ดราม่าสนั่น!! กรณีหนูน้อยเกรต้านี่ ผู้ใหญ่บ้านเราไม่ค่อยชอบเด็กแบบนี้หรอก เด็กที่มีความคิดกล้าแสดงออก
มันก็จริงที่เด็กๆ หรือคนรุ่นใหม่ ในบ้านเราจะออกมาคิดต่าง มีความคิดสุดโต่ง มีพฤติกรรม-ความคิดที่เกินความเป็นเด็กหรือเยาวชน จนอาจโดนกล่าวหาว่ามีเบื้องหลัง มีคนเสี้ยมแน่นอน มันคงไม่กล้าทำแบบนี้หรอก
เมื่อเพจ Drama-addict ออกมาเล่าเรื่องราวของ หนูน้อยคนนี้.....
"เรื่องนู๋เกรต้านี่ แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมมีคนทำคอนเท้นท์ในบ้านเรา เอาน้องเขาไปโจมตีประมาณว่าเป็นเด็กที่ดีแต่พูด คิดแต่จะแก้ปัญหาด้วยการด่าผู้ใหญ่แบบที่เป็นข่าว สู้ผู้ใหญ่ที่ลงมือทำเช่นปลูกป่าก็ไม่ได้ บลาๆ แล้วคอนเท้นท์ที่ว่าก็ถูกแชร์ไปหลายพันตามกลุ่มต่างๆแล้วคนก็ถล่มด่าเกรต้าว่าเป็นเด็กไม่รู้จักสัมมาคารวะดีแต่พูด บลาๆ
จริงๆแล้วคนที่แชร์ๆกันไปอาจจะเพิ่งรู้จักเกรต้าตอนน้องเขาแสดงความเกรี้ยวกราดบนเวทีโลก
แต่เรามารู้จักน้องเกรต้าให้มากกว่านั้นดีกว่า ว่าก่อนจะมาถึงวันนี้น้องเขาทำอะไรมามั่ง
เป็นพวกดีแต่พูดอย่างเดียว แบบที่คนไทยบางกลุ่มกำลังถล่มน้องเขาอยู่จริงๆรึเปล่า
คือน้องเกรต้าเขาเริ่มสนใจเรื่องโลกร้อนมาตั้งแต่ตอนแปดขวบ เพราะครูสอนเรื่องนี้ในคาบเรียน
หลังจากนั้นน้องเขาก็ศึกษาเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง แต่การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเพราะเป็นปีที่สวีเดนเมีหน้าร้อนที่รัอนที่สุดในรอบสองร้อยปี น้องเขาเลยรู้สึกว่า เฮ้ย เราจะอยู่เฉยๆกันไม่ได้ละ
น้องเขาเลยโดดเรียน แพคของใส่กระเป๋า ไปยืนถือป้ายประท้วงที่รัฐสภาขอให้รัฐสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และลดการปลดปล่อยคาร์บอน โดยเธอไปยืนถือป้ายก่อม๊อปประท้วงคนเดียว แบบวันแมนอาร์มี่นั่นล่ะ พอถึงเที่ยง ก็พักป้าย ไปกินแซนวิชที่เตรียมมา แล้วก็ถือป้ายประท้วงต่อจนตกเย็น แล้วก็กลับบ้าน
ส่วนตัวกรูว่า การที่เด็กคนนี้ทำแบบนี้ ถือว่าน้องเขา “สด” มาก
และน้องเขาก็สดแบบนี้ซ้ำๆทุกวันอยู่สามสัปดาห์ โดยแรกๆ ก็มีแต่เธอคนเดียวที่ทำ แต่ต่อมาแนวร่วมก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น เพื่อนนักเรียนมาช่วยกันถือป้ายแจกใบปลิวให้ผู้ใหญ่สนใจปัญหาโลกร้อน แล้วดังเปรี้ยงเมื่อนักข่าวคนนึง เอาคลิปของน้องกับเพื่อนๆตอนมายืนประท้วงไปลงข่าว จนกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วประเทศ และทั่วโลกในเวลาต่อมา เกรต้าก็เริ่มเชิญชวนผู้คนผ่านโซเชียลให้มาช่วยกันผลักดันประเด็นนี้ให้อยู่ในความสนใจของชาวโลก จนถึงวันที่เธอไปแสดงความเกรี้ยวกราดของคนรุ่นใหม่บนเวทีโลก จนเป็นประเด็นให้สื่อฝั่งขวาของอเมริกาเอาเธอไปโจมตีกันรัวๆนั่นแหละ
สิ่งที่น้องทำเขาเรียกว่า whistleblower ผู้เป่านกหวีดสัญญาณเตือน นั่นคือเมื่อมีปัญหาอะไรซักอย่างเกิดขึ้น แต่สังคมยังไม่ตระหนักว่าปัญหานั้นมีอยู่ คนที่เป็นผู้เป่านกหวีด ก็จะนำข้อมูลมาเผยแพร่ เพื่อให้สังคมรับรู้ว่า นี่ๆตอนนี้มันมีเรื่องที่ผิดปรกติเกิดขึ้นนะ สังคมควรรับรู้ และตรวจสอบปัญหานั้นๆ ซึ่งหน้าที่นี้ก็สำคัญมาก เพราะหลายๆครั้ง เราอาจจะคิดว่าบางประเด็นมันไม่ใช่ปัญหา หรือไม่ยอมรับว่าปัญหานั้นมีอยู่จริง กว่าจะรู้ตัวอีกที ปัญหานั้นก็บานปลายจนเอาไม่อยู่ละ
ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่กระตุ้นสังคมว่าปัญหานั้นมีจริง แบบที่เกรต้าทำอยู่ จึงเป็นเรื่องจำเป็น การจะเอาน้องเขาไปเทียบกับนักปลูกป่าแล้วบอกว่า น้องดีแต่พูดไม่ลงมือทำแบบนักปลูกป่า คงเทียบกันไม่ได้ เพราะคนละวัตถุประสงค์กัน
คนที่ปลูกป่า ทำไปก็ด้วยเจตนาอยากเห็นป่าฟื้นกลับมา ส่วนน้องเกรต้า เขาก็ทำเพื่อกระตุ้นคนทั้งโลกให้ตื่นตัวเรื่องโลกร้อน ถือว่าแต่ละคนก็ทำไปตามสิ่งที่ตัวเองมุ่งมั่นไว้ น่าชื่นชมทั้งสองฝ่าย ไม่แน่ว่า หากคนปลูกป่าคนนึงปลูกต้นไม้ได้ล้านต้น เกรต้าอาจจะปลุกคนซักล้านคนให้ตื่นตัวมาเป็นแบบคนปลูกป่าคนนั้นเพิ่มมาอีกล้านคนก็ได้
เอาจริงๆกรูว่าใครที่อคติกับน้องเขาเพราะความเกรี้ยวกราดบนเวที
ให้ลองหายใจเข้าออกลึกๆแล้วคิดอีกรอบว่าเด็กที่กล้าแสดงออกแบบนี้ เราควรสนับสนุนมั้ย สมัยเราอายุเท่าน้องเราทำอะไรอยู่ อย่างตอนอายุเท่าน้องกรูยังนั่งเล่นไพ่เมจิกแกตเตอริ่ง นั่งจิ้มเกมแฟมิคอมอยู่เลย"
ด้านคอมเม้นต์ บางคนก็ว่า "คนไทยก็งี้อะ เด็กออกความคิดเห็นก็หาว่าเกินหน้าเกินตา คือคนเมืองนอกเค้าเปิดใจกับเด็กทุกคน เพราะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนคนไทย อะตัวอย่าง ป้าข้างบ้านมีหลาน2คน ละป้าก็เอาแต่ใช้ๆๆๆๆๆๆๆๆเด็กมันก็เก็บกด แล้วเด็กก็แค่พูดว่า 'ป้าใช้หนูเยอะจัง ' ป้ามันบอก อี...อย่ามาเถียงกู มึงไม่มีสิทธิ์จะเถียง จะถูกให้ตายก็อย่าเถียง จากนั้นน้องแม่งเป็นเด็กมีปัญหาเลยอะ บางทีผู้ใหญ่บางคนน่ะ อย่าถือตัวเองให้มาก อย่าทำตัวเอ้ ทำตัวให้เหมาะสม เปิดใจฟังคำอธิบายบ้าง"
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/DramaAdd/