน
“กรณีของนายณัฏฐ์ชนน ทราบว่านายศิริโชค โสภา อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และส่งจดหมายผ่านทางไลน์ส่วนตัวไปแล้ว ส่วนกรณีนายสฤษฏ์พงษ์ ข้อมูลปรากฏชัดในเฟซบุ๊กของพรรคภูมิใจไทยเอง แต่นายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กลับไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อจัดการให้ลูกพรรคตัวเองปฏิบัติตามกฎการควบคุมโรค แล้วจะมีความน่าเชื่อถือที่จะไปบอกให้ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างเคร่งได้อย่างไร ที่สำคัญกรณีอาจหมิ่นเหม่ต่อการปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะนายอนุทินในฐานะรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพรบ.โรคติดต่อ ทราบเรื่องร้ายแรงแล้วกลับนิ่งเฉยเสียไม่ยอมสั่งการหรือดำเนินการใดๆให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคในท้องถิ่นออกคำสั่งกักตัว 14 วัน 2 ส.ส. เหมือนกับกรณีประชาชนทั่วไปที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทุกคนต้องถูกกักตัวไม่มีข้อยกเว้น ผมจึงขอเรียกร้องไปยังนายอนุทิน อีกครั้งให้รีบดำเนินการกับ 2 ส.ส.ในสังกัด อย่างน้อยเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้ประชาชนปฏิบัติตาม แต่หากยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ผมถือว่านายอนุทินละเมิดกฎหมายที่ตนเป็นผู้รักษาการเสียเองอย่างไม่น่าอภัย ถึงเวลานั่นผมจะร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายอนุทินให้เป็นคดีตัวอย่าง เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาการเมือง แต่เป็นเรื่องบ้านเมืองที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม สังคมจึงจะอยู่รอดปลอดภัยในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย