ทั้งจุกทั้งช้ำ สาวแต่งงานไม่ทันไร โดนแม่แย่งผัว ไปกินตับเสพสุขกันหน้าระรื่น
ย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน ลอเรน วอลล์ เด็กสาวชาวอังกฤษ วัย 18 ปี ได้พบเจอกับ พอล เด็กหนุ่ม วัย 19 ปี ในผับ เธอปิ๊งเขาในทันทีที่แรกเห็น เขาเองก็ปิ๊งเธอเหมือนกัน ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทร. แล้ววันรุ่งขึ้น เขาก็ส่งข้อความมาชวนเธอไปดูหนัง หลังจากนั้นทั้งสองก็เดตกัน
พวกเขาจมอยู่ในห้วงรัก และไม่นานหลังจากนั้น ลอเรนก็ตั้งครรภ์และคลอดลูกสาวในปี 2547 พวกเขาแต่งงานกันในเวลาต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนอยู่ในเทพนิยายที่แสนสุข พอลให้สัญญากับลอเรนว่าจะรักเธอไปตลอดชีวิต
ทว่าความรื่นรมย์กลับกลายเป็นขมขื่น และเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจลอเรน เพราะพอลนอกใจเธอ และทิ้งเธอไปอยู่กินกับผู้หญิงคนอื่นทั้งที่ยังแต่งงานกัน ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หญิงชู้ที่ว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน แต่เป็นแม่แท้ ๆ ของลอเรนเอง ......
เรื่องราวชีวิตรักสุดเศร้าของลอเรน ถูกหยิบมารายงานในเว็บต่างประเทศชื่อดัง เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2563 โดยหลังจากที่ลอเรนตั้งครรภ์และตัดสินใจแต่งงานกับพอล ตอนที่เธออายุ 19 ปี ครอบครัวของเธอก็ยินดี ไม่มีใครคัดค้านและให้การสนับสนุน โดยเฉพาะ จูลี่ แม่ของเธอ ผู้ซึ่งควักกระเป๋าออกเงิน 15,000 ปอนด์ หรือราว 593,400 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานทั้งหมด และด้วยความรักแม่ ลอเรนจึงพาจูลี่ไปฮันนีมูนด้วยกันกับเธอด้วย ซึ่งจูลี่ก็แฮปปี้เป็นอย่างมาก
ในช่วงเวลานั้นเอง ลอเรนสังเกตได้ว่าแม่กับสามีของตัวเองดูสนิทสนมกันมาก หัวเราะครื้นเครงด้วยกันตลอด ซึ่งลอเรนก็ไม่ได้คิดสงสัยหรือเอะใจอะไร เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังดีเสียอีกที่ลูกเขยกับแม่ยายจะเข้ากันได้ดี ลอเรนวาดฝันถึงชีวิตคู่แสนสุขกับพอล อยากสร้างครอบครัวไปกับเขาจนแทบจะรอไม่ไหว
ทว่าหมึกบนทะเบียนสมรสยังไม่ทันแห้ง พอลก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยเขาเริ่มแสดงท่าทางหวงโทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องการให้ลอเรนเข้าไปยุ่มย่ามด้วย คล้ายกับว่ากำลังมีความลับ โดยประมาณ 1 เดือนต่อมา ลอเรนก็รู้สึกจุกอกเป็นครั้งแรก หลังจากรับรู้ว่าพอลกับแม่แอบคุยกันลับหลังเธอ
ความลับนี้ถูกเปิดเผย หลังจากที่พี่สาวของลอเรนยืมโทรศัพท์แม่มาใช้ แล้วพบข้อความคุยกันระหว่างแม่กับพอล ลอเรนเข้าไปคุยกับแม่ในเรื่องนี้ ซึ่งจูลี่ก็ปฏิเสธในทันที บอกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น พร้อมกล่าวหาว่าลูกสาวบ้าประสาทเสีย คิดมากฟุ้งซ่านไปเอง พอลอเรนกลับไปถามสามี เขาก็ปฏิเสธเช่นกัน อีกทั้งไม่ยอมให้เธอดูโทรศัพท์มือถือด้วย
ประมาณ 2-3 สัปดาห์ต่อมา พอลก็ถอดแหวนแต่งงานออก แล้วเดินหันหลังออกไปจากบ้าน ทิ้งลอเรนกับลูกสาววัย 7 เดือนตามลำพัง ลอเรนทั้งช็อกทั้งเจ็บปวดที่อยู่ดี ๆ ก็โดนเทแรงมาก และหลังจากนั้นไม่นาน ลอเรนก็หัวใจแตกสลาย หลังจากได้ยินข่าวว่าแท้จริงแล้วพอลไปอยู่กินกับแม่ของเธอ
"มันน่ารังเกียจที่สุด เป็นอะไรที่เลวร้ายมาก ที่แม่ทำกับลูกสาวตัวเองแบบนี้" ลอเรน กล่าวอย่างเจ็บปวด
ลอเรนเจ็บช้ำจนยากที่จะบรรยายได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร เพราะไม่เคยคาดคิดเลยสักนิดว่าคน 2 คน ที่ตัวเองรักมากที่สุดในโลก จะร่วมมือกันแทงข้างหลังเธอได้อย่างเลวร้ายเช่นนี้ พอลอาจจะเป็นผู้ชายเลว ๆ ที่เจ้าชู้ แต่จูลี่ผู้เป็นแม่ ควรจะเป็นคนที่รักและปกป้องลูก ไม่ใช่แย่งสามีลูกมาเป็นของตัวเอง
หลังจากที่พอลย้ายออกไปได้ไม่นาน ลอเรนก็บังเอิญเดินสวนกับจูลี่บนถนน เธอรับรู้ได้ทันทีว่าแม่กำลังท้องอยู่แน่นอน เพราะท้องป่องอย่างเห็นได้ชัด จูลี่รีบเอามือปิดบังท้องตัวเองอย่างลนลาน พร้อมบอกกับลูกสาวไปว่า ที่ท้องป่องเพราะตัวเองเป็นซีสต์
ลอเรนเล่าว่า ตอนนั้นเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างที่สุด เธอกลับบ้านไปทำลายรูปงานแต่งงานทั้งหมดทิ้ง เพราะมันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว และเตรียมตัวดำเนินเรื่องหย่าขาดกับพอล ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2548 ประมาณ 9 เดือน หลังจากที่พอลทิ้งลอเรนและย้ายออกจากบ้าน จูลี่ก็คลอดลูก
จูลี่อ้างกับลอเรนว่าเป็นลูกของแฟนตัวเอง ที่เป็นผู้ชายคนอื่น แต่ลอเรนรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร และหลังจากนั้นไม่นาน จูลี่กับพอลก็เปิดตัวว่าเป็นคู่รักกัน ซึ่งนั่นทำให้โลกของลอเรนพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
4 ปีหลังจากนั้น พอลกับจูลี่ก็ลั่นระฆังวิวาห์ ลอเรนเล่าว่า แม่ได้โทร. มาชวนเธอไปร่วมพิธีแต่งงานด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่อึดอัดกระอักกระอ่วนมาก ที่เจ็บจี๊ดกว่านั้นก็คือ วันนั้นมันควรเป็นวันที่ลอเรนแฮปปี้กับการฉลองวันครบรอบแต่งงาน เพราะเธอกับพอลแต่งงานกันในวันที่ 14 สิงหาคม 2547 ส่วนพอลไปแต่งงานใหม่กับแม่ของเธอในวันที่ 15 สิงหาคม 2552
แม้จะขมขื่น แต่ลอเรนก็ตัดสินใจไปร่วมเป็นสักขีพยานในความรักของทั้งคู่ มันเจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว แต่เธอก็จำต้องยอมทำเพื่อลูกสาวของตัวเอง
ลอเรนได้ตัดขาดความสัมพันธ์แม่ลูกับจูลี่ไปแล้ว แต่จูลี่ก็พยายามสร้างสะพานกลับมาหาเธอ ในวันหนึ่งที่ลอเรนขับรถไปส่งน้องชายที่บ้าน จูลี่รีบขึ้นมาในรถของลอเรนและร้องไห้ บอกว่า "แม่ขอโทษ แม่เสียใจ" ซึ่งลอเรนก็ตอบไปว่า "รบกวนลงไปจากรถด้วยค่ะ" หลังจากนั้น จูลี่ก็เขียนจดหมายมาขอโทษลอเรน แต่ความสัมพันธ์มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว
ส่วนกับพอลนั้น มันไม่เหลือเยื่อใยใด ๆ อีกต่อไป เขาไม่เคยขอโทษ ไม่เคยแสดงความเสียใจ ตอนที่เธอเข้าไปคุยกับเขาในวันแต่งกับแม่ เพื่อหาวิธีบอกลูกให้รับรู้ก่อนที่จะเห็นพ่อและยายแต่งงานกัน แต่พอลก็แค่บอกว่า "ลืม ๆ มันไปเถอะ"
ปัจจุบัน ลอเรนอายุ 34 ปีแล้ว และทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของบริษัทแห่งหนึ่ง เธอก้าวเดินหน้าจากเด็กสาวมาเป็นผู้ใหญ่ มีหน้าที่การงานที่ดี ได้พบรักกับผู้ชายคนใหม่ และกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ 4 ตอนนี้เธอมีความสุขดี แต่การถูกหักหลังก็เป็นปมในใจ ทำให้เธอไม่เคยไว้ใจผู้ชายคนไหน 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนจูลี่นั้น ปัจจุบันอายุ 53 ปี ยังคงอยู่กันกินกับ พอล อดีตลูกเขย วัย 35 ปี อย่างมีความสุขดี เธออ้างว่าตัวเองไม่เคยเป็นชู้ หรือแย่งผู้ชายมาจากลูกสาว และตัวเองกับพอลก็แต่งงานเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง ส่วนพอลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น
ลอเรนเล่าว่า ตอนนี้เธอมูฟออนแล้ว เวลาคือการเยียวยาที่ดีที่สุด เธอกับแม่ก็เคยพยายามกลับมาดีกัน แต่มันก็ไม่สำเร็จ เธอไม่มีวันกลับไปใกล้ชิดกับแม่เหมือนเดิมได้อีกต่อไปแล้ว และจะไม่มีวันเชื่อใจแม่ได้อีก เพราะสิ่งที่แม่ทำมันหนักหนาสาหัสมากจริง ๆ
เศร้าใจยิ่งนัก