ย้อนรอยโรงแรมถล่ม คนติดซากรอด หลวงพ่อคูณ ยืนทำนาย กูว่าไม่ล้มดอก
แม้ หลวงพ่อคูณ จะละสังขารไปนานแล้ว แต่เรื่องราวสุดอัศจรรย์ของท่านก็ยังคงตรึงตาตรึงใจมาจนถึงทุกวันนี้ วันนี้ทีมข่าวสยามนิวส์เลยหยิบยกเรื่องปาฏิหาริย์มาให้ได้อ่านกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2536 เวลา 10.30 น.เสียงวิทยุ และทีวีประกาศดังลั่น “โรงแรมรอยัลพลาซ่าถล่ม”…
ภายในโรงแรม ณ เวลานั้น มีพนักงานของโรงแรม แขกที่พักอยู่ตามห้องต่างๆ ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ โครงการพัฒนาบุคลากรสามัญศึกษา พร้อมทั้งพนักงานบริษัท เชลล์ เข้าประชุมสัมมนา ประมาณ 380 คน จึงทำให้มีผู้เสียชีวิต 137 คน และบาดเจ็บอีก 227 คน
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ถ.จอมสุรางค์-ยาตร อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นอาคาร 6 ชั้น ประกอบด้วยห้องพัก ห้องอาหาร และแหล่งบันเทิงที่ครบวงจร
ต่อมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยและทุกภาคส่วนลงพื้นที่และใช้เครื่องมืออุปกรณ์ขุดเจาะขนาดเล็ก เครื่องเจาะแรงอัดลม เครื่องตัดเหล็กไฟฟ้า ทำการขุดเจาะช่วยเหลือ
หนึ่งในผู้บาดเจ็บที่เจ้าหน้าที่ไปพบ คือ หญิงมีครรภ์รายหนึ่งที่แพทย์จำเป็นต้องทำคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากท่อนแขนซ้าย ถูกของหนักทับอาการสาหัส ปรากฏว่าเด็กที่คลอดเป็นเพศชาย ชื่อ ด.ช.ปาฏิหาริย์ มีชีวิตได้เพียง 9 วัน ก็เสียชีวิต
เหตุการณ์ครั้งนี้ หลวงพ่อคูณเดินทางมาที่ซากตึกถล่ม เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และอาสากู้ภัยที่เข้าช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในซากของโรงแรม และท่านยังได้แจกพระเครื่อง พร้อมกับกล่าวว่า “พวกมึงเหนื่อยกัน กูให้ของดีให้พวกมึงไว้คุ้มครองตัวกันนะ”
เหตุโรงแรมถล่มทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายหลายร้อยคน โดยผู้รอดชีวิตหลายราย ออกมาเล่าว่า การรอดตายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์หลวงพ่อคูณที่ห้อยแขวนคอไว้ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ก็สังเกตเห็นว่า ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ล้วนห้อยพระหลวงพ่อคูณทั้งสิ้น
“ที่รอดตายมาในครั้งนี้ เพราะอำนาจพุทธาคมจากพระเครื่องหลวงพ่อคูณนี่แหละที่ทำให้แคล้วคลาด” ชายคนหนึ่งกล่าว หลังถูกนำตัวออกมาจากใต้ซากอาคาร
ก่อนที่หลวงพ่อคูณจะเดินทางกลับ พล.ท.อานุภาพ ทรงสุนทร แม่ทัพภาคที่ 2 ในขณะนั้นได้กราบถามหลวงพ่อคูณว่า “ไอ้ตึกที่มันตั้งโด่เด่ อยู่แท่งเดียวนี้มันจะล้มไหมครับ?”
เท้าของหลวงพ่อที่กำลังจะก้าวขึ้นรถหยุดชะงัก แล้วท่านหันกลับมามอง ตึกอยู่ชั่วอึดใจ และค่อยๆ หลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะหันไปตอบแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า “กูว่ามันไม่ล้มลงมาดอก”
คำพูดของท่านเป็นจริงตามที่ท่านว่าไว้ ตึกนี้ตั้งโด่เด่อยู่อีกหลายวัน จนเจ้าหน้าที่ ได้นำลวดสลิงและหมอนไม้มายึดรากฐานของตัวตึกได้สำเร็จ จนเป็นที่เลื่องลือว่า สาเหตุที่ตึกมันไม่ล้ม เพราะหลวงพ่อสะกดอาคมไว้นั่นเอง
หลังจากนั้น นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการละเลยเพิกเฉยในการดูแลการก่อสร้าง และเชื่อว่ายังมีอาคารสภาพเช่นนี้อีกหลายแห่ง เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังบูม จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องของแบบแปลนการก่อสร้าง หรือมีการใช้อิทธิพลในท้องถิ่น โดยนายทุนใช้อิทธิพลกับข้าราชการ”
ทีมงามสอบสวน พบสาเหตุการทรุดของโรงแรมมาจากฐานรากระหว่างรอยต่ออาคารเก่า กับส่วนใหม่ที่ต่อเติม ทำให้ทรุดตัวกะทันหัน และจากการตรวจสอบพบน้ำใต้ดินที่ไหลสู่ฐานราก เจ้าของโรงแรมแก้ปัญหาโดยทำบ่อแล้วสูบน้ำใต้ดินออก ทำให้ฐานรากลดขีดสมรรถภาพในการรับน้ำหนัก เพราะน้ำที่ซึมถูกดูดออกไปเป็นดินด้วย โดยทำติดต่อกัน 2 ปี จึงทำให้เกิดโพรงเมื่อความหนาแน่นของดินใต้ฐานรากของแนวต่ออาคารเก่ากับใหม่ มีความหนาแน่นน้อย ฐานรากจึงรับน้ำหนักไม่ไหว
หลังจากเกิดเหตุ พล.ต.ต.สิทธิศักดิ์ อินทร์ถมยา ผบก.ภ. 4 ได้ตรวจพบหลักฐานการประชุมเมื่อปี 2530 ระบุว่าได้เกิดรอยร้าวตามฝาผนัง ซึ่งกรรมการบริหารทราบดี แต่ปกปิดและโบกปูนปิดไว้ กระทั่งปี 2534 ได้ต่อเติมห้องพักบนชั้น 5-6 เพื่อให้ทันกับการประชุมไลออนส์แห่งประเทศต่อมาก็มีรอยร้าวที่บันไดขยายวง กว้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจที่จะแก้ไข
พล.ต.ท.วินิจ เจริญศิริ ผช.อ.ตร. สรุปว่าการถล่มของโรงแรมมาจากฐานเสาคอนกรีตเสริมเหล็กเดิม ไม่สามารถรองรับน้ำหนักการต่อเติมได้ เมื่อมีแรงกดดันมากจึงทำให้อาคารถล่ม และถือว่าเป็นความประมาทของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มเติมโดยไม่ได้ดูแบบแปลนเดิม.
แหล่งที่มา: http://www.dedmak.site