เพจดังแจง!! ใช้เน็ท WIFI ในร้านกาแฟ ไม่ได้ขอข้อมูลบัตรประชาชน แค่กันคนใช้เน็ทในร้านไปในทางไม่ดี
เพจ Drama-addict โพสต์ชี้แจง กรณี การจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์มีมานานแล้ว ประชาชนไม่ต้องตื่นตะหนก ใช้ชีวิตปกติได้ มีข้อความว่า ....
"อ่อ ic ic เห็นเมื่อวานมีข่าวประเด็นนี้คนก็ออกมาด่ากันขรม
พอดูรายละเอียด สรุปว่าการเก็บข้อมูลลูกค้าของร้านกาแฟในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงว่า เราจะขอใช้เน็ทไวไฟในร้านกาแฟ แล้วเขาจะขอข้อมูลบัตรประชาชนเราอะไรทำนองนั้น คือเราก็เล่นตามปรกติ แต่ข้อมูลที่ขอให้ร้านกาแฟเก็บ คือ log file ในเราท์เตอร์ เวลาคนมาใช้ wifi เกิดมันมานั่งเล่นในร้านกาแฟแล้วใช้เน็ทในร้านไปก่อเรื่องจะได้ตามตัวได้
แบบนั้นชาวบ้านก็ไม่น่ามีผลกระทบอะไรจากเรื่องนี้ เพราะเราท์เตอร์สมัยนี้มันตั้งค่าให้เก็บ log file ได้อยู่ละ แต่ร้านกาแฟต่างๆอาจต้องมาตั้งค่าตรงนี้กันหน่อยนึง"
ด้าน ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. โพสต์รายละเอียดว่า ...
# การจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์มีมานานแล้ว ประชาชนไม่ต้องตื่นตะหนก ใช้ชีวิตปกติได้
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณี ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ การให้ร้านกาแฟ ร้านเตอร์เน็ตปล่อยWIFIให้ลูกค้าเล่นเน็ตต้องเก็บข้อมูลตามกฎหมาย ว่า
ขอเรียนว่าจากประเด็นกรณีดังกล่าวนั้น ที่มีการเตือนให้ ร้านกาแฟต่างๆ ร้านที่ให้บริการเน็ตคาเฟ่ หรือในลักษณะที่เปิดให้ผู้ใช้บริการต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ต WIFI ภายในร้าน ให้ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์( Logfile) ของผู้ลงทะเบียนใช้ WIFI ของร้านเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเป็นข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่รัฐใช้ในการสืบสวนสอบสวนกรณีเกิดการกระทำความผิดตามกฎหมายบ้านเมือง
ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการดำเนินการของผู้ให้บริการตามกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ทำให้พี่น้องประชาชนต้องยุ่งยาก ลำบาก หรือเกิดความเสียหายแต่อย่างใด
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวมีการประกาศบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2550 แล้วซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยหลักแล้วกฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ผู้ที่ให้บริการดำเนินการเก็บข้อมูล ไม่ใช่ผู้ใช้บริการ สำหรับประชาชนทั่วไปก็สามารถใช้บริการหรือดำเนินการต่างๆได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลหรือตื่นตระหนก
โดยภาครัฐให้ผู้บริการทำการเก็บข้อมูล ก็เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ใช้ในการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดกฎหมายบ้านเมืองในคดีต่างๆทุกประเภท อาทิ อาทิเช่น คดีความมั่นคงคดีฉ้อโกง หลอกลวง หมิ่นประมาท หรือเกี่ยวกับความผิดทางคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด ป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ถือได้ว่าเกิดประโยชน์แก่สาธารณะ
ซึ่งที่ผ่านมาในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คดีฉ้อโกงประชาชน หรือคดีที่มีมูลค่าความเสียหายมากและผู้เสียหายจำนวนหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์สืบสวนสอบสวนจนสามารถนำสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย จากการใช้ข้อมูลในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลออกหมายจับ และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีทั้งยังถือเป็นหลักสากล ที่นานาประเทศ ก็ดำเนินการในลักษณะคล้ายกับประเทศเรา ที่กฎหมายบังคับเช่นนี้ก็เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งในปัจจุบันการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือบนโลก Social Media นับวันจะมีจำนวนพิ่มมากขึ้น
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/DramaAdd/
https://www.facebook.com/SocialMediaRoyalThaiPolice/photos/a.1893400800949226/2534364823519484