ชายเเก่ เก็บเงินได้ 30,000 เเต่เจ้าของไม่คิดเเบบนั้น
คุณปู่วัย 79 ปีคนหนึ่ง นายหลีบอกว่าแต่เดิมเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสข แม้ว่าจะไม่มีเงินทองที่มากมาย แต่ก็สามารถดำรงชีวิตไปได้ด้วยความสุข มีรอยยิ้ม แต่ในปีที่ลูกชายอายุ 20 ปี เขาไปเป็นอาสาสมัครจนต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับหลังจากที่ลูกชายจากไปได้ไม่นาน ภรรยาของนายหลีก็จากเขาไปอีก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ในช่วงเช้าก็จะออกมาเก็บขยะขาย หาอะไรทำเพื่อจะได้ไม่รู้สึกเหงา (ทั้งหมดเป็นเพียงภาพประกอบเท่านั้น)
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานายหลีก็ยึดอาชีพเก็บของเก่าขาย รอบบ้านมีแต่ขยะของเก่าเต็มไปหมด เพื่อนบ้านเห็นแล้วก็สงสาร บ้างก็ช่วยเหลือเขาบ้างนิดๆหน่อยๆ ในวันนี้ก็เช่นกันกินข้าวเช้าได้ไม่กี่คำก็เข็นรถออกไปหาของเก่าขายแล้ว เนื่องจากเมื่อวานนี้ฝนตกหนักมาก ทำให้ถนนลื่นมาก อากาศก็หนาวมาก บนท้องถนนก็ไม่มีผู้คนมากมาย เดินๆอยู่ จู่ๆ นายหลีก็พบถุงขยะดำๆ….นายหลีเก็บขึ้นมา พบว่าในกระเป๋าสีดำนั้นเต็มไปด้วยธนบัตรของจริงจำนวนมาก ยังมีบัตรประจำตัวประชาชนด้วย นายหลีคิดในใจว่า “ตอนนี้จิตใจของเจ้าของที่ทำเงินหายคงกระวนกระวายน่าดู” นายหลีจึงนั่งรอที่เดิม เพราะหวังว่าเจ้าของจะกลับมาตามหาเงินของเขา นายหลีนั่งรอนานกว่า 6 ชั่วโมง แต่ก็ไม่เห็นมีคนมาตามหาเงินจำนวนนี้ นายหลีจึงนำเงินไปส่ง
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
ในเวลานั้นเองก็มีชายคนหนึ่งหน้าตาท่าทางรีบร้อนมาก วิ่งมาพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเหมือนกำลังหาอะไรบ้างอย่างตามพื้นทางเดิน นายหลีคิดว่า เขาน่าจะเป็นเจ้าของเงินจำนวนนั้น แต่ก็ไม่กล้าทักเพราะกลัวว่าจะมีคนแอบอ้าง ในตอนนั้นเองชายคนนั้นก็วิ่งมาตรงหน้านายหลี…..ถามนายหลีว่า “เห็นกระเป๋าสีดำบ้างไหม?” หลังจากที่เขาพูดชื่อและหมายเลขบัตรประชาชนที่ถูกต้อง นายหลีจึงเอาเงินคืนเขาไป แต่ขณะที่นายหลีกำลังจะเดินจากไปนั้น ชายคนนั้นก็ตะโกนถามว่า “ในกระเป๋ามีเงิน 30,000 แต่ทำไม เหลือแค่ 20,000 ตาเฒ่านี่แกขโมยเงินไปใช่ไหม?”
นายหลีตอบไปอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ว่า “ตอนฉันเห็นก็มีแค่นี้แล้ว จะขาดไปได้อย่างไร?”คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหยุดเดินและมองไปที่นายหลีพร้อมกับบอกว่า “รีบคืนเงินให้เจ้าของไปเถอะ”ในตอนนั้นนายหลีนิ่งเงียบใช้สติคิดหาทางออกอยู่สักพัก จากนั้นก็เริ่มถอดเสื้อของตนเอง
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
ในตอนนั้นทั่วร่างกายของนายหลีเต็มไปด้วยบาดแผล แล้วพูดว่า……
“ทั่วร่างกายของฉันเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งหมดนี้เกิดจากการสู้รบปรบมือกับอุปสรรค์มากมายเพื่อครอบครัวของฉัน กล้าได้กล้าเสี่ยงอย่างไม่คิดชีวติ แล้วกับเงินแค่นี้มันคุ้มหรอที่จะทำแบบนี้ หนุ่มเอ้ย! ทำอะไรต้องมีจิตสำนึกหน่อยนะ”ในตอนนั้นชายที่กล่าวหาก็เริ่มน้ำตาไหล…..สุดท้ายผู้คนที่ยืนมุงดูรอบๆก็เริ่มทำหน้าตาสงสัย ชายคนดังกล่าวก็รีบกล่าวขอโทษนายหลียกใหญ่ จนคนที่ยืนมุงดูเริ่มด่าว่าชายหนุ่มว่าไม่มีจิตสำนึก ทำกับคนแก่แบบนี้ได้อย่างไร
(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)
กระทั่งชายหนุ่มยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้นายหลีเพื่อเป็นการขอบคุณ แต่นายหลีไม่ขอรับไว้ แต่ได้ฝากคำพูดหนึ่งไว้ว่า “เป็นคนต้องมีมโนธรรม” จากนั้นก็เข็นรถเข็นคันเก่าๆ เดินจากไป เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ชายหนุ่มได้บทเรียนราคาแพงจากนายหลียิ่งคุณล้มลงต่ำมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเห็นความสำคัญของมโนธรรมมากขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ต้องรอจนถึงตกต่ำที่สุด จึงค่อยมาพูดถึงเรื่องมโนธรรม มันสายเกินไป
บางครั้ง บางคำพูดอย่ารีบพูดอย่างมั่นใจเต็มปาก บางเรื่องก็อย่าทำอะไรมากเกินไป ต้องเป็นไปตามวัฏจักรชีวิต หากวันนี้คุณแข็งแกร่งรังแกผู้คน หยาบคายทำร้ายผู้อื่น เหยียบจนคนอื่นจมดิน เชื่อเถอะว่าสักวันหนึ่งหากเขายืนขึ้นมาได้ เขาจะไม่ลืมสิ่งที่คุณทำกับเขาแน่นอน…..ฉะนั้นเกิดเป็นคนต้องเหลือหนทางสำหรับตนเองไว้สักทาง เพื่อว่าอนาคตจะเมื่อได้มาพบเจออีกครั้งจะได้ไม่ลำบากใจ และไม่ทำร้ายตนเอง…..คนที่ถ่อมตัว ก็คือคนที่เรียนรู้จักซ่อนความเจ็บปวดไว้ เป็นคนคิดอย่างรอบคอบ ทำดีต่อผู้อื่น นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้จักการสงบเสงี่ยม มีชีวิตที่ตรงไปตรงมา เปิดใจกว้าง…..คนถ่อมตัว จะมีพลังที่ยิ่งใหญ่ แม้จะดูเหมือนอ่อนแอ แต่ที่จริงคนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งอยู่ภายใน แม้ภายนอกเหมือนจะธรรมดา อ่อนแอบางครั้ง แต่ความอ่อนแอนี้สามารถเอาชนะความแข็งแกร่งและพลังที่ยิ่งใหญ่ได้
คนที่ถ่อมเนื้อถ่อมตน เป็นคนดี และพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ดีไว้ คนเหล่านี้มีความอดทนต่อผู้อื่นและสงบสติอารมณ์ตัวเอง
แหล่งที่มา: https://thaimarketing.in.th