Dawn of the Night (รุ่งอรุณแห่งรัตติกาล) บทที่ 8 รัตติกาลแห่งการสูญเสีย
การต่อสู้ที่ยังคงดำเนินในช่วงแห่งรัตติกาล แต่ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้ฉันกลับไม่เคยได้ช่วยเหลือเรียวผู้ที่ฉันทำพันธสัญญาด้วยเลยสักครั้งตั้งแต่ยูริ ปรากฏตัวและได้ทำพันธสัญญากับเรียว การที่ฉันไม่ช่วยเหลือผู้ทำพันธสัญญานั้นก็แปลว่าเวลาที่ฉันมีตอนนี้เหลือน้อยเต็มทีแล้ว เวลาแห่งการคงอยู่ที่เรียกว่า กฎ
ในขณะที่ฉันต่อสู้อยู่นั้น ก็ปรากฏแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากด้านหลังฉัน ทำให้ปีศาจทั้งหมดหายไป ฉันยืนหันหลังให้ผู้ที่ใช้ธนูปราบปีศาจ โดยที่ไม่แม้แต่จะหันไปมองว่าคนที่เขามองฉันอยู่ตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหน
ฉันเดินออกมาโดยไม่แม้แต่จะเอยคำว่าขอบคุณ ทันใดนั้นเองมือที่ฉันไม่เคยสัมผัสมานานก็จับที่ข้อมือฉัน ฉันหยุดฝีเท้าลงและหันกลับไปมองคนตรงหน้าด้วยสายตาแบบเดิม แต่ทว่าว่าครั้งนี้แตกต่างไปเราสองคนมองหน้ากัน เรียวขยับแว่นเล็กน้อยก่อนก้มลงจูบที่ริมฝีปากฉัน มันทำให้ฉันเบิกตากว้าง หัวใจแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ความสุข ทุกอย่างที่เคยได้รับมันปริ้วหายไป การที่เรียวจูบฉันนั่นแปลว่า มันคือการยกเลิกสัญญา ที่ผู้เป็นนายยินยอม แต่สิ่งที่ฉันยังไม่ได้บอกเรียวนั้นคือ เมื่อใดที่ผู้เป็นนายยกเลิกสัญญานั้นแปลว่าปีศาจรับใช้จะไม่สามารถจำเรื่องราวของผู้เป็นนายได้อีกต่อไป
“เรียว” ฉันเรียกชื่อนี้แผ่วเบาก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป
“ขอโทษนะ โอกิผมไม่สามารถทอดทิ้งยูริไว้เป็นครั้งที่สอง ขอโทษนะ”
“ขอบคุณที่ ยกเลิกสัญญาให้ฉัน ต่อไปนี้จงใช้ชีวิตอย่างที่หวัง นายจะได้ไม่ต้องมากังวลกับฉัน ลาก่อน” แววตาของฉันตอนนี้มันไม่เหลือเคล้าของสิ่งมีชีวิต ไม่เหลือแม้กระทั้งแววตาของมนุษย์
ฉันหันหลังเดินให้กับคนที่ฉันรักมากที่สุด ก่อนสบทกับตัวเองในใจ
“นี้ฉันตกหลุมรักหมอนั้นจริงๆ ใช้ไหม ทำไมนะคนที่บอกว่าจะอยู่กับฉัน กลับทอดทิ้งฉันเพราะอะไร” ฉันเดินมาจนถึงโรงเรียนที่เต็มไปด้วยความทรงจำ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่บางทีคนอย่างฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้จดจำมันอีกแล้ว ฉันเดินผ่านโรงเรียน เดินผ่านทุกๆ ที่ที่ฉันเรียว และยูริเคยมา ฉันวางดาบลงกับพื้นก่อนทิ้งตัวลงนอนที่สนามหญ้าเพื่อรอคอยแสงแห่งรุ่งอรุณ
..................................................................................
ในขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงกับยูริ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นก็เดินเข้ามา เป็นใครไปไม้ได้นอกจากท่านปู่ของผม
“เรียว เจ้าอยู่นี้เองรึ ปู่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า” สีหน้าของท่านปู่ตอนนี้จริงจังและเหมือนกำลังโกธรข้ามากๆ ด้วย
“มีอะไรเหรอท่านปู่ ข้า..” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบฝ่ามือของท่านปู่ก็ฟาดลงมาที่หน้าข้า แต่นี้มันอะไรกัน
“เรียว ปู่จะขอพูดครั้งเดียวตั้งใจฟังซะ รีบไปตามโอกิกลับมาซะเรียว ปู่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทอดทิ้งโอกิและมามีความสุขกับยูริ ยูรินะตายไปแล้วเจ้าก็น่าจะรู้ดี คนที่ตายไปแล้วไม่สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้หรอกนะเรียว และยูริคนที่ยืนข้างเจ้านั่นก็ไม่ใช้ยูริ เจ้ายอมรับความจริงได้แล้ว และอีกอย่างการที่เจ้าทอดทิ้งโอกิ เจ้าคิดรึไงว่าตอนนี้โอกิจะมีความสุขนะ ขนาดเป็นนายของปีศาจรับใช้เจ้าแทบจะไม่รู้กฎอะไรเลยรึเจ้าเรียว”
เสียงของท่านปู่ดังราวกับว่าราชสีห์ที่กำลังโกธรอยู่ ก่อนที่ผมจะเอยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“กฎอะไรหรอท่านปู่ ข้าไม่เข้าใจ”
“กฎอีกข้อหนึ่งของปีศาจรับใช้คือ ถ้าผู้เป็นนายยกเลิกสัญญานั้นแปลว่าโอกิจะต้องสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าและเพื่อนๆ คนสำคัญทั้งหมด นี้เหรอที่เจ้ากำลังทำ เจ้าคิดว่าเจ้าเจ็บปวดคนเดียวงั้นรึ แต่คนที่เจ็บปวดกว่าคือคนที่ไม่เหลือแม้แต่ความทรงจำ”
“ไม่จริง ทำไมข้าไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย”
“ก็เพราะ โอกิเข้าเชื่อใจเจ้า ว่าเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเธอ เหมือนทีเจ้าเคยพูดไว้ เจ้าลืมคำพูดนั้นไปแล้วรึ เจ้ารู้ไหมตอนที่โอกิเข้ามาถามว่า ไม่ทอดทิ้งคืออะไรแววตาของโอกิตื่นเต้นราวกับเด็กที่กำลังต้องการคำตอบ ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองถามยูริดูว่าจริงไหม?”
ผมหันไปมองหน้าของยูริที่ตอนนี้ก็ทำหน้าเหวอไม่แพ้กัน แต่ไม่ทันแล้วขาของผมมันก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ผมวิ่งออกจากบ้านเพื่อตามหาโอกิ จนผมมาถึงที่สวนสาธารณะแต่ก็ไม่พบโอกิผมหยุดยืนและกำลังทบทวนว่าที่ที่โอกิน่าจะไปคือที่ไหน ในที่สุดผมก็คิดออก ผมวิ่งผ่านโรงเรียนจนมาถึงที่แรกที่ผมต่อสู่กับโอกิและเป็นครั้งแรกที่เรายืนดูพระอาทิตย์ขึ้น ผมค่อยๆ หยุดวิ่งและเดินอย่างช้าๆ จนในที่สุดผมก็พบโอกิ ผมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ มองหน้าของคนที่นอนอยู่
“หลับอยู่งั้นเหรอ”
ในขณะที่โอกิหลับอยู่ผมเฝ้ามองดูใบหน้านั้นราวกับว่าจะไม่ได้พบอีกแล้ว ขณะที่ผมกำลังมองใบหน้าอยู่นั้น โอกิก็ลืมตาแต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจที่สุดคือคำพูดของโอกิ
“นายเป็นใคร ??” เป็นคำถามที่เย็นชาราวกับคนที่ไร้ความรู้สึก เธอเอยถามผมแล้วลุกขึ้นนั่ง สายตาเธอจับจ้องอยู่กับพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น
“ผมเรียวไง โอกิ จำผมไม่ได้เหรอ?”
“ไม่....” คำพูดของโอกิทำผมหัวใจกระตุก เธอมองหน้าผมด้วยสายตาครุ่นคิด จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วหันหลังให้ผมอีกครั้ง
“โอกิ เธอจะไปไหน อย่าไปนะผมขอร้อง”
......................................................
ฉันหันหลังกลับไปมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งก่อนเอยออกไป
“ฉันไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี้ และไม่มีสิ่งที่ฉันต้องปกป้อง แต่สำหรับนายแล้ว เวลาที่มองหน้านายฉันรู้สึกเจ็บที่หัวใจ หรือเราคงเคยรู้จักกันมาก่อนก็ได้ ฉันอาจจะรักนายมาก หรือรักเลยก็ได้ ความรู้สึกฉันมันบอกแบบนั้น เอาไว้วันไหนที่นายคิดถึงฉัน ฉันจะอยู่ที่นี้ ฉันจะกลับมาที่นี้แล้วกัน” พอโอกิพูดจบเธอก็เดินผ่านหน้าผมไป ผมทำได้เพียงตะโกนในใจว่า
“อย่าไปนะ อย่าไปนะ” จนในที่สุดเธอก็ไปจากผมแล้ว เธอไปแล้ว ผมมันโง่ ผมได้แต่พร่ำด่าทอตัวเองในใจ ผมนั่งลงมองดูพระอาทิตย์ขึ้นทำไมกันวันนี้รุ่งอรุณมันถึงเจ็บปวดแบบนี้ น้ำตาของผมไหลล้น
“ผมมันโง่เอง”