โบราณกล่าวไว้ ห้ามเลี้ยงแมวห้าหมาหก เชื่อว่าเป็นอัปมงคลแก่บ้านเรือน
โบราณท่านห้ามเลี้ยงแมวห้า หมาหก
คนกับสัตว์มีความผูกพันกันมายาวนาน โดยเฉพาะหมากับแมว ผู้คนนิยมเลี้ยงไว้ตามบ้าน เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา เพื่อเฝ้าบ้าน เพื่อเป็นการให้เด็กๆ รู้จักมีน้ำจิตน้ำใจ เอื้อเฟื้อเกื้อกูล ทำประโยชน์สุขให้แก่ผู้อื่นบ้าง เมื่อเติบโตขึ้นจะได้เป็นคนดีมีคุณภาพ เป็นสุภาพบุรุษ เป็นสุภาพสตรี เป็นบุคคลที่น่าไว้ใจ
แมวห้า
หมาหก
อย่างไรก็ตามคนโบราณท่านก็มีข้อห้ามเกี่ยวกับการเลี้ยงหมากับแมวว่า อย่าเลี้ยงแมวห้า หมาหก คือ แมว ๕ ตัวอย่าเลี้ยง หมา ๖ ตัวก็อย่าเลี้ยง ถ้ามีแม่แมวตัวไหนออกลูกมา ๑ คลอกเป็นจำนวน ๕ ตัว หรือถ้าแม่หมาที่เลี้ยงไว้ออกลูกมา ๖ ตัว ก็จะไม่นิยมเลี้ยงลูกๆ ของมันไว้ทั้งหมด แต่มักจะชักชวนให้ใครต่อใครแบ่งไปเลี้ยงบ้าง เพื่อให้เหลือแมวไม่ถึง ๕ ตัว หรือหมาไม่ถึง ๖ ตัว นี่เป็นเคล็ด ที่ถือกันมาจนบัดนี้ เพราะเป็นอัปมงคลแก่บ้านเรือน เป็นเหตุทำให้ครอบครัวมีฐานะตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ผู้คนในครอบครัว จะอยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ ขาดแคลนไปจนตาย ไม่มีอะไรเหลือ
แมวห้า
หมาหก
ความหมายที่แท้จริง (ห้ามเลี้ยงแมวห้า หมาหก)
เพื่อป้องกันไม่ให้เลี้ยงสัตว์มีจำนวนมากเกินไป เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองทรัพย์สิน ข้าวปลาอาหารมากจนตนเองได้รับความเดือดร้อน หมากับแมวถ้ามีหลายตัวเกินไป อาจก่อความวุ่นวายภายในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นขโมยกินอาหารที่เราเก็บเอาไว้ หรือทำให้บ้านสกปรกเลอะเทอะ เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ ได้ เห็บที่เกาะกินเลือดในตัวสัตว์ ถ้าเข้าไปในหูเด็กๆ ได้ ก็คงจะเกิดเรื่องใหญ่ทีเดียว
หมาแมว
การเลี้ยงสัตว์ ถ้าจะให้เกิดผลดีแล้ว ผู้เลี้ยงต้องเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงเหล่านั้น ให้เหมือนกับว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวทีเดียว
กล่าวคือต้องรักเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ที่เราต้องให้ความเอาใจใส่ดูแล ให้ได้กินอย่างมีความสุข นอนอย่างเป็นสุข ดูแลความสะอาดตามตัว เจ็บป่วยช่วยดูแลรักษาอย่างดี เป็นประจำสม่ำเสมอ ทำได้อย่างนี้จึงจะเป็นการดี แต่ถ้าจำนวนมากเกินไป ไม่น่าจะดูแลได้ทั่วถึงและอย่างดีได้