นิติภูมิ วิเคราะห์ “ประเทศไทย” ตั้งแต่ พ.ศ.2562 เป็นต้นไป จะไม่ง่ายอีกต่อไป!?
นิติภูมิ นวรัตน์ วิเคราะห์ประเทศไทยตั้งแต่ ปี 2562 พูดเอาไว้น่าคิดมาก โดยบอกว่า “ผมคิดว่าการเดินของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป จะไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป”
“ผมคิดว่าการเดินของประเทศไทยในปี พ.ศ.2562 เป็นต้นไป จะไม่ง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา หนี้สาธารณะคงค้างของไทยมีมากถึง 6.49 ล้านล้านบาท
นอกจากนั้น เงินยังไหลออกนอกประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จากการไปลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ที่ออกไปตั้งร้านขายของในทุกจังหวัดทุกอำเภอ
คนท้องถิ่นทำงานหาเงินได้เท่าใดก็เอามาซื้อของจากร้านขายของที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเหล่านี้ พวกนี้ได้เงินแล้วก็หอบเอาเงินที่ได้ไปลงทุนต่างประเทศ
เช่นไปลงทุนที่รัสเซียรวมแล้ว 1,900 ล้านดอลลาร์ (6 หมื่นล้านบาท) ในเวียดนามเกือบ 2 แสนล้านบาท ในอินโดนีเซีย ,ในตุรกี ฯลฯ
เงินจากเกษตรกรยากจนที่ซื้อของในร้านพวกนี้ มันไม่หมุนกลับไปสร้างงาน หรือสร้างเงินในชนบท มันมีแต่ไหลออกไปสร้างงานในต่างประเทศ
คนไทยชนบทจึงยากจนลงไปเรื่อยๆ พวกบริษัทใหญ่ๆทั้งหลายที่ได้เงินจากท้องถิ่นและประเทศ เอาเงินออกไป
แล้วในช่วงที่มีทำรัฐประหาร มาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ เอาเงินออกไปแล้วเกิน 3 ล้านล้านบาท เงินที่เคยหมุนอยู่แต่ภายในประเทศ เงินที่เคยสร้างงานให้ผู้คนเป็นจำนวนนับล้านคน ไม่มีอีกต่อไปแล้วครับ
คนจนจะยิ่งจนลงไปอีกเรื่อยๆ ต่อให้ทำมาหากินขยันขันแข็งสักเท่าใด ก็ไม่ทางรอด เนื่องเพราะคุณขยัน คุณเก่งในประเทศที่มีแต่ความว่างเปล่าในประเทศที่ไม่มีเงิน
คนทั้งประเทศไม่ตายหรอกครับ แต่มันเหมือนเป็นมะเร็งที่ต้องนอนทรมาน เจ็บปวดรวดร้าวอยู่ทุกคืนวัน
พอคนทั่วไปไม่มีเงิน พวกนี้ก็ต้องขายที่ดินและบ้านช่องห้องหอ พวกบริษัทนายทุนขนาดใหญ่ก็ไปกว้านซื้อเอาไว้
ตอนนี้ เฉพาะ 2 บริษัทใหญ่มีที่ดินรวมๆแล้ว 8.3 แสนไร่ พวกที่ถือครองจำนวนหลายหมื่นไร่ต่อตระกูล นั้นมีเป็นจำนวนมาก
สมัยทำรัฐประหารปี พ.ศ.2557-2561 นี่ พวกนายทุนขุนศึกดูดเงินและความมั่งคั่งไปสะสมไว้เป็นจำนวนมาก จนเราอาจนึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะรวยกันได้เร็วขนาดนี้
รุ่นน้องที่มียศคนหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะมีการทำรัฐประหาร ยังมาหาพรรคพวกของผมขอให้ช่วยเขียนขอทุนการศึกษาจากสถานศึกษาในต่างประเทศ อยากให้ลูกไปเรียนในต่างประเทศ แค่สองคนกับสามีรับราชการนั้นเงินไม่เพียงพอ
ภายหลังจากการทำรัฐประหารเพียงไม่นาน ตอนนี้มีแม้แต่คอนโดมิเนียมในนครเมลเบิร์น ที่ออสเตรเลีย ลูกๆไปเรียน ใช้ชีวิตอย่างโก้หรู
เงินทอนสมัยนี้ในโครงการที่ไม่ใช่การก่อสร้างมันมากถึง 40% ทำให้คนที่อยู่ในตำแหน่งรวยกันไวมาก สร้างตัวเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านในช่วงรัฐประหารนี่เอง
วันนี้ มีการปฏิบัติการทางจิตวิทยา ทำให้คนลืมนึกเรื่องพวกนี้ไปเสียสนิท ด้วยการปั่นกระแสเพ้อฝัน ,ด้วยละคร ,ด้วยงานรื่นเริงบันเทิงใจประเภทต่างๆ
ด้วยการให้แต่ละจังหวัดใช้งบประมาณในการจัดงานรำประเพณี ให้คนเพลิดเพลินไปในแต่ละวัน จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก
แทนที่จะให้คนคิดโครงการทำมาหากิน เตรียมคนทำมาค้าขายแข่งกับต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพในการผลิตให้คน
ส่งออกคนไทยไปลงหลักปักฐานในต่างประเทศทั่วโลก เตรียมคนสำหรับยุค 5G ที่กำลังจะมาถึง สัมมนาเรื่องเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ ฯลฯ
กลับส่งเสริมให้คนลืมเรื่องความทุกข์ชั่วคราวด้วยละคร ,ด้วยพิธีกรรม ,ด้วยการจัดงานรื่นเริงต่างๆ ฯลฯ
คนรู้ทำอะไรก็เข้าใจง่าย แต่ถ้าคนไม่รู้ทำยังไงก็ไม่เข้าใจครับ ยังชมเขาว่าดี เพราะแจกเงินประชารัฐให้กับคนยากจนมากหลายบาท/เดือน โธ่!
เหตุการณ์คงเหมือนเช่นในอดีต สมัยนั้นพวกจอมพลต่างๆมักพยายามจัดให้มีความรื่นรมย์รื่นเริงไปวันๆ เพื่อให้คนหลงลืมความวุ่นวายต่างๆ ที่เป็นผลพวงมาจากการทำรัฐประหารของพวกเขานั่นเองครับ..!!!!!
ขอบคุณบทความดีๆจาก นิติภูมิ นวรัตน์
(ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณ..)