กุมภาฯ '63 ดัชนีสุขภาพจิตสังคมไทย ผลงานการเมือง
กุมภาฯ '63 ดัชนีสุขภาพจิตสังคมไทย ผลงานการเมือง
ถือได้ว่าเป็นเดือนที่ร้อนแรงเลยจริงๆกับ 3 เหตุการณ์ดังที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2563 นี้ นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนคุณภาพชีวิต และสุขภาพจิตของคนเราในปัจจุบัน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2563 จากเหตุการณ์ยิงกราดในห้างดังเมืองโคราช นั่นถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการไม่สามารถควบคุมอารมณ์ และแสดงให้เห็นถึงภาวะปัญหาที่เกิดขึ้นจากการถูกเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มคนมีสี
หากมองย้อนกลับไปว่าจ่าคลั่งได้ทำอะไรลงไป แน่นอนนั้นเป็นสิ่งที่คนไทยและสังคมโลกยอมรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นการกระทำโดยไร้ซึ่งมนุษยธรรม ที่ต้องมีผู้บริสุทธ์จบชีวิตจากเหตุการณ์นี้ไม่น้อยกว่า 28 ศพ และมากยิ่งไปกว่านั้น ถือเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งความปราณี และยากที่จะยอมรับเมื่อเด็กเรียกได้ว่าจะเป็นทารกต้องถูกมือปืนที่ไร้สติ สังหารด้วยอาวุธสงครามพร้อมครอบครัว
แต่หากเรามองย้อนกลับไปอีกด้าน กลับพบต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงกลุ่มคนไม่กี่คนที่พยายามเอารัดเอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อยคนนี้ จนกลายเป็นชนวนปัญหาที่ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น แทบจะเรียกได้ว่าเป็นโจ๊กเกอร์เมืองไทยเลยก็ว่าได้ แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้ว และจบลงโดยการจับตายของหน่วยจู่โจมพิเศษ
แต่ก็ไม่วายเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่สายตรวจ-ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ปิดล้อมอาคารพาณิชย์ แห่งหนึ่งในซอยจุฬา 10 ถ.บรรทัดทอง แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน หลังจากมีเสียงปืนดังขึ้นจำนวนกว่า 20 นัด เบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี ที่กำลังประสบปัญหาทางครอบครัว เลยเอาปืนมายิงออกนอกบ้านเมื่อประมาณตี 4 และต่อเนื่องมาถึงเช้า อันเนื่องมาจากปัญหาครอบครัว
และสดๆร้อนๆ เมื่อวันนี้ 18 ก.พ. 2563 รักล่ม ส่งท้ายวาเล็นไทน์ กับเหตุการณ์ยิงพนักงานสาวคลินิกความงามภายในดิไอคอน ชั้น 4 ห้างเซ็นจูรี่ มูฟวี่ พลาซ่า ถนนพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ จากปมปัญหาความรัก
สังเกตุได้ว่า จาก 3 เหตุการณ์หลักที่เกิดขึ้นภายในเดือนเดียวกัน ที่ยังไม่นับเหตุการณ์ปล้นร้านทองโดย ขรก ท่านหนึ่งที่เกิดขึ้นในเดือนมกราคมแล้ว จะเห็นได้ว่าตอนนี้ปัญหาของสังคมไทยคงหนีไม่พ้นปัญหาเศรษฐกิจ และความเรื่องของความรัก
เป็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีวิธีการแก้ไขปัญหา และรับมืออย่างไรกับระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจของคนไทย ที่จะพยายามลดช่องว่างระหว่างกลุ่มชนชั้นของคนรวย และคนจน มากยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาการเอารัฐเอาเปรียบของกลุ่มคนมีสี และผู้มีอำนาจที่มีอยู่ในสังคมไทยที่มีมานาน
เราต่างเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าประเทศไหนๆ ต่างก็มีปัญหาการฆ่ากันตายกันทั้งนั้น แต่หากย้อนกลับไปดูดีๆแล้ว เราจะพบได้ว่าปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนชาวไทยต่างถูกทอดทิ้งมายาวนานร่วมเกือบ 7 ปีแล้ว เราไม่สามารถคาดการอะไรได้เลยว่าเศรษฐกิจของเราจะเป็นไปในทิศทางใดในอนาคต เราเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลของเรากำลังวุ่นวายอยู่แต่การปราบปราม และแก้ไขระบบการปกครองรวมไปถึงการแก้กฎหมาย และรัฐธรรมนูญ แต่เดี๋ยวก่อนแล้วโครงสร้างหลักของเราหล่ะ ปัญหาครอบครัว ปัญหาวัยรุ่น ปัญหาระบบการศึกษาของเราอยู่ที่ไหน
รัฐบาลไทยกำลังจะลืมไปแล้วว่า ประเทศของเราที่เกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ มันเกิดขึ้นมาจากความไม่รู้และความขาดสติของคน หากเรามีการรณรงค์ สร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง ปลูกจิตสำนึกความผูกพันธ์ ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดี นั่นจะเป็นวิธีที่ทำให้ประเทศของเราลดปัญหาเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น
เราเชื่อว่า ประเทศของเราตอนนี้ทุกคนต่างอยู่ในภาวะความตึงเครียด หลายคนพยายามดิ้นรนเพื่อสร้างผลประกอบการที่ดี และหารายได้เข้าสู่ครอบครัว เพื่อจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขสงบ
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะเล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และรีบแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อพี่น้องประชาชนโดยแท้จริง