สืบเนื่องจากกระทู้ติดลบยังสู้
วันนี้ผมมีเรื่องที่ ควรจะแชร์ ควรจะบันทึก ควรจะจดจำไว้มากๆที่ทำให้ผมไม่โพสไม่ได้ หลังจากที่ผมไม่ได้เขียนกระทู้มาหลายวัน จริงๆแล้วหลายเดือนแล้วมั้ง แต่...วันนี้ต้องเขียนจริงๆ เป็นเรื่องที่.."น่าประทับใจ" และ "น่าละอายใจ" ไปพร้อมๆกันสำหรับผม
ก่อนหน้านี้ผมได้เขียนเรื่องนึงชื่อเรื่องว่า..."ติดลบยังสู้" ปัจจุบันตอนนี้ ผมก็ยังติดลบหนักยังไม่เห็นทางออก รถกำลังจะโดนยึด ทั้งที่อยู่ในอู่ซ่อม ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุในระหว่างที่ผมเดินทางไปเรียนต่างจังหวัด ซึ่งถ้าเขายึดก่อนที่จะซ่อมเสร็จ มันจะโดนยึดในฐานะซากรถ การซ่อมครั้งนี้ล่าช้าเพราะระบบประกันของ บ.ประกัน ที่ผมได้ทำไว้ตอนออกรถ ส่วนเรื่องเรียนปัจจุบันผมไม่ได้เรียนแล้ว ส่วนเรื่องกินอยู่ ผมก็นอนที่ ร.ร.ที่ผมสอน การกิน..ผมก็จะกินแต่น้อย จ.-ศ. กินเที่ยงที่ ร.ร. เช้างด เย็นงด บ้างก็อาศัยกินบ้านคนอื่น ส.-อา. ก็แทบจะไม่กินอะไร ต้มน้ำซุบกินบ้าง ขนมปี๊บที่ยังคงเหลือบ้าง
และที่จะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องที่..กินใจ..มากๆสำหรับผม วันนี้..เพื่อนผมนอน ร.พ. ผมไม่รู้ว่าเพื่อนผมป่วย จะกระทั่งมีสายเข้ามาจากเพื่อนอีกคน โทรมาว่า เพื่อนป่วยนะ ตอนนี้อยู่ ร.พ. ผมก็.อ้าว!! ไม่รู้ แล้วเพื่อนคนนี้ก็บอกจะมาเยี่ยมเพื่อนที่ป่วย เราก็นัดเจอกันที่ ร.พ. ทั้งสอง ทั้งคนป่วยกับคนที่จะมาเยี่ยม เราเป็นเพื่อนรักที่เรียนด้วยกันอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ ม.1 จนจบ ป.ตรี เพราะจบ ม.6 เราก็สอบเข้าเรียน มหาวิทยาลัยเดียวกัน สาขาเดียวกัน
เรื่องมีอยู่ว่า..ผมกับเพื่อนก็ไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วย แล้วก็ถึงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ก่อนที่เพื่อนจะกลับต่างจังหวัดเพื่อนก็ชวนกินเนื้อย่าง ผมก็บอกว่า..อยู่แถวนี้ก็มีร้านนะ กินแถวนี้ไหม แต่นายต้องเลี้ยงเรานะ เพราะช่วงนี้เราไม่มีอันจะกิน ผมพูดพลางอมยิ้ม ดูเหมือนขำๆ แต่ก็พูดจริงๆนั่นแหละ เพื่อนก็บอกโอเคร เราก็ไปกินกัน มีโอกาสได้นั่งคุยเรื่องการเงิน ความเป็นอยู่ ก่อนที่เพื่อนจะมาส่งผมที่ ร.พ. แล้วกลับต่างจังหวัด (คือผมจอดมอร์ไซไว้ ร.พ. ตอนขามา) เพื่อนก็บอกเด๋วแวะซื้อของก่อน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เพื่อนมันก็จอดเซเว่น ผมจะลงรถ มันก็บอกรออยู่บนรถ ผมก็เล่นโทรศัพท์รออยู่บนรถ แล้วมันก็ทำธุระเสร็จ แล้วก็มาส่งผมที่ ร.พ. ผมกำลังจะลงรถ มันก็บอกเดี๋ยว มันยื่นถุงให้ผม 2 ถุง เป็นถุงหูหิ้ว ที่เพิ่งซื้อของจาก 7-11 มะกี้ ในถุงมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และนม ผมก็เฮ้ย..เอาจริงดิ เออ.. ผมก็ เฮ้ย.. มันก็ เออ ผมก็รับมา แล้วผมก็แวะไปเยี่ยมเพื่อนอีกครั้ง กะจะลากลับ ปรากฎว่าเพื่อนที่ป่วยก็ได้ถามเรื่องการเงิน ผมก็บอกติดลบอยู่อย่างที่เคย แต่ครั้งนี้มันถามรายละเอียดด้วย ติดหนี้ไรบ้าง แล้วกินยังไง เลยได้มีเล่านิดหน่อยว่า เมื่อวานก็กินขนมปี๊บไปห้าก้อนกับกาแฟซอง หลังจากที่คุยกันไป ผมก็ลากลับแล้ว ลุกจะกลับแล้ว มันก็หยุดผมไว้ "เดี๋ยว!! นั่งก่อน" ผมก็ "มีอะไร?" คือผมจะกลับแล้ว แล้ว...มันก็เอาเงินในกระเป๋าตังค์ ที่มีแบงค์ร้อยอยู่ 2 ใบ กับแบงค์ 20 จำนวนนึง มันเอาแบงค์ร้อย 2 ใบ กำใส่มือผม ผมก็ทำท่าจะไม่รับ มันก็กำใส่มือผมแน่ ผมบอกผมลำบากใจ มันบอก..มันเข้าใจ สุดท้ายผมก็รับและกลับมา
ผมแค่อยากจะแชร์เรื่องนี้.. ผมมีเพื่อนที่ดีและรักผม เมื่อก่อนผมเป็นคนที่บอกว่า..ผมรักเพื่อนผม นั่นเป็นเพราะ ผมเป็นคนกล้าพูดมากกว่าเพื่อนผมเท่านั้นเอง เพื่อนผมไม่ค่อยกล้าพูดความรู้สึก แต่เขาก็แสดงออกจากสิ่งที่กระทำ หายากนะครับ เพื่อนแท้.. มันอาจเป็นเงินไม่กี่บาทที่ซื้อของนั้น มันอาจเป็นแค่เงิน 200 สำหรับหลายๆคน แต่สำหรับเพื่อนที่ให้ผม และสำหรับผมที่เป็นผู้รับ ผมรู้ดีว่ามันมีคุณค่ากับผมมาก.. ผมซึ้งใจมาก.. น้ำตาจะไหล ก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินเพียงเรื่องเล่า และวันนี้มันเป็นเรื่องของผม ที่ผมเป็นผู้เล่า
สำหรับคนอ่านมาจนถึงช่วงสุดท้ายของกระทู้นี้ ผมก็ขอให้ทุกคนสู้ๆนะครับ ผมก็ยังสู้เสมอ จะอดอยากก็ช่าง จะทางตันก็ช่าง หวังว่าสักวันมันจะเปิดออก ขอสู้จนกว่าจะถึงวันนั้นครับ สวัสดีครับ