โตมาพึ่งเข้าใจ…
โตมาพึ่งเข้าใจ...ว่าคนที่ดูแลแม่ทำอาหาร ซักผ้า ทำงานตามที่แม่สั่งมาตั้งแต่เด็ก ต้องมารับบทเป็นพี่ทั้งที่ไม่ได้อยากเป็น อดทนรับความรู้สึกต่างๆที่ทั้งแม่และพ่อต้องพบเจอมา โดยที่ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย ย้ำคือพูดอะไรไม่ได้ พูดคือเถียง พูดคือผิด พูดคือไม่ฟัง พูดคือต่อต้าน พูดไม่ได้เพราะเป็นเด็ก การที่เคยเป็นลูกคนเดียวใช้ชีวิตที่ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ดีกว่าเยอะ เริ่มนิสัยไม่ดีหลายๆอย่างก็เมื่อตอนโตจนเห็นได้ว่า การทำนิสัยไม่ดีเพียงหนึ่งครั้ง เราเท่ากับ คนเลว
คนที่ดีของแม่และพ่อเขาจะส่งให้เรียนสูงๆ มีเงิน มีรถ มีค่ากินขนมให้ด้วย อยากได้อะไรก็ได้ แต่งานไม่เคยทำ เรียนเก่ง กับบ้านแค่อาบน้ำกินข้าวเข้าห้อง ได้การงานที่ดี จัดงานแต่งให้ใหญ่โต
โดยที่รู้กันอยู่แค่พวกเขามานานแล้วแล้วพอใกล้จะจัดงานก็พึ่งมาบอกคนเป็นพี่ที่หลัง เพื่อนพักพวกคนที่พวกเขานับถือคนที่พวกเขารู้จักมากมาย คนที่ไม่ดีต่อลูกก็เชิญมา สร้างความระแวงตั้งแต่ตอนนั้นมา ความสุขของลูกเขาเขายอมทำให้หมดโดยที่ไม่เคยถามความรู้สึกของลูกอีกคนหนึ่งเลย
ต้องให้มันมายอมรับการตัดสินใจของคนทั้งสี่คน ซึ่งสี่คนที่หมายถึงก็คือคนที่จะต้องมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวไง และก็อยู่กันเป็นครอบครัวจริงๆนะ เขาอยู่กันแค่พวกเขาสี่คนนั่นละ ถีบเราทิ้งเลยคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยรอฟังคำสั่งของคนเป็นน้องเพื่อมาสั่งคนเป็นพี่ทำ ชีวิตดูเหมือนขี้ข้าพวกเขาที่พวกเขาใช้คำว่าขี้ข้าด่าเรา เราที่ทำให้เขากิน เราที่ทำสิ่งดีๆให้พวกเขาโดยที่ไม่คิดร้าย แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าจะตอนมาเจอพวกเขาทำแบบนี้ คนเราเป็นไปได้ขนาดนี้เพราะอะไรรู้มั้ย เราไม่รู้ รู้แต่ว่าในวันงานจะมียายหนังเหยี่ยวๆคนหนึ่งที่ดึงพ่อแม่และอีกสองคนไปแล้วผลักแขนเราที่จับแม่อยู่ปัดมือทิ้งแล้วก็ไปแอบคุยกัน อารมณ์สีหน้าที่มองเราไม่ใช่สีหน้าที่ดี
หลังจากผ่านงานนั้นไม่นานแม่ทั้งสองก็นั่งคุยกัน แม่คนหนึ่งก็บอกว่าบ้านหลังนี้เดี๋ยวก็ยกให้ลูกคนเล็ก รู้เพียงคราวๆเท่านี้ไม่กี่วันเขาก็ไปจดทะเบียนกันละ ที่นี้การใช้ชีวิตในบ้านที่ว่าแปลกอยู่แล้วก็แปลกไปมากกว่าเดิมอีก ไอ้เราก็ไม่ได้สันทัดเรื่องกฏอะไรต่างๆ เพราะไม่คิดว่าจะต่อมาเจออะไรแบบนี้ รู้สึกเป็นคนนอกอย่างเต็มตัวแล้วนะตอนนี้ ไร้ซึ่งพ่อแม่ที่แสนดีที่เคยมีในครั้งก่อนในตอนที่ยังคงมีตาและยาย และก็ไร้ซึ่งการทำความดีที่เคยได้ทำเพราะที่พบส่วนมากมีแต่กรรมที่คนอื่นสร้างให้ต้องมาพบและเผชิญหวังให้ชีวิตได้รอดไปในแต่ละวัน ยิ่งวันที่พวกเขานั่งคุยด้วยกันวันนั้นแทบจะขาดใจ ทุกวันนี้เหมือนรอเวลา ต อย่างว่าแหละลูกที่อยู่ด้วยทุกวันมันน่ารำคาญ ไม่เหมือนลูกที่นานๆจะเจอกันที ทำงานหนักกันสองคนเงินเก็บไว้ให้ลูกคนเล็กได้ใช้ ลูกคนโตคือจะคลอดมาทำไมให้มาใช้ชีวิตที่ดูพ่อแม่ลำบากจนทุกวันนี้เข้าใจทุกอย่างได้ดี ยิ่งไม่พูดก็ยิ่งเข้าใจเลย แล้วสิ่งต่างๆที่พวกเขาทำจะถูกโยนมาใส่ให้ตัวเราเป็นคนไม่ดี ในตอนจบอาจจะเป็นคนบ้าที่ทำร้ายคนในครอบครัวก็ได้ เรื่องที่พวกเขาเขียนไว้ให้เราที่ให้เราได้รับบทเป็นคนโรคจิตเข้าก็ทำสำเร็จแล้ว โดยที่มีเขาเรับบทเป็นคนดีพาเราไปหมอ ขอออกจากบ้านไม่ให้ออกกลัวโดนเขาหาว่าทำอะไรถึงลูกไม่อยากอยู่บ้าน หลายๆสิ่งอย่างมันน่ากลัวกว่าที่จะอยู่ อยู่แบบเหมือนเป็นอากาศ เหมือนเป็นคนที่ตายไปแล้วด้วยซ้ำกับกิริยาที่พวกเขาทำ เขาต่างรับรู้ในมุมของพวกเขา
ด้วยความคิดที่เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ ตอนต่อไปคงจะฉากที่มีพวกเขาหลายๆคนมายืนรวมกัน แล้วชี้มือมาที่เราคนเดียวก็คงจะเป็นไปได้นะ เรื่องที่เขาแต่งกว่าจะจบ คงมีอีกหลายบทเลวๆเลยที่เราต้องแสดง หวังว่าถ้าผ่านมาอ่านสิ่งๆนี้ ก็อาจจะไม่ได้เจ็บปวดเท่ากับความรู้สึกของผู้เขียนในตอนนี้
ที่ไม่สามารถไว้ใจหรือเชื่อใจใครได้อีกเลย ไม่รู้ว่าใครมาดีหรือมาร้าย จะจ้องทำร้ายเราตอนไหน
หรืออาจจะปล่อยให้ทรมารจนอกแตกตายแบบนางยักษ์ไปเลย ทำอะไรดีขึ้นมาไม่นานสิ่งต่างๆนั้นจะกลายเป็นสิ่งไม่ดีไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การสร้างความดีในที่ที่ผิดเราอาจจะไม่ได้ดี อาจจะไม่มีใครเห็นค่า บางครั้งก็คงต้องปล่อยไป
แล้วเลือกที่จะไปทำดีในที่ที่เรารู้สึกดี