Dawn of the Night (รุ่งอรุณแห่งรัตติกาล) บทที่ 5 คู่หมั่นงั้นหรอ
เช้าที่แสนสดใส ฉันหยุดยืนมองพระอาทิตย์กับกำลังท่อแสงในยามรุ่งอรุณ ไม่อยากจะคิดว่ายูจะจากฉันไปทั้งๆที่คิดว่าช่วยได้แท้ๆ ในขณะที่ฉันยืนคิดอะไรเพลินมือที่แสนอบอุ่นก็จับที่มือฉัน
“โอกิ ไปโรงเรียนได้แล้วเดียวสาย” เรียวที่ตอนนี้กำลังยิ้มให้ฉัน มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันรู้สึกดี
“อึม” ทำไมกันนะ ฉันรู้สึกร้อนที่หน้า แล้วไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรนะ รักหรอ ? ไม่ใช้สิ เราจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับผู้เป็นนายไม่ได้นั้นคือกฎ กฎที่แม้แต่ตัวข้าหรือครึ่งปีศาจตนอื่นเองก็ห้ามผิดกฎ
เราสองคนมาถึงโรงเรียน และฉันก็ยังนั่งที่เดิมเหมือนทุกครั้ง แต่แล้วเสียงของอาจารย์ประจำห้องก็ดังขึ้น
“เอาหละนะนักเรียนวันนี้จะมี นักเรียนใหม่ย้ายเข้ามา” จบประโยคอาจารย์ก็เชิญนักเรียนใหม่เข้ามาเพื่อแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ฮายาเตะ ยูริ หรือจะเรียกยูริจังก็ได้นะค่ะ เหตุผลที่ย้ายมานี้เพราะดิฉันมีคู่หมั่น ซึ่งเขาเรียนอยู่ที่นี้ และเขาคนนั้นคือ เรียว อาคาซากิ เรียวค่ะ” ทุกคนทำหน้าตกใจ และหันมองเรียว ซึ่งไม่ต่างกับฉันที่กำลังมองหน้าเรียวเช่นกัน แต่ทว่าเรียว กับทำหน้านิ่งราวกับว่า สิ่งที่ ยูริพูดนั้นคือเรื่องจริง
จนในที่สุดเสียงของอาจารย์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบในห้องเรียนที่ทุกคนต่างพากันตกใจ
“งั้นเชิญยูริจัง นั่งที่ได้แล้วจ๊ะ” ยัยนั้นเดินตรงมายังที่ที่ฉันนั่งอยู่ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความ ความเย็นชา ยิ้มของยัยนี้มันช่างเสแสร้งจริงๆ
“ท่านโอกิจัง ใช้ไหมเจ้าค่ะ ฉันของนั่งข้างท่านเรียวได้ไหม เพราะยังไงข้ากับท่านเรียวเราก็จะแต่งงานกัน ข้าจึงอยากรู้จักท่านเรียวให้มากกว่านี้หลังจากที่ไม่ได้พบกันนานถึง******5 ปี”
ฉันมองหน้าเรียวโดยไม่พูดอะไรก่อนหันหน้ามองยูริที่กำลังยิ้มให้ฉัน
“คงไม่ได้หรอก เพราะเจ้านายของฉันยังไม่สั่ง ดังนั้นต่อให้เป็นเธอก็ไม่มีสิทธ์มากออกคำสั่งกับฉัน”
พอพูดจบประโยค เรียวก็สบตาฉันก่อนพูดประโยคที่ฉันฟังแล้วมันรู้สึกเจ็บที่หน้าอกไม่รู้เป็นเพราะอะไร
“ขอโทษนะ โอกิ เธอช่วยไปนั่งตรงนั้นแทน ยูริได้ไหม” ฉันมองหน้าเรียว และทุกคนต่างพากันจ้องมองบทสนทนาของพวกเรา มันทำให้ฉันลุกขึ้นยืน และแววตาที่ฉันเคยมองเรียวก็เย็นชาลงมากกว่าเดิมอีกครั้ง
"ข้าต้องขอบคุณท่านโอกิมากที่ให้ข้ากับท่านเรียวได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่ทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย” คำพูดของฉันที่พูดออกมาตอนนี้มันดูเย็นชา จนทำให้เรียวหันกลับมามองใบหน้าของฉันตอนนี้ ฉันเดินมานั่งที่โต๊ะ และทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ
สุดท้ายชั่วโมงโฮมรูมก็หมดลง ฉันยังคงนั่งนิ่งทางกลางความเงียบ และแสงของพระอาทิตย์ที่ท่อแสงรอดผ่านหน้าต่างของเรียน ฉันกำลังคิดว่าถ้าฉันขอให้เรียวยกเลิกพันธสัญญานั้นจะดีหรือเปล่า เพราะถึงยังไงการมีตัวตนของยูริในฐานะคู่หมั่นนั้นถือว่าเรียวมีคนที่สามารถดูแลได้แล้ว
ในขณะที่ฉันนั่งคิดอะไรเพลินๆ ฉันก็ดีดตัวด้วยความเร็วก่อนสบทออกมาดังลั่น
“นี้มันกลิ่นเลือดเรียวนิ!!!หรือว่า” ฉันกระโดดลงจากหน้าต่างไปยังกิ่งไม้และลัดเลาะไปตามหลังคาบ้านเพื่อให้เร็วต่อการหาตัวเรียว ในที่สุดฉันก็พบเรียว ตรงสวนสาธารณะ ตอนนี้เรียวกำลังสู่กับปีศาจตนนั้น แต่ทว่าปีศาจตนนั้นกลับเป็นยูริคู่หมั่นของเรียว
ตอนนี้ปีศาจตนนั้นกำลังได้เปรียบเรียวอยู่ แต่ทำไม่ปีศาจตนนี้กลับปรากฏตัวได้ในช่วงรุ่งอรุณ หรือว่าจะเกี่ยวกับปีศาจที่มีเลเวลสูงปีศาจที่ออกมาจากร่างกายยูงั้นเหรอ ในขณะที่ฉันยืนคิดอะไรอยู่นั้นปีศาจตนนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าลง
“หยุดเดียวนี้นะ เจ้าร่างมนุษย์หน้าโง่ เจ้าคิดจะต่อต้านปีศาจอย่างข้าผู้นี้งั้นรึ” ทำไมๆ รึว่าปีศาจตนนั้นจะสิงร่างของยูริอยู่แต่ทว่าทำไม่ฉันมองไม่เห็นพลังวิญญาณของเธอหละ ทำไมกัน
“ฉันบอกให้แกออกมาจากร่างของยูริไง เล่า!!!ไอ้สวะ” เสียงของเรียวตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อเทียบกับปีศาจตนนั้น ฝีมือเรียวตอนนี้สามารถเอาชนะได้แท้ๆ หรือเพราะเรียวไม่สามารถทำได้เพราะนั้นคือร่างของยูริ หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่เรียวปราถนาจะอยู่ด้วย
ฉันทนเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ไหว ทนเห็นกับยูริไม่ได้ หรือเพราะฉันกำลังอิจฉา ยูริกันแน่นะ ในขณะที่ปีศาจตนนั้นกำลังจะโจมตีเรียวอีกครั้ง ฉันกระโดดเข้าไปยืนต่อหน้าเจ้าปีศาจ
“โอกิ เธอมาที่นี้ได้ยังไง ห้ามเธอทำอะไร ยูรินะ โอกิ”
“ฮึ!!! เลิกงี่เง้าเหมือนเด็กได้แล้ว ยูริเธอตายไปแล้ว และอีกอย่างนี้ก็เป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณที่ถูกเจ้าปีศาจสวะ นี้สิงสูเท่านั้น ถ้านายยังไม่เลิกทำตัวงี่เง้าฉันจะส่งนายให้ไปอยู่ด้วยกันซะเลย” ฉันยืนถือดาบแน่นเมื่อได้ยินประโยคที่ฉันไม่อยากฟังที่สุด
“ครึ่งปีศาจโผล่มาอีกตัวแล้วงั้นเหรอ ดีใจจริงๆ คืนนี้ข้าคงได้ของแถมที่รสชาติดีเลิศ”
“งั้นเหรอ ถ้าแกคิดว่าเอาชนะฉันคนนี้ได้ก็ลองดู ไอ้ปีศาจชั้นต่ำ”
ฉันพุ่งเข้าหาปีศาจตนนั้นโดยไม่หันกลับไปมองเรียวที่ยังคงทำตัวหน้าสมเพส มันเหมือนกับว่าเรียวที่ฉันเคยรู้จักกำลังจะหายไป แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งและถอยกลับมาตั้งรับอีกครั้งคือ
“เป็นไงหละเจ้าครึ่งปีศาจเอย พลังของข้าแข็งแกร่งใช้ไหมหละ” อะไรกันฟันไม่เข้างั้นหรอก ร่างกายของมันกลายเป็นเหล็กที่แม้แต่ดาบของข้ายังตัดไม่ขาดงั้นหรอไม่ทันตั้งตัวปีศาจตนนั้นพุ่งใช้ฉันด้วยความเร็วและใช้มือทั้งสองข้างทุบลงมาเพื่อหวังให้ร่างของฉันแตกเป็นเสี่ยง แต่ดีที่ฉันหลบทัน
“ฮึ!!! เจ้าปีศาจไม่ตนนี้ไม่สบอารมณ์ฉันเลยแฮะ”
การต่อสู้ยังคงดำเนินมาหลายชั่วโมงตอนนี้ฉันแทบจะหมดแรงแล้ว และยังต้องคอยปกป้องนายงี้เง้านี้อีก
แต่ไม่ทันการแล้วปีศาจตนนั้นพุ่งใส่ฉันโดยที่ฉันยังไม่ทันตั้งรับ จนร่างฉันกระเด็นไปกระแทกกลับต้นไม้ แต่มันก็ไม่ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดไปมากกว่าการที่เห็นเรียวอยู่ในสภาพเหมือนคนตายซากแบบนั้นหรอก
ในขณะที่ฉันพยายามลุกขึ้นเพื่อต่อสู่อีกครั้ง เรียวก็เดินมาขวาง และสบทออกมาเบาๆ
“ขอโทษนะ ยูริเธอคือผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่ฉันอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วย” เรียวหยิบธนูปราบปีศาจขึ้นมาและเลงไปยังหัวใจของปีศาจตนนั้น
“เจ้าไม่กล้ายิงร่างกายนี้หรอ เจ้ามนุษย์เอย”
“งั้นเหรอ!!" คำพูดสุดท้ายของเรียวก่อนปล่อยมือจากธนู แสงสีฟ้าวิ่งด้วยความเร็วสูง ตัดขั้วหัวใจของปีศาจ ทำให้ท้องฟ้ายามรัตติกาลกลับมาสงบอีกครั้ง
เรียวหันกลับมามองหน้าฉันที่ตอนนี้ ฉันกำลังเมินหน้าไปทางอื่นอยู่
“ขอโทษนะโอกิ ที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอ ยูริเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ฉันรัก และเธอได้จากฉันไปเพราะปีศาจ และมาวันนี้ปีศาจก็ใช้ร่างของเธอเพื่อล้อให้ฉันหลงกลแต่ทว่า ฉันรู้อยู่แล้ว เพราะรู้อยู่แล้วเลยไม่อยากให้โอกิต้องเป็นอันตรายสุดท้ายฉันก็พลาด ทำให้เธอเจ็บตัวจนได้ ขอโทษนะ โอกิ”
เรียวพูดโดยไม่หันหน้ามามองฉันเช่นกัน แต่ทำไม่หัวใจของฉันมันถึงเจ็บปวดแบบนี้นะ
“ไม่ต้องโทษหรอก เพราะยังไงฉันก็ต้องมาช่วยผู้เป็นนายของฉันอยู่แล้ว” ฉันพูดโดยที่ไม่มองหน้าเรียวเช่นกัน
แสงแดดยามเช้าของรุ่งอรุณกำลังมาถึง มันสาดส่องที่เราสองคนที่ตอนนี้ต่างคนต่างไม่มองหน้ากัน ลมที่พัดยามรุ่งอรุณของวันนี้ทำไมมันหนาวกว่าทุกวัน มันหนาวจนทำให้ร่างกายฉันสั่นไหว ราวกับจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
......................................
ผมยืนมองแผ่นหลังของโอกิที่ตอนนี้กำลังเดินจากผมไป เส้นผมที่ยาวของเธอกำลังพลิ้วไหวไปกับแรงลม แววตาที่ดูราวเหมือนกำลังเจ็บปวด แผ่นหลังที่สั่นไหว มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดที่พูดแบบนั้นออกไป แต่ถึงยังไงคำพูดที่ผมเคยพูดออกไปกับ โอกินั้นคือความ จริงใจที่ผมมีต่อเธอ