เสียงโหยหวนจากหลุมลึก เรื่องเล่าสุดหลอนที่ทำให้เชื่อว่า โลกหน้ามีจริง
หากคุณเคยไปท่องเว็บ creepypasta มาแบบผ่านตาบ้างแล้ว อาจจะพอคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี ที่ว่ามีทีมขุดเจาะได้ทำการขุดดินลงไปลึกหลายสิบกิโลเมตร และจู่ๆก็ถอนตัวกันหมดทั้งทีม เพราะสิ่งที่พวกเขาเจอมา มันน่าขนลุกมาก
เรื่องนี้ถือว่าโด่งดังมากเมื่อสมัยก่อน มีการพิสูจน์หลักฐานกันเป็นจริงเป็นจัง ออกมาตั้งทฤษฎีหักล้างกันมากมาย แม้ตอนนี้หลายคนอาจจะลืมกันไปแล้วว่าเคยเกิดเรื่องทำนองนี้ด้วย แต่เรื่องราวของ "เสียงโหยหวนจากนรก" ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ยังสร้างความขนลุกให้แก่ทุกคนอยู่เสมอมา แต่ถึงอย่างนั้นหากไล่หาข้อมูลจากตามเว็บบอร์ดต่างๆแล้วจะเห็นว่า หลายคนเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องจริง ตัดต่อบ้างอะไรบ้างแล้วแต่คนจะนึกออก งานนี้ก็ขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการรับชมและรับฟังก็แล้วกัน
ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1960 นักวิทยาศาสตร์ชาวโซเวียตมีความประสงค์อยากลงสำรวจและวิจัยแกนโลก โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะขุดเจาะลงไปให้ถึงใจกลางของโลก คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 2-3 ปี เมื่อวางแผนเรียบร้อย ทีมนักวิทยาศาสตร์ นักธรณีวิทยานำโดย ดร.อาซาคอฟ และทีมขุดเจาะ จึงดำเนินตามแผนโครงการอย่างมุ่งมั่น โดยเลือกพื้นที่รกร้างห่างไกลชุมชนแห่งหนึ่งในไซบีเรียเป็นสถานที่ปฏิบัติการ
แม้จะประสบปัญหามากมายร้อยแปด แต่ทีมวิจัยและทีมขุดเจาะก็ได้พยายามจุดลงไปให้ถึงแกนกลางของโลกตามที่ตั้งใจไว้อย่างแข็งขัน จนกระทั่งพวกเขาขุดลงไปลึกประมาณ 14 กิโลเมตร จู่ๆปั้นจั่นขุดเจาะกลับชำรุด หมุนปัดกระจุยกระจายไปเสียดื้อๆ พอตรวจสอบก็ทราบได้ว่าพื้นที่หลังจากนี้ ไม่สามารถขุดเจาะต่อไปได้เนื่องจากชั้นหินในนั้นแข็งมากจนปั้นจั่นพัง ทุกคนจึงยกเลิกการขุดเจาะแล้วมาสำรวจหลุมนี้แทน
ทีมวิจัยได้หย่อนเครื่องมือวัดอุณหภูมิและไมโครโฟนทนความร้อนลงไปในหลุม เป็นที่น่าตกใจว่าอุณหภูมิในหลุมดังกล่าวพุ่งสูงถึง 2,000 องศาฟาเรนไฮต์ แต่ไฮไลท์จริงๆมันหลังจากนี้ เมื่อทีมวิจัยได้นำไมโครโฟนมาถ่ายถอดเสียงที่บันทึกมาได้ ก็ต้องพบกับความสยองสุดขีด เพราะเสียงที่พวกเขาได้ยิน มันเป็นอย่างนี้...
มันคือเสียงร้องโหยหวนสุดแสนสะพรึง จนนักวิจัยที่ได้ยินต่างพากันตั้งสมมติฐานชวนหลอนว่า ณ ขณะนี้เข้าใจว่าแกนกลางของโลกมันกลวง และพวกเขาขุดลงไปเจอนรกอย่างแท้จริง! หลังการค้นพบสุดหลอนนี้ โครงการดังกล่าวก็ถูกยกเลิกทันที ทีมปฏิบัติการพากันเก็บข้าวของหนีออกจากบริเวณดังกล่าวทันที ทีมแพทย์สนามถึงกับต้องให้ยาระงับชนิดแรงเพื่อลบความจำระยะสั้นของทีมวิจัยกันเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้เรื่องดังกล่าวถึงไม่ไปอยู่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์...