ย้อนมองชีวิต “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” จากวันไม่มีข้าวกิน...ถึงวันนี้ที่มีทุกอย่าง
เพจ Poetry of Bitch โพสต์เรื่องราวชีวิตของนักร้องดังเมืองใต้
ย้อนมองชีวิต “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น”
จากวันไม่มีข้าวกิน...ถึงวันนี้ที่มีทุกอย่าง
:
ได้ฟัง “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” เล่าเรื่องชีวิตของเธอแล้วประทับใจมาก และเชื่อว่าจะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนได้ เลยสรุปมาให้อ่านกันค่ะ
1- แม่และพ่อของเจนนี่เป็นคนนครศรีธรรมราช พ่อเป็นนักดนตรี-นักแต่งเพลง ส่วนแม่เป็นแม่ค้าขายขนม
2- ตอนเจนนี่อายุ 2 เดือน พ่อบอกแม่ว่าไปเล่นดนตรีแล้วขาดการติดต่อไป แม่มาได้ข่าวอีกทีก็ตอนที่พ่อมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว
3- แม่เลี้ยงเจนนี่ตามลำพังด้วยรายได้จากการขายขนมครก-ขนมจีน เมื่อเจนนี่เริ่มรู้ความก็ถามว่าพ่อไปไหน แม่บอกว่าพ่อไปทำงานแต่งานยุ่งจึงไม่ได้กลับบ้าน ตอนหลังแม่จึงบอกตรง ๆ ว่าพ่อกับแม่แยกทางกันแล้ว
4- ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวดำเนินไปอย่างยากลำบาก แม่เริ่มกู้หนี้ยืมสินและดอกเบี้ยพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ จนแม่ต้องไปหางานทำที่ภูเก็ตเพื่อหาเงินใช้หนี้ โดยทิ้งเจนนี่ไว้กับยาย
5- เมื่อแม่ได้งานทำแล้วจึงมารับเจนนี่ไปอยู่ด้วย งานของแม่คือขับสามล้อพ่วงขายชาเย็น กาแฟเย็น เจนนี่ก็ไปช่วยแม่ขายด้วย ต่อมาแม่แต่งงานใหม่และมี “ลิลลี่” อีกคน
6- ต่อมาแม่กู้เงินก้อนใหญ่ดอกเบี้ยร้อยละ 20 เพื่อมาลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อน แต่เพื่อนกลับเชิดเงินทั้งหมดหนีไป ทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้แม่ เป็นช่วงที่แม่กับพ่อของลิลลี่เลิกกันพอดี ตอนนั้นลิลลี่อายุ 3 ขวบ ส่วนเจนนี่เรียนอยู่ ม.1
7- แม่พาลูก ๆ กลับนครศรีธรรมราช แต่กลับไปอยู่บ้านเดิมไม่ได้เพราะยังไม่ได้ใช้หนี้เก่า จึงย้ายไปอยู่ที่ อ.รัษฎา จ.ตรัง ที่นี่เจนนี่เริ่มเปิดวงแดนเซอร์โดยชวนเพื่อน ๆ และลิลลี่มาช่วยกันเต้น ได้งานจ้างก็มาแบ่งเงินกัน
8- เจ้าหนี้สืบรู้ว่าแม่อยู่ที่นี่จึงส่งคนมาทวงหนี้ แม่ไปกู้หนี้นอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 30 มาคืนเจ้าหนี้เดิม แต่กลายเป็นปัญหาใหม่เมื่อไม่สามารถจ่ายหนี้นอกระบบได้ตามนัด เจ้าหนี้ส่ง “ไอ้โม่ง” หรือแก๊งหมวกกันน็อคขับมอเตอร์ไซค์มาทวงหนี้ถึงบ้าน
9- ไอ้โม่งทวงหนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ฉี่ใส่หน้าบ้าน ปาขวดใส่บ้าน ขู่ฆ่าแม่ ขู่ลักพาตัวข่มขืนเจนนี่ จนแม่ถึงกับคิดฆ่าตัวตาย แต่เจนนี่ก็ปลอบและให้กำลังใจแม่ตลอด
10- ครั้งหนึ่งสามคนแม่ลูกต้องขับมอเตอร์ไซค์หนีหนี้ตอนตีหนึ่ง รถไปหมดน้ำมันกลางทาง ต้องนอนศาลาริมทางจนเช้า
11- วันหนึ่งไอ้โม่งบุกมาข่มขู่ที่บ้าน แม่ต้องพาลูก ๆ ซ้อนมอเตอร์ไซค์ขับหนีออกจากบ้านตอนเที่ยงคืนโดยไม่มีจุดหมาย สุดท้ายไปพักที่โรงแรมม่านรูด 10 คืน คืนละ 120 บาท โดยบอกโรงแรมว่าจะจ่ายตอนเช็คเอาท์
12- ระหว่างซ่อนตัวอยู่ในม่านรูดได้กินข้าวแค่วันละมื้อ โดยเจนนี่ใช้วิธีโทรหาเพื่อนวันละคน ขอให้เพื่อนซื้อข้าวมาให้ วันไหนได้ข้าวกล่องเดียวก็ให้ลิลลี่กินคนเดียว
13- สามคนแม่ลูกใช้วิธีไปเดินตามตลาดนัดที่วายแล้ว เพื่อหาเหรียญที่คนทำหล่นไว้ในตลาด หาเจอแม้แต่เหรียญเดียวก็ดีใจกันมากมาย
14- ระหว่างนั้นแม่ระมัดระวังตัวมาก เพราะกลัวไอ้โม่งจะมาชิงตัวเจนนี่ไป พอได้ยินเสียงรถขับเข้ามาในม่านรูด แม่จะปิดไฟในห้องทันที ทำให้เจ้าของโรงแรมสงสัยถึงกับไปแจ้งตำรวจให้มาดู
15- ตอนนั้นเจนนี่เรียนอยู่ ปวช.2 ไอ้โม่งตามไปถึงโรงเรียน ครูก็เข้าใจและเป็นห่วงจึงบอกให้หยุดเรียนไปก่อนแล้วค่อยส่งงานตามทีหลัง
16- พอถึงวันที่ 10 เจนนี่ตัดสินใจโทรให้ยายมารับตัวลิลลี่ไปอยู่ด้วยเพื่อน้องจะได้เรียนหนังสือ ส่วนเธอกับแม่เอามอเตอร์ไซค์ไปขายแล้วย้ายไปอยู่สุราษฎร์ธานี
17- เจนนี่กับแม่ไปสมัครงานร้องเพลงและล้างจานที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง โดยเปลี่ยนชื่อเพื่อหนีเจ้าหนี้ และบอกว่าแม่เป็นพี่สาว
18- แต่งานร้องเพลงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะเป็นงานที่ไม่มีค่าจ้าง รายได้ขึ้นอยู่กับพวงมาลัยที่ได้จากแขกเท่านั้น นักร้องในร้านมี 60 คน บางวันมีแขกแค่ 10 คน ทำให้การแข่งขันสูง พวงมาลัยมีราคา 50 บาทและ 100 บาท ทุกครั้งที่ได้พวงมาลัยต้องหักให้ร้านครึ่งหนึ่ง
19- การจะได้พวงมาลัยจากแขกแค่ร้องเพลงดีจึงไม่พอ นักร้องต้องเอาใจแขก ลงมานั่งกับแขก หรือ “อ่อยแขก” ด้วย
20- ทุกครั้งที่เจนนี่ได้พวงมาลัยแม่ต้องน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดใจ เวลาลูกต้องนั่งกับแขก แม่เดินมาเสิร์ฟอาหารทั้งน้ำตา สุดท้ายแม่ทนไม่ไหวจึงพาเจนนี่ย้ายกลับไปนครศรีธรรมราชอีกครั้ง
21- แม้จะย้ายที่อยู่บ่อย ๆ แต่เจนนี่เป็นเด็กกิจกรรมในทุกโรงเรียนที่ย้ายไป เธอได้เป็นประธานนักเรียน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ ได้ไปประกวดกิจกรรมวิชาการต่าง ๆ โดยเฉพาะการแต่งกลอนซึ่งเธอถนัดเป็นพิเศษ กระทั่งจบ ปวช. เจนนี่ก็เรียนต่อที่ ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช
22- ขณะเรียนมหาวิทยาลัย เจนนี่ไปสมัครร้องเพลงและได้งานร้องเพลงที่มีค่าจ้างจริง ๆ ไม่ต้องนั่งกับแขก โดยเธอได้คืนละ 400 บาทต่อร้าน คืนหนึ่งวิ่งรอกหลายร้าน แม่กับลิลลี่ก็ตามไปเฝ้าทุกร้าน
23- เมื่อเจ้าหนี้รู้ที่อยู่ก็ตามมาทวงหนี้อีก แต่ตอนนี้เจนนี่เริ่มมีรายได้ เธอเอาเงินจากการร้องเพลงมาลงทุนขายผลไม้และขายรองเท้าตามตลาดนัด ทำให้เริ่มทยอยผ่อนหนี้ได้ แต่นานไปก็เริ่มไม่ไหวอีกเพราะต้องผ่อนถึงวันละ 4,000 บาท ถ้าวันไหนป่วยไปร้องเพลงไม่ได้ก็ไม่มีผ่อน
24- เมื่อหนีเจ้าหนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เจนนี่จึงตัดสินใจชนกับปัญหา เธอเริ่มลิสต์ยอดหนี้ทั้งหมดที่มี พบว่าเป็นหนี้เหยียบล้าน!!
25- จากนั้นเจนนี่วางแผนชีวิตในแต่ละวันว่าตอนเช้าทำอะไร ตอนบ่ายทำอะไร กลางคืนทำอะไร ก็ได้แผนออกมาว่าเรียนหนังสือ ขายของออนไลน์ ขายของตลาดนัด และกลางคืนร้องเพลง 5 ร้าน
26- ตลอด 10 กว่าปีที่เจนนี่ไม่เคยเห็นแม่ยิ้ม ต้องเปลี่ยนชื่อไปเรื่อย ๆ เพื่อหนีหนี้ เธอกับน้องก็ไม่เคยมีของเล่น ไม่เคยมีของใหม่ใช้ ไม่มีสิ่งฟุ่มเฟือยอำนวยความสะดวกใด ๆ สามคนใช้โทรศัพท์เครื่องเดียว ช่วงไหนไม่มีเงินก็เอาไปจำนำ
27- ชีวิตของเจนนี่มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเริ่มมีแฟนคลับจากการร้องเพลง และมีแฟนคลับคนหนึ่งซื้อกีตาร์ให้ เธอจึงหัดเล่นกีตาร์โดยฝึกจากยูทูบ และเริ่มแต่งเนื้อร้องใส่ทำนองจนกลายเป็นเพลง
28- ปี 2559 เจนนี่มีแฟน วันหนึ่งแฟนของเธอหนีเที่ยวโดยไม่บอก เจนนี่จึงแต่งเพลงชื่อ “ได้หมดถ้าสดชื่น” แล้วเล่นกีตาร์ร้องเพลงนี้โพสต์ลงเฟซบุ๊กเพื่อประชดแฟน ปรากฏว่ามีคนเข้ามาดูและแชร์เป็นแสน
29- เจนนี่กลายเป็นที่สนใจของสื่อทันที มีรายการโทรทัศน์ติดต่อให้ไปออกรายการด้วยค่าตัว 7,000 บาท ซึ่งตอนนั้นเธอไม่มีเงินผ่อนหนี้พอดี เมื่อไปออกรายการแรกก็มีรายการอื่นติดต่อมาอีกหลายรายการ
30- จากนั้นมีคนติดต่อเจนนี่ไปเล่นคอนเสิร์ตล้อมรั้วเก็บค่าเข้าชม แล้วงานอื่น ๆ ก็ตามมา เช่น งานรีวิวสินค้า ทำให้มีรายได้มาใช้หนี้อย่างต่อเนื่อง จากที่เคยผ่อนวันละ 4,000 ก็สามารถจ่ายได้วันละหมื่น
31- ใช้เวลาเพียง 3 เดือน เจนนี่ก็สามารถเก็บเงินซื้อรถยนต์คันแรกได้ และในปี 2560 เธอซื้อบ้านหลังแรกเป็นของขวัญให้แม่
32- จากนั้นเจนนี่ก็ประกาศในเฟซบุ๊กว่า ครอบครัวของเราเป็นหนี้ใครบ้างให้ทักมา พร้อมจ่ายแล้ว เธอใช้หนี้อยู่ปีกว่าก็ปลดหนี้ได้ทั้งหมด
33- มีนาคม 2562 เจนนี่ในวัยเพียง 24 ปี เปิดค่ายเพลงเอง โดยมีลิลลี่เป็นศิลปินเบอร์แรก เปิดตัวด้วยเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว” ที่เจนนี่แต่งเอง ปรากฏว่ายอดวิวพุ่งทะลุล้านอย่างรวดเร็ว (ตอนนี้ 284 ล้านวิวแล้ว) ส่งให้เพลงดังเป็นกระแสไปทั่วบ้านทั่วเมือง
34- ตอนนี้ค่ายเพลงของเจนนี่มีศิลปินในสังกัด 3 คนแล้ว มีทีมงานอีก 30 ชีวิต เธอซื้อบ้านหลังที่ 2 ใหญ่กว่าบ้านหลังแรกเพื่อให้แดนเซอร์และทีมงานมานอนที่บ้านได้
35- เจนนี่บอกว่าเธอดีใจที่ชีวิตเคยผ่านจุดที่ลำบากที่สุดมาแล้ว เพราะนั่นทำให้เธอรู้จักความลำบาก รู้คุณค่าของความสบาย และพร้อมจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ตัวเอง แม่และน้องต้องกลับไปอยู่จุดเดิม
:
ขอเป็นกำลังใจให้น้องเจนนี่และครอบครัว พร้อมกันนั้นก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ชีวิตกำลังขรุขระ ไม่ราบรื่นด้วยนะคะ สู้ต่อไป สักวันต้องเป็นวันของเรา
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/poetryofwanwanat/photos/a.1093287734207792/1373272186209344/?type=3&theater
Poetry of Bitch