โลกสุดทึ่ง!! คนจีนส่งเสียงก้องเมืองสู้ไวรัส นศ.ไทยอัพเดทภาพอู่ฮั่น มีหลายสัญญาณดี ห่วงข่าวปลอมทำขวัญเสีย
ยังคงเป็นที่สนใจแก่คนทั้งโลกสำหรับเจ้าไวรัสโคโรน่า จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ทำให้เกิดความวิตกกังวลแก่คนไทยอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีคนติดเชื้อแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ราย ซึ่งยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด กระทั่งทางรัฐบาลจีนประกาศห้ามกรุ๊ปทัวร์บินต่างประเทศแล้ว ซึ่งขณะเดียวกัน ทางสื่อโซเชียลมีเดียได้แชร์ภาพเบื้องหลังสุวรรณภูมิเจ้าหน้าที่ไทย ที่ได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อตรวจขันและป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าว
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก China Xinhua News ได้โพสต์คลิป พร้อมระบุข้อความว่า “อู่ฮั่นสู้ตาย! เสียงกู่ร้องจากพลเมืองในนครที่ถูกปิดกั้น ในค่ำคืนที่มืดมิด หากแต่แสงไฟยังไม่มอดดับ ศรัทธาในใจของชาวอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อ ‘ไวรัสโคโรน่า’ สายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ยังคงกล้าแกร่ง เสียงตะโกนกึกก้องจากผู้คนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางการเฝ้าระวังอาการของตนเองและคนรอบข้างว่า “สู้เขา” ต่างดังสะท้อนข้ามตึกไปมา ให้กำลังใจกันและกัน ท่ามกลางสงครามที่แสนยืดเยื้อครั้งนี้ (คลิกเพื่อชมคลิป)
ด้าน นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สิ่งที่ทำให้คนจีนและคนไทยหล่อหลอมอยู่กันได้จนละลายเป็นคนชาติเดียวกันมานับร้อยปี เพราะธรรมชาติของคนไทยและจีนนั้นเมื่อถึงคราวขับขันจะรวมตัวกัน และสู้ตายไม่ทิ้งใครเอาไว้ข้างหลัง
เรื่องของนับญาติของสังคม คนไทยและคนจีนจะเหมือนกันอยู่เรื่องหนึ่งที่คนชาติตะวันตกนั้นไม่มี คือพวกเรานับญาติกับคนที่ในสังคมเดียวกัน เราเรียกคนที่ไม่ใช่ญาติว่า พี่ น้อง ป้า ลุง ตา ยาย โดยธรรมชาติ ไม่ต่างกับที่คนจีนมีการนับญาติและนับระบบอาวุโสกับคนอื่นเช่นกัน พวกเราจึงมี พี่ป้า น้าอา เฮีย เจ๊ อาเจก อาแปะ อาซ้อ อยู่ในซอยเดียวกันอย่างสันติสุข และเมื่อไรที่มีใครเดือดร้อน คนในสังคมที่ใกล้กันจะเข้ามาช่วยเหลือกัน แม้จะไม่ใช่ญาติหรือไม่รู้จักกันก็ตาม นี่คือพื้นฐานที่ทำให้ลูกหลานจีนในประเทศไทยต่างก็เรียกตัวเองว่าคนไทย หรือถ้าไปต่างประเทศจะบอกคนอื่นว่าพวกเขาคือคนไทยเชื้อสายจีนอย่างเต็มปาก ที่คนจีนในชาติเพื่อนบ้านจะไม่บอกคนชาติอื่นแบบนี้
เมื่อคราวน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมา ครอบครัวคุณยายบ้านหนึ่งที่เพิ่งมีอาหารมือแรกในรอบสองวัน สิ่งที่คุณยายถามทหารที่เอาเรือยางติดเครื่องยนต์ไปแจกอาหารว่า “เหนื่อยมากไหมไอ้หนู กินข้าวแล้วหรือยัง” ทั้งที่อาหารที่ได้รับแจกมื้อนั้นยังไม่ตกถึงท้องของยายเลย และนี่คือนิสัยที่คนจีนก็มีไม่ต่างกับคนไทยคือถ้ายังไม่ตายยังมีแรง ก็ยังเจือจานความห่วงใยไปให้คนอื่นที่เขาเหนิ่อยกว่าหรือทุกข์กว่า
ผมเจอข่าวนี้แล้วอดเอามาให้ดูกันไม่ได้ ในเมืองอู่ฮั่น(หวู่ฮั่น)ที่โดนปิดเมืองเพื่อป้องกันโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ให้กระจายออกมานั้น แต่ศัทธาของพวกเขาไม่ได้ถูกปิดไปเหมือนเมือง ผู้คนที่อยู่บนอาคารสูงในเมืองต่างก็ตะโกนให้กำลังใจกันและกันในค่ำคืนอันมืดมิดและเหน็บหนาวว่า “หวู่ฮั่น ไจ่โหยว” ซึ่งคำว่าไจ่โหยวเป็นคำในบทกวีที่แปลว่าเติมน้ำมัน(ใส่ตะเกียง) เพื่อปลุกขวัญและกำลังใจข้ามตึกไปมาให้กันและกัน
“สู้เขา เราต้องทำได้” เสียงให้กำลังใจกลับไปมาระหว่างตึกดังก้องไปทั้งเมืองในสงครามสู้กับไวรัสของชาวเมืองอู่ฮั่นในครั้งนี้” (คลิกเพื่อชมคลิป)
ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ณัฐวุฒิ เอี่ยมเนตร ซึ่งเป็นคนไทยในอู่ฮั่นได้อัพเดตสถานการณ์อีกครั้งว่า “จากสภาวะปัจจุบัน มีหลายอย่างที่ดีขึ้นและแย่ ดังนี้
ในด้านที่ดีขึ้น
- จะเป็นระบบการประสานงานของคนไทยในอู่ฮั่นกับทางสถานฑูตไทย ที่มีการรวบรวมทั้งรายชื่อที่อยู่และเบอร์ติดต่ออย่างเป็นระบบ และมีการยืนยันตัวตนเพื่อไม่ให้เกิดการตกหล่นและพร้อมรับสถานการณ์หากมีการเคลื่อนย้ายกลับไทยในอนาคต
- ทางรัฐบาลจีนประสานกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อตรวจสอบผู้ที่ติดเชื้อและผู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งปัจจุบันยังไม่พบผู้ติดเชื้อในเขตมหาวิทยาลัยที่ผมอยู่
- ทางมหาวิทยาลัยมีการเปิดมินิมาร์ทและโรงอาหารเล็กสำหรับผู้ที่พักอาศัยอยู่ในเขตมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันคนไม่หนาแน่น และพบว่าไม่มีการตุนของเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อาจเพราะว่าก่อนหน้านี้มีการกักตุนไว้พอสมควรแล้ว อาหารในมินิมาร์ทมีการเติมอยู่ตลอด ซึ่งส่งผลให้ไม่รู้สึกว่ามีการขาดแคลนอาหารในปัจจุบัน(รูปที่ถ่ายเวลาประมาณ 1 ทุ่ม)
- คนในบริเวณที่ผมอยู่ป้องกันตัวตัวเองด้วยการใส่แมสทุกคน บางคนใส่เสื้อกันฝนทับเสื้อกันหนาวอีกที(ซึ่งไม่รู้ว่าจะใส่ไปทำไม)
สิ่งที่รู้สึกแย่
- ข่าวอัตราการติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งบั่นทอนความรู้สึกในหลายๆ คนทั้งคนไทยและคนจีน
- ข่าวจากสำนักข่าวต่างๆที่ยังคงสร้างข่าวปลอม ให้เกิดความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นแก่คนทั้งที่อู่ฮั่นและที่ไทย
คนไทยที่นี่ยังคงแข็งแรงและรอฟังข่าวดีจากทางการไทย และเป็นกำลังใจให้ทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนผ่านอุปสรรคตรงนี้ไปโดยเร็วครับ ขอแก้ข่าวที่บอกว่าคนติดเชื้อเป็นหมื่นเป็นแสนคนนั้นไม่เป็นความจริงนะครับ”
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th/videos/663450391062199/
https://www.xn--42c2dgos8bxc2dtcg.com/