จากนางข้าหลวงสู่ฮ่องเฮา: หลิงเฟย (令妃)
จากนางข้าหลวงสู่ฮ่องเฮา: หลิงเฟย (令妃)
ในสมัยพระเจ้าเฉียนหลงนั้นมีผู้เป็นฮ่องเฮาสามพระองค์ พระองค์แรกจากไปก่อนวัยอันควร พระองค์ที่สองติดขังอยู่ตำหนักเย็นจนสิ้นพระชนม์ ส่วนพระองค์ที่สามนี้น่าอัศจรรย์นัก จู่ๆมาแต่ไหนไม่ทราบก็ได้เป็นฮวงกุ้ยเฟยครองวังเลยทีเดียว ภายหลังยังได้สถาปนาเป็นฮ่องเฮาหลังจากสิ้นพระชนม์แล้ว
ฮ่องเฮาพระองค์ที่สามนี้เกิดในสกุลไพร่สมของราชสำนักชิง เรียกว่า เปาอี (包衣)ชื่อตระกูลคือ เว่ย (魏)การเป็นไพร่สมนั้นไม่ได้แย่ เพราะว่าสามารถรับราชการตำแหน่งสูงๆได้ หากครอบครัวขยันขันแข็งพอ ตระกูลเว่ยดูจะเป็นตัวอย่างที่ดีเพราะคนในตระกูลได้ดำรงตำแหน่งกรมวังแม้ไม่สูงนักก็ไม่ได้แย่ เพราะเป็นถึงขุนนางกรมวังควบคุมไพร่สม
ตระกูลของการบันทึกว่าบุตรสาวของตระกูลเว่ยเข้าวังด้วยวิธีใด แต่ปรกติแล้วสตรีที่เกิดในตระกูลไพร่สมนี้เข้าวังมาโดยการคัดเลือกเป็นนางข้าหลวง ดังนั้นก็เป็นไปได้อยู่เหมือนกันที่จะเข้ามาเป็นข้าหลวง มีหลักฐานในกลอนพระเจ้าเฉียนหลงเขียนถึงฮ่องเฮาพระองค์แรกว่าหยกเก่าของฮ่องเฮาบัดนี้กลายเป็นของคู่ใจ เลยสันนิษฐานว่าดีไม่ดีอาจจะหมายถึงนางข้าหลวงของฮ่องเฮาพระองค์แรกที่บัดนี้กลายเป็นคนโปรดก็ได้
วาสนาของสาวน้อยตระกูลเว่ยนับว่าดี เธออายุอ่อนกว่าพระเจ้าเฉียนหลงถึง 16 ปี เกิดในปี 1727 มีบันทึกว่าเธอรับราชการฝ่ายในครั้งแรกอายุเพียง 18 ปีในปีค.ศ. 1745 มีตำแหน่งเป็นเว่ยกุ้ยเหริน (魏贵人)ในปีนั้นฮ่องเฮาจากตระกูลฟูชาซึ่งเป็นฮ่องเฮาพระองค์แรกยังทรงมีพระชนม์อยู่
การเข้ามารับราชการฝ่ายในแล้วได้ตำแหน่งกุ้ยเหรินถือว่าสูงมากในฐานะเจ้าจอม เพราะเป็นขั้นสูงสุดในกระบวนเจ้าจอมอยู่งาน แต่ที่น่าตะลึงคือในปีเดียวกันหลังจากเธอรับราชการมาในช่วงตรุษจีนปลายปีในเดือน 11 เธอได้รับแต่งตั้งเป็นสนมชั้นผินเป็นหลิงผิน (令嫔)ชื่อว่าหลิงนี้ในภาษาจีนแปลว่าความหวังอันสดใส ส่วนในภาษาแมนจพ้องเสียงกับคำว่าฉลาด ถือว่าเป็นราชทินนามที่ดีทีเดียว และเมื่อได้เป็นสนมชั้นผินนี้ก็ได้รับวางตำแหน่งให้สูงกว่าสนมชั้นผินผู้อื่น แม้จริงๆแล้วสนมชั้นผินหลายท่านจะมีอาวุโสสูงกว่า และชาติกำเนิดสูงกว่า
ถ้าคิดว่าตำแหน่งดังกล่าวสูงแล้ว ตำแหน่งต่อมาจะสูงยิ่งกว่า แค่ไม่กี่ปี ในค.ศ. 1748 เดือน 5 ก็ถูกเลื่อนขึ้นเป็นหลิงเฟย (令妃)ปีนั้นเป็นปีที่ฮ่องเฮาพระองค์แรกสวรรคตและตำแหน่งใหม่นี้ก็ได้รับหลังจากฮ่องเฮาพระองค์เก่าสิ้นไปเพียง 2 เดือนเท่านั้น
ชะตาชีวิตของพระสนมดูจะพุ่งทะยานไม่หยุดมาปี 1759 เลื่อนเป็นหลิงกุ้ยเฟย (令贵妃)ตำแหน่งนี้เรียกได้ว่าใหญ่มาก เพราะปรกติแล้วในวังแม้กุ้ยเฟยจะเป็นรองฮวงกุ้ยเฟย และฮ่องเฮาแต่เอาเข้าจริงตำแหน่งฮวงกุ้ยเฟยถ้าฮ่องเฮายังอยู่ก็ไม่มีใครกล้าตั้ง เพราะเทียบที่ฮ่องเฮาได้ทีเดียว รองกว่านิดหน่อยเท่านั้น ดังนั้นพระสนมจึงเหมือนเป็นที่สองในวังด้วยอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น
น่าอัศจรรย์ยิ่งคือปรกติแล้วผู้ที่จะได้รับตำแหน่งสูงส่งขนาดนี้มักจะมีพระโอรส และพระโอรสเติบใหญ่พระมารดาจึงได้มีวาสนาขึ้นมาสูง พระสนมหลิงเฟยมีพระธิดาองค์แรกปี 1756 ต่อมาก็มีพระโอรสในปี 1757 และพระธิดาอีกพระองค์ในปี 1758
ในปีที่พระสนมได้เป็นหลิงกุ้ยเฟย ตอนนั้นโอรสธิดาของพระสนมอายุแค่พรรษาสองพรรษา แต่พระมารดาก็มีบุญได้เป็นกุ้ยเฟยทันตา เรียกได้ว่าเป็นที่โปรดปรานโดยไม่ต้องอาศัยพระประสูติการหน่อพุทธากูรแต่อย่างใด
ภายหลังพระโอรสองค์น้อยสิ้นไปด้วยวัย 4 พรรษาพระเจ้าเฉียนหลงถึงขนาดสถาปนาย้อนหลังให้เป็นยศรัชทายาทเลยทีเดียว ต่อมาพระสนมยังมีพระโอรสอีก 3 พระองค์ คือ 1760 มีพระโอรสที่ภายหลังคือพระเจ้าเจี่ยชิง หลังจากนั้นมีอีกองค์สิ้นตั้งแต่ประสูติจึงไม่ได้บันทึกไว้ จนองค์สุดท้าย 1760 ประสูติเป็นพระโอรสอีกองค์ รวมแล้วใน ปี 1756 - 1766 มีโอรสธิดามากถึง 6 พระองค์มากกว่าใครๆ
ในปี 1765 สูงอีกขั้นก็มาสู่พระสนม ตำแหน่งที่ได้รับคือฮวงกุ้ยเฟย (皇贵妃)ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่น่าจะได้รับเพราะตอนนั้นฮ่องเฮาพระองค์ที่ 2 ยังอยู่ และไม่รู้เป็นเรื่องนี้หรือเปล่าทำให้ฮ่องเฮากริ้วมากจนตัดผมประท้วง แสดงการแช่งพระสวามีและพระพันปีหลวงจนถูกส่งไปยังตำหนักเย็น และหลังจากฮ่องเฮาพระองค์ที่ทรงสิ้นพระชนม์ในตำหนักเย็นจักรพรรดิเฉียนหลงก็ไม่ได้ตั้งใครขึ้นเป็นฮ่องเฮาอีกเลย หน้าที่ควบคุมดูแลฝ่ายในทั้งหมดจึงตกอยู่ที่หลิงหวงกุ้ยเฟย เมื่อสิ้นรัชกาลเฉียนหลง องค์ชายหย่งเอี๋ยน ซึ่งเป็นพระโอรสลำดับที่สิบห้าในจักรพรรดิเฉียนหลงและประสูติจากหลิงอี้หวงกุ้ยเฟย ได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง พระองค์ได้เลื่อนพระมารดาจากฮวงกุ้ยเฟยให้ขึ้นแท่นเป็นฮ่องเฮาโดยให้ทรงพระนามว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวอี้ชุน (孝仪纯皇后)
การได้เลื่อนยศไวปานลมสลาตันเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปรกติ เพราะนางในบางคนถวายการรับใช้มาตั้งแต่ก่อนขึ้นครองราชย์เช่นสตรีตระกูลไฮเจี่ย (海佳)รอเป็นชาติกว่าจะได้เลื่อนยศ โดยเธอนี้เป็นตระกูลไพร่สมเผ่ามองโกล ภายหลังได้ยศเป็นหยู่กุ้ยเฟย แต่กว่าจะได้มาเรียกได้ว่าช้าแสนช้าและยากแสนยาก
ตัวพระสนมหยู่นั้นเธอถวายตัวตั้งแต่ก่อนครองราชย์ พอครองราชย์แล้วยังได้เป็นแค่ไฮฉางจ้าย (海常在)รอจนเกือบปีถึงได้เป็นกุ้ยเหริน และรอไปจนมีโอรสให้พระเจ้าเฉียนหลงในปีที่ 6 ของรัชกาลถึงได้เป็นยศชั้นผิน เป็นหยู่ผิน (愉嫔)แล้วก็รอไปอีก 4 ปีในปีที่ 10 ของรัชกาลถึงได้เป็นหยู่เฟย สิริรวมเข้าวังจนมีพระโอรสรอ 10 ปีถึงได้เป็นพระสนมชั้นเฟย และเป็นอยู่อย่างนั้นไปจนปีที่ 57 ของรัชกาลถึงได้เลื่อนยศเป็นหยู่กุ้ยเฟย (愉贵妃)ที่ร้ายที่สุดคือไม่ได้เลื่อนขั้นตอนมีชีวิตอยู่แต่เลื่อนขั้นหลังจากสิ้นชีวิตไปแล้ว เรียกง่ายๆคือเป็นเฟยไปอีก 47 ปี เป็นไปจนตายเลยทีเดียว ผิดกับหลิงเฟยที่เลื่อนยศอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ปี
ถือเป็นฮ่องเฮาม้ามืดในประวัติศาสตร์จีนอีกพระองค์หนึ่งเลยทีเดียว เรียกได้ว่าวาสนาดีเกินใคร
แข่งเรือแข่งภายแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนาไม่ได้
เมืองภูมิ หาญสิริเพชร
04/05/2562