เมื่อสัตว์ประหลาดเดินท่องโลก : รวมอสูรกายที่คนเชื่อว่าใหญ่ยิ่งกว่าไคจู
ขึ้นชื่อว่าสัว์ประหลาดแน่นอนครับว่ามันย่อมต้องมีืทุกไซดิ์ไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กจิ๋วเหมือนภูติตลอดจนไปถึงตัวใหญ่ระดับบิ๊กอย่างไคจูที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ Pacific Rim ถึง 2 ภาคให้เราได้ติดตามชมกัน อย่างไรก็ตามไอ้ตัวคนเขียนเนี่ยได้มีโอกาสไปดูหนังภาคต่ออย่าง Pacific Rim : Uprising มาแล้วรู้สึกคันปาก...เอ้ะ!! หรือว่าคันมือดี อยากมาเขียนเล่าเรื่องราวของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ว่ากันว่าถ้าหากมันมีตัวตนอยู่จริงๆ ละก็ไอ้เจ้าพวกนี้ก็ตัวใหญ่ระดับน้องๆ ไคจูเลยทีเดียว ว่าแต่มันจะมีตัวไหนที่น่าสนใจบ้างตามมาอ่านเรื่องราวเหล่านี้ให้บันเทิงใจกันเลยดีกว่า
Thunder Bird
นกสัตว์ปีกแสนสวยงามที่ชวนให้ใครหลายๆ คนหลงไหลจนเกิดเป็นงานอดิเรกอย่างการส่องนกกันขึ้นมาแต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าที่บริเวณตอนเหนือของประเทศอเมริกาตลอดจนไปถึงดินแดนแถบอลาสก้านั้นมันเป็นดินแดนของสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งที่ถูกบูชาโดยชนชาวอินเดียนแดงนามว่า Thunder Bird หรือ วิหกสายฟ้า ว่ากันว่าขนาดตัวของมันเนี่ยใหญ่ยิ่งกว่าเครื่องบิน Airbus เสียอีก
จนทำให้มีผู้พบเห็็นมันแล้วนำมาเล่าปากต่อปากกันมากมายไม่ว่าจะเป็นชายเจ้าของไร่คนหนึ่งที่ออกมาเปิดเผยว่าในขณะที่เขากำลังนั่งเล่นอยู่ริมสระน้ำในวันหนึ่งอยู่ดีๆ ก็เกิดเงาขนาดใหญ่ผ่านหัวเขาไปซึ่งในตอนแรกนั้นชายคนดังกล่าวเข้าใจว่ามันคือเงาของก้อนเมฆ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าและพบเจอกับความสยองเต็มรูปแบบเพราะเจ้าก้อนเมฆที่ว่านั้นแท้จริงแล้วมันคืออสูรกายขนาดยักษ์อย่าง Thunder Bird ที่กำลังบินอยู่อย่างอิสระนั่นเอง
อย่างไรก็ตามเรื่องราวของ Thunder Bird นนั้นยังไม่ได้รับการสรุป่าแท้จริงแล้วมันคือสิ่งมีชีวิตชนิดใดกันแน่เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งตัวผู้เขียนเคยดูรายการเกี่ยวกับนักสำรวจที่ออกตามหาสิ่งมีชีวิตชนิดนี้โดยเฉพาะแต่ก็ไม่พบแต่อย่างใดดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่อาจกล่าวได้ว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าหรือเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้อาจจะไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงๆ เลยก็เป็นได้
จระเข้ทะเล
จระเข้ทะเลสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ว่ากันว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นเคยมีผู้พบเห็นมันมาแล้ว โดยเรื่องเล่านั้นมีอยู่ว่าในศึกการต่อสู้ครั้งหนึ่งหลังจากที่เรือดำน้ำของประเทศเยอรมันสามารถจัดการกับเรือกลไฟของประเทศอังกฤษได้แล้วนั้น ตัวกัปตันของเรืออูได้ออกมาชื่นชมผลงานของเขาก่อนที่จะพบว่าท่ามกลางเศษซากของเรือและควันไฟนั้นมันได้ปลุกสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งขึ้นมาจากใต้ท้องทะเล ตัวกัปตันได้บรรยายเอาไว้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มันมีขนาดตัวที่ใหญ่ถึง 20 เมตร
รูปร่างคล้ายจระเข้ขาคู่หน้าและหลังค่อนข้างแข็งแรงแถมตัวกัปตันยังบอกว่าเาเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้อยู่ราวๆ 10-15 นาที ก่อนที่มันจะหายลงไปในทะเลอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหลายๆ ฝ่ายที่ได้ยินเรื่องดังกล่าวนั้นเชื่อวามันเป็นเพียงแต่เรื่องเล่าขี้โม้ของกัปตันเรือคนหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตามคำถามที่สำคัญก็คือจะเ็นอย่างไรถ้าหากว่าตัวกัปตันมองเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จริงๆ งานนี้คงได้แต่ต้องรอดูชมเท่านั้นเพราะเร็วๆ นี้มีข่าวว่าเรือลำที่เป็นต้นตำนานของเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้กำลังจะถูกงมขึ้นมาจากก้นทะเลไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็นอะไรที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาก็เป็นไป
หนอนทะเลทรายมองโกเลีย
ว่ากันว่าถ้าหากจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งที่ติดอันดับตัวประหลาดสุดสยองแล้วละก็เจ้าหนอนมองโกเลียเนี่ยแหละครับที่จะต้องติดอันดับดังกล่าวแน่ๆ เพราะตามตำนานนั้นว่ากันว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตสุดอันตรายที่แอบซ่อนตัวอยู่ในทะเลทรายเพื่อรอคอยให้เหยื่อของมันติดหลงอยู่ในทะเลทรายก่อนที่จะโผล่ขึ้นมากินอย่างสบายใจ
โดยชาวมองโกเลียนั้นเชื่อว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้นั้นมันเป็นพียงแต่หนอนธรรมดาๆ ตัวหนึ่งก่อนที่มันจะถูกรังสีของนิวเคลียจนเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ฟันหลายซี่ไปในที่สุดถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ค่อนข้างจะน่ากลัวไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวละครับหากว่ามันมีอยู่จริงนะเอ่อ
ตำนานงูยักษ์สยามประเทศ
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นตำนานที่ค่อนข้างจะน่าสนใจมิใช่น้อยเลยละครับเพราะมันอยู่แค่กาญจนบุรีบ้านเรานี่เองโดยตำนานดังกล่าวนั้นอาจจะต้องย้อนเวลากลับไปจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กันเลยทีเดียวโดยตำนานดังกล่าวนั้นว่ากันว่าในช่วงที่ทหารญี่ปุ่นกำลังสร้างทางรถไฟสายมรณะอยู่นั้นกองกำลังของพวกเขาค่อยๆ หายไปทีละคนสองคนจนผิดสังเกตุด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันชาวบ้านที่อาจจะเป็นคนลงมือในครั้งนี้ (ตามข้อสงสัยของพวกเขา)
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่พวกเขากำลังเฝ้ายามอยู่นั้นพลันก็เกิดเรื่องขึ้นเพราะมันดันมีเสียงปืนพร้อมกับเสียงดังกึกก้องจนชวนให้น่าใจหายไม่ใช่น้อยบรรดาทหารตามต้นตอของเสียงไปจนกระทั่งพบกับงูขนาดใหญ่ขดตัวอยู่ในรูสร้างความสะพรึงให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก บรรดาทหารทุกคนต่างก็พากันลั่นไกปืนใส่เจ้างูกยษ์นั่นทันทีแต่อนิจจาอาวุธเหล่านั้นไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ให้กับเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ได้ก่อนที่มันจะหนีหายไปและไม่มีผู้ใดได้พบกับมันอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา