ด้วยรัก...และอาฆาต 1
สวัสดีครับ เรื่องที่จะเล่าในวันนี้เป็นหนึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ก็เรียกได้ว่านานพอสมควรแต่ช่างใจมาตลอดว่า ‘จะไม่เล่า’ เพราะว่าเนื้อหาบางส่วนนั้นค่อนข้าง รุนแรง แล้วก็เหมือนเป็นตัวอย่างได้เนืองๆ แต่กลายเป็นว่าผมไปได้เจอกับเรื่องราวหนึ่งที่เกิดจาก ความเข้าใจผิด ของบุคคลเลยทำให้ ถูกหลอก ในหลายๆด้าน ก็เลยเปลี่ยนใจว่าจะเล่าเรื่องนี้ก็แล้วกัน
เพราะฉะนั้นผมขอ ปล. ตัวใหญ่ๆเลยว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างสูง และอย่าทำตาม เพราะมันอันตรายมาก
ปล.สอง เรื่องนี้อาจจะยาวสักหน่อย อย่างไรก็ขอบคุณครับ ปล.สุดท้าย เตือนแล้วนะครับว่า อย่าทำตาม
เรื่องนี้มันเริ่มจากชายหญิงคู่หนึ่งที่เป็นคู่รักกันมานาน ทั้งสองคนรู้จักผมผ่านคนอื่นมาอีกทีแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร เขาทั้งสองติดต่อมาที่ตัวผมโดยตรงเพื่อขอนัดเจอและมีเรื่องอยากให้ช่วย ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธไป
ในเวลาช่วงบ่ายๆแก่ของวันหยุดในสัปดาห์หนึ่งของภาคเรียน ผมมานั่งรอที่ม้านั่งหน้าตึกภาควิชาที่เดิมที่นี่เป็นที่ที่ผมมักจะให้คนที่นัดเจอมาเจอกันตรงนี้ ผมนั่งรอเพียงไม่นานชายหญิงคู่หนึ่งก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่โรงจอดรถด้านข้าง
ชายหญิงอายุราวๆสามสิบต้นๆเดินลงมาจากรถหรูที่จอดอยู่ในโรงจอดรถ ทั้งสองเดินตรงมายังมโดยไม่ต้องถามก็รู้เพราะว่าวันนี้มีผมอยู่เพียงคนเดียวทั้งลานโล่งๆนี้
เราทักทายกันแค่พอสมควรเพื่อจะได้ไม่เป็นการเสียเวลามากนัก พีทั้งสองคนนั้นจัดได้ว่าหน้าตาดีไปทางหน้าตาดีมาก ซึ่งดูจากรถที่ขับแล้วก็คงจะเป็นคนมีตังค์พอสมควร แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร เรามาเข้าสู่เรื่องที่เป็นประเด็นกันเลยดีกว่า ตรงนี้ผมจะขอเล่าเรื่องทีได้ฟังมาด้วยคำพูดของผมนะครับ อาจจะไม่เป๊ะมาก
เริ่มจากผมขอเรียกพี่ทั้งสองคนนี้ว่าพี่บี กับพี่ทอป นะครับ พี่บีกับพี่ทอปคบกันมาได้นานแล้วประมาณสามสี่ปี ทั้งสองคนมีงานมีการของตัวเองทำอย่างมั่นคงทำให้ทั้งสองคนสามารถสร้างฐานะตัวเองได้รวดเร็วมาก ชีวิตของทั้งสองคนดูจะไม่มีอะไรให้น่าหนักใจเลยจนวันหนึ่งเรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้นกับเขาทั้งสองคน
จากคำบอกเล่าพี่ยียอกว่ามันเริ่มจากวันหนึ่งที่ทั้งสองคนไปสังสรรค์กับเพื่อนมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในวันนั้นก็มีคนมาร่วมงานมากหน้าหลายตาไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่พวกพี่เขารู้จัก เพราะเหมือนจะมีคนจากที่ทำงานด้วยจึงมีหลายๆคนที่พวกพี่เขาไม่รู้จัก และหนึ่งในนั้นก็เหมือนจะมีคนที่สนใจพี่ทอป
จากสายตาของพี่บีที่เป็นผู้หญิงและท่าทางของคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับพี่ทอปนั้นทำให้สังเกตได้ไม่ยากว่าเขาสนใจในตัวแฟนของเธอขนาดไหน แม้ว่าพี่บีจะกีดขวางอย่างไรก็ยังจำเป็นต้องมีมารยาททางสังคมปล่อยให้เขาได้คุยทำความรู้จักและชนแก้วกันบ้างเพื่อหน้าตาทางสังคมและหน้าที่การงาน
ในคืนนั้นงานเลี้ยงเลิกไม่ดึกสักเท่าไหร่เพราะจัดขึ้นในวันธรรมดา ทั้งสองคนขับรถกลับมาด้วยบรรยากาศที่คุกรุ่นเพราะความหึงหวงของฝ่ายหญิง ฝ่ายชายที่เป็นคนขับนั้นไม่ว่าจะพยายามปลอบอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่มีผลในตอนนี้
รถคันหรูเลี้ยงเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่ที่มีบริเวณหน้าบ้านพอให้จัดเป็นสวนอย่างสวยงาม ทั้งสองคนเดินเข้าไปในบ้านของฝ่ายชายโดยที่ฝ่ายหญิงเดินตรงขึ้นไปด้านบนโดยไม่รอฝ่ายชายแม้แต่น้อย
‘โกรธอะไรกันมาล่ะลูก’ แม่ของฝ่ายชายที่ดูละครอยู่ที่ห้องนั่งเล่นถามแทนการทักทาย
‘ไร้สาระน่ะแม่’ ฝ่ายชายตอบปัดไปอย่างรำคาญ
พี่ทอปใช้เวลานั่งคุยเป็นเพื่อนแม่จนละครจบลง และในตอนที่กำลังจะแยกย้ายกันไปนอนนั้นแม่ของพี่ทอปได้ออกไปที่ลานหน้าบ้านเพื่อไปเรียกสุนัขตัวโปรดที่ปกติจะปล่อยให้วิ่งเล่นอยู่ตรงสวนจนกว่าจะถึงเวลานอน
พี่ทอปเดินไปตรงห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่มก่อนที่จะขึ้นไปยังห้องนอนด้านบน แต่ก็ต้องเดินถอยหลังกลับมาเมื่อเห็นแม่ทำท่าทำทางเหมือนพยายามสอดส่องอะไรบางอย่าง
‘มองอะไรน่ะแม่ หาไอ้แวนไม่เจอหรอ’ พี่ทอปคิดว่าแม่กำลังมองหาสุขนัขตัวแสบของแม่อยู่
‘ทอปลืมเพื่อนไว้ในรถรึเปล่าน่ะ’ แม่หันมาบอกพี่ทอปด้วยสีหน้าจริงจัง
พี่ทอปตกใจกับสิ่งที่ได้ยินแต่สีหน้าของคนเป็นแม่ก็จริงจังเกินกว่าจะคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น พี่ทอปตอบปฏิเสธไปอย่างมั่นใจว่าไม่ได้เอาใครกลับมาด้วย กลับมากันสองคนจริงๆ แต่แม่ดูเหมือนจะเชื่อสาจตาของตัวเองมากกว่าคำบอกเล่าของลูกชาย
แม่เดินตรงไปยังรถใช้มือบังแสงจากไฟนีออนเพื่อสอดส่องเข้าไปที่เบาะหลังของตัวรถ แม่ทำท่ามองหาอย่างจริงจังจนพี่ทอปต้องเดินตามแม่ลงไปเพราะคิดว่าแม่คงจะมั่นใจจริงๆ
สองแม่ลูกช่วยกันสอดส่องภายในรถอันว่างเปล่าไม่มีเงาของสิ่งมีชีวิตใดๆ เมื่อพี่ทอปหันมาเรียกให้แม่เข้าบ้านได้แล้ว แม่คงจะตาฝาดไปเอง แต่แม่ยังคงยืนยันว่าแม่เห็นจริงๆนะ แต่ภาพตรงหน้าก็เป็นสิ่งยืนยันที่ดีจริงๆว่ามันไม่มีอะไร แม่จึงยอมเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับไอ้อ้วนหมาตัวแสบของแม่
พี่ทอปไม่ได้เก็บเอาเรื่องในคืนนั้นมาใส่ใจมากนักเพราะดูแล้วอาการงอนของแฟนสาวน่าจะเป็นประเด็นที่ใหญ่กว่ามาก พี่ทอปขึ้นห้องไปในทันทีด้วยความตั้งใจที่จะง้อแฟนสาวให้หายในคืนนี้
ในคืนนั้นทุกๆอย่างดูจะไม่มีอะไรผิดปกติ จนในวันรุ่งขึ้นพี่บีตื่นมาในตอนเช้าก่อนพี่ทอป เรียกให้พี่ทอปไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะได้ไม่ไปทำงานสาย และในตอนนี้ที่กำลังออกแรงสะกิดเรียกพี่ทอปนั้นสายตาของพี่บีก็ไปเห็นเส้นผมยาวสลวยเส้นหนึ่งที่ติดอยู่บนเสื้อของพี่ทอป
‘ทอป ผมใครเนี่ย เมื่อคืนไปใกล้กันขนาดนั้นเลยหรอ’ พี่บีเริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมาอีกครั้ง
‘จะบ้ารึไงบี นี่มันชุดนอนนะ ทอปอาบน้ำก่อนนอนด้วย ผมคุณเองนั่นแหละ’ พี่ทอปลุกขึ้นมาตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
พี่บีเถียงไม่ออกเพราะเหตุผลที่พี่ทอปให้มานั้นมันสมเหตุสมผลมาก เพราะชุดนี้ก็เป็นชุดนอนไม่ใช่ชุดที่ใส่ไปงานมาเมื่อคืน ก่อนนอนก็อาบน้ำ ความเป็นไปได้ก็คงมีแต่มของเธอเองเท่านั้น แต่เส้นผมในมือนั้นกลับมีสีที่ต่างไปจากผมของเธอ
เส้นผมสีดำสนิทในมือเธอนั้นเป็นของจริง ไม่ใช่เศษผ้าหรือเศษผงที่ไหน แต่สีของเส้นผมนั้นมันผิดกับผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอที่เพิ่งไปย้อมมาได้ไม่นานนี้ มันจะเป็นไปได้เชียวหรือที่ผมทั้งหัวของเธอจะถูกย้อมไม่หมดเพียงหนึ่งเส้น และก็ดันเป็นเส้นที่หลุดร่วงลงมาด้วย
เธอคิดทบทวนพยายามหาคำตอบอยู่นานเพราะเธอนั้นเป็นคนที่หวงแรงมาก นิดๆหน่อยๆก็ไม่ยอมกันแล้ว แต่เรื่องครางนี้มันก็ดูไม่มีมูลจริงๆ ‘สงสัยจะติดมากับร้านซักรีด’ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดในตอนนั้น
เวลาผ่านไปได้ไม่กี่วันก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นรอบตัวของพวกเขา เมื่อพี่ทอปเริ่มมีอาการแปลกๆดูกระสับกระส่ายเวลากลับบ้านและดูไม่ค่อยสนใจพี่บีเท่าที่ควรจนพี่บีเองเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นแล้วไหนยังจะเรื่องที่ช่วงนี้ชอบพกโทรศัพท์ติดตัวมากเป็นพิเศษทั้งที่ปกติแล้วพี่บีแทบจะต้องเก็บเอาไว้ให้
ด้วยความสงสัยพี่บีจึงขอให้พี่ทอปเอาโทรศัพท์มาค้นตามประสาของคนขี้หวง แต่ไม่ว่าจะค้นหรือเช็คอะไรมันก็ไม่มีอะไรที่ส่อแววว่าพี่ทอปกำลังนอกใจหรือว่าคุยกับคนอื่นเลย แต่กระนั้นพี่บีก็ยังคงไม่วางใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
และในคืนนั้นเองในขณะที่พี่ทอปกับพี่บีกำลังนอนพักผ่อนดูละครกันอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนจึงรีบลุกไปดูก็เห็นว่าเป็นแม่นั่นเองที่เป็นคนมาเคาะห้อง แม่มีท่าทางกังวลหันซ้ายหันขวาชอบกล
‘ทอปลูก ลงไปดูที่หน้าบ้านให้หน่อยสิ ไอ้อ้วนมันเห่าใครไม่รู้มาพักนึงแล้ว แม่กลัว’
พี่ทอปเดินลงมาชั้นล่างด้านความเร่งรีบเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็ได้บยินเสียงขู่สลับกับเสียงเห่าของสุนัขตัวเดียวในบ้าน โดยที่มันจ้องออกไปยังหน้าประตูด้วยท่าทางเอาเรื่อง
พี่ทอปหยิบเอาไม้กวาดที่อยู่ใกล้ๆมือไปด้วยแล้วเปิดไฟหน้าบ้านให้สว่างเพื่อดูว่าเป็นใครกันที่มาวุ่นวายที่ส่วนบุคคลในเวลาดึกดื่นเช่นนี้
พี่ทอปเดินไปที่หน้าบ้านด้วยความรู้สึกกล้าๆกลัวๆ แต่อย่างน้องไอ้อ้วนก็น่าจะช่วยอะไรได้บ้างในเวลาเช่นนี้ เสียงเห่าอย่างเอาเป็นเอาตายของมันทำให้คนเป็นนายใจชื้นขึ้นมาบ้าง พี่ทอปเดินมาจนถึงประตูบ้านแล้ว แต่กลับมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
ถนนในหมู่บ้านตอนนี้มีเพียงความว่างเปล่าที่แม้แต่หมาข้างถนนยังไม่มีให้เห็นพี่ทอปพยายามสอดส่องไปรอบๆผ่านรั้วบ้านแต่ก็ไม่เห็นเงาของใครทั้งสิ้น เมื่อหันมามองที่ไอ้อวนก็พบว่ามันยังคงไม่หยุดเห่าและสายตาของมันก็จ้องไปที่จุดจุดเดียวเหมือนมันกำลังมองอะไรอยู่