เปิดภาพพรีเวดดิ้ง “ชมพู่ ก่อนบ่าย” เจ้าสาวคนต่อไป
ชมพู่ ก่อนบ่าย และหวานใจหนุ่ม บอย วัชรพงศ์ ก็จะควงแขนกันเข้าสู่ประตูวิวาห์กัน โดยล่าสุดน้องฉัตร เมคอัพอาร์ตทิสคนดัง ได้โพสต์ภาพว่าที่บ่าวสาว
ชมพู่จึงฝันอยู่เสมอว่า อยากโตไวๆ จะได้ทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่ ความที่ชอบกล้าแสดงออกและพอจะร้องเพลงได้หลายแนว ชมพู่จึงชวนเพื่อน ๆ ตั้งวงดนตรีกันตั้งแต่มัธยมต้น โดยไม่พลาดที่จะรับหน้าที่นักร้องนำเอง
วงของชมพู่นอกจากจะเล่นในโรงเรียนแล้ว บางทีก็ส่งไปประกวดตามที่ต่าง ๆ ด้วย พอปิดเทอมวงเราก็ไปรับจ๊อบตามร้านอาหารต่อ ช่วงนั้นนอกจากร้องเพลงแล้ว ชมพู่ก็ยังรับจ๊อบเล็ก ๆ น้อย ๆ
เช่น แจกใบปลิวตามห้าง แจกสินค้าทดลอง ฯลฯ ถึงต้องทำงานแทบทุกเสาร์ - อาทิตย์ เพราะตั้งใจว่า ก่อนจะดูแลพ่อแม่ ต้องเริ่มจากดูแลตัวเองให้ได้ก่อน
พอใกล้เรียนจบ เพื่อน ๆ หลายคนเริ่มวางแผนไปสมัครงานตามออฟฟิศต่าง ๆ มีแต่ชมพู่ที่ปฏิเสธไม่ไปอยู่คนเดียว เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ คงไม่เหมาะกับงานออฟฟิศนั่งโต๊ะแน่ ๆ
แถมตอนนั้นรายได้จากการร้องเพลงก็พอใช้ได้และเป็นงานที่สนุก ชมพู่จึงตัดสินใจร้องเพลงตามเดิมไปก่อน แต่แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาของเด็กจน ๆ ก็พลิกผันครั้งใหญ่
เมื่อ น้าโย่ง เชิญยิ้ม บังเอิญ ได้มาเห็น “แวว” น้าโย่งจึงชวนให้ลองไปแคสติ้ง (casting) บทตลกในรายการก่อนบ่าย ดู เผื่อจะเข้าตาทีมงานบ้าง
เมื่อเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง ชมพู่จึงตอบตกลงทันที ในวันแคสติ้ง พี่เป็ด เชิญยิ้ม ก็สั่งให้ชมพู่เข้าฉากกับน้าโย่งแบบสด ๆ ไม่มีสคริปต์
เพราะต้องการดูว่ามีไหวพริบเหมาะกับการเป็นตลกหรือไม่ ชมพู่อาศัยประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาบวกกับความบ้าเฉพาะตัวทำให้การแคสติ้งวันนั้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พร้อม ๆ กับมี “ชมพู่ ก่อนบ่าย” ตลกหญิงดาวรุ่งแจ้งเกิดในเวลาต่อมา
รายได้จากอาชีพนักแสดงตลกนอกจากจะทำให้ดูแลตัวเองได้ดีขึ้นแล้ว ชมพู่ยังสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่และน้องชายได้ด้วยเท่านั้นยังไม่พอ ชมพู่ยังเริ่มฝันต่ออีกว่าน่าจะมีกิจการเล็ก ๆ ให้ที่บ้านด้วย จะได้มั่นคงมากขึ้น
ระหว่างที่คิดว่าจะทำอะไรดี ก็นึกขึ้นมาได้ว่า แม่เคยพูดเปรย ๆ ไว้ตั้งแต่ชมพู่ยังเด็กว่า “อยากทำร้านอาหาร”ด้วยความที่อยากให้ฝันของแม่เป็นจริง ชมพู่จึงเริ่มหารือกับหุ้นส่วนก่อนจะตกลงทำร้านอาหารที่ชลบุรีในเวลาต่อมา
จากนั้นก็ซื้อที่ดิน 2 ไร่ แบ่งเป็นร้านอาหาร 1 ไร่ และที่จอดรถอีก 1 ไร่ แต่เชื่อไหมคะว่าชมพู่ทำโปรเจ็กต์ใหญ่ขนาดนี้ทั้งที่ไม่มีเงินเก็บเลย ต้องอาศัย “การหมุนเงิน” จากบัตรเครดิตที่มีอยู่นับสิบใบอย่างเดียว
ตั้งแต่พนักงานต้อนรับ เด็กเสิร์ฟนักร้อง ไปจนถึงผู้จัดการร้าน เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี กิจการกำลังไปได้ด้วยดี แต่จู่ ๆ ชมพู่ก็เกิดเรื่องกับหุ้นส่วน จนพ่อกับแม่ขอให้ “ถอนเงินลงทุนทั้งหมด” ออกจากร้านทันที
แหล่งที่มา: deemagna