ไปกันหรือยัง แม่แจ๋ม จังหวัดลำปาง 2
มาเที่ยวกันต่อ กับ สถานที่ที่เป็นธรรมชาติ โพสต์ที่แล้วเราทิ้งท้ายกันไว้ ที่พักโฮมสเตย์ แน่นอนพักแล้วก็ต้องทานอาหาร เมนุหลัก อาหารเช้า - เย็น สำหรับบริการนักท่องเที่ยวผู้เข้าพักโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นเมนูแบบง่าย ๆ ราคาไม่แพงนักอยู่ที่ คา 30 – 40 บาท ต่อ 1 อย่าง รวมราคา ทั้งชุดเมนูหลักแล้ว จะตกที่ประมาณ 150 – 300 บาท เป็นไงละได้ยินแล้วตกใจราคาใช่ไหม
ไปต่อกันเลยขึ้นมาภาคเหนือทั้งที ก็ต้องไปแวะหาสตอเบอรี่ลูกโตๆกันหน่อย ครั้งนี้ก็พาไป ณ ไร่เพาะปลูกสตอเบอรี่ กลุ่มเกษตรกร ชาวเขา ชุมชนบ้านป่าคา สันติ จากบริเวณทางเข้า ศาลาประชาคมประจำหมู่บ้าน ด้านซ้ายมือ ก่อนถึง ป้ายบอกชุมชนต้นแบบ ฯ ตรงเข้าไป ประมาณ 500 เมตร จะเจอทางเลี้ยวเข้า ด้านขวามือ (ฝั่งเดียวกันกับศาลาประชาคมหมู่บ้านชุมชนบ้านแม่แจ๋ม ตรงบริเวณทางแยกปากทางเข้า ศาลาประชาคม หมู่บ้าน) ไม่มีป้ายบอกทางเข้า ไร่เพาะปลูก สตอเบอรี่ จะมีทางเดินเข้า หรือ สามารถนำรถยนต์เข้าไปได้ ประมาณ 100 เมตร โดย การขายสตอเบอรี่ สามารถ ซื้อสด ได้ 2 ลักษณะ คือ แบบซื้อตรงจากจุดวางขาย ซึ่งได้จัดเก็บ ทำการคัดแยกเตรียมไว้ เรียบร้อยแล้วโดย เกษตรกรเจ้าของไร่ , แบบเก็บด้วยตนเอง ตามความพอใจ หรือ ตามความต้องการ โดยนำอุปกรณ์ ที่ ทางเกษตรกร ชาวไร่ จัดเตรียมไว้ให้ แล้วนำมาคิดราคามาตรฐาน
โดยมีกำหนด เกนฐ์มตราฐาน ดังนี้ ช่วงฤดูหนาว เดือน ธันวาคม - ต้นเดือนมกราคม จะมีราคาสูง ที่ กิโลละ 200-300 บาท ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ – เมษายน อยู่ที่ กิโล ละ 100-200 บาท โดยวิธีการเก็บรักษา ให้รับประทานได้นานๆ ทำได้โดยการสังเกต ดังนี้ คือ
1 หากเป็นลูกสตอเบอรรี้สีแดง สุกปลั่ง ฉ่ำ จัด จะเก็บได้ ประมาณ 1 คืน หรือ 1 วัน หรือ อาจต้องรับประทานในทันที
2. สตอเบอรี่ที่ สีไม่เป็นสีแดงเข้มจัด หรือมีลักษณะ สีกึ่งสุก ดิบ สามรถ เก็บได้ นาน (หากแช่ตู้ทำความเย็น) 2-3 วัน เพื่อ รับประทาน. โดยรวมแล้ว มี ไร่สตอเบอรี่เพื่อเปิดบริการแก่นักท่องเที่ยว ที่สนใจ เข้าเยี่ยมชม และ ซื้อสตอเบอรี่ จากไร่ กลับไปเป็นของฝาก จำนวน 3 แห่ง แต่ ขณะเดียวกัน มีเพียง ไร่ สตอเบอรี่ เพียง 1 แห่ง ที่ เป็นที่รู้จักในหมู่ นักท่องเที่ยว ที่เปิดให้บริการ เนื่องด้วย ไร่สตอเบอรี่ อีก 2 แห่ง ที่เลหือ ไม่เป็นที่รู้จัก และ มีการนำเสนอ แนะนำ แก่นักท่องเที่ยว หรือ ป้ายบอกเส้นทาง เข้าเยี่ยมชม แก่ เจ้าของผู้เป็นเกษตรกร ไร่สตอเบอรี่ ในช่วงฤดูกาลหลัก สำหรับการเก็บเกี่ยวสตอเบอรี่ นั้น จะมีจุดหลัก ๆ ที่ส่งขาย คือ โรงพยาบาลเมืองปาน และ ส่งขาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง ไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงเป็นสาเหตุ ของราคา ที่สูง
มาดูอีกหนึ่ง ภูมิปัญญา ท้องถิ่น การนำวัตถุดิบ ที่มี ในธรรมชาติ มาทำ เหล้ายาดองสมุนไพร 35 ดีกรี คือ ผลบ๊วยดิบ จากต้น ที่เริ่มแก่ นำมาผสมเหล้ากลั่น แล้วเพาะบ่มไว้ เป็นระยะเวลายาวนาน ถึง 6 เดือน จึงจะ ได้ที่ กับรสชาติ พร้อมคุณประโยนช์ คือ ช่วยในเรื่องขังการเนเลือดลม ไม่ติดขัด บำรุงสุขภาพ ให้กระปี้กระเปล่า มีรสชาติ หวาน ออกเปรี้ยว นิดๆ และ อาจฟาดบาง หอมกินผลบ๊วยที่ถูกดอง มายาวนาน
สภาพแวดล้อม โดยทั่วไป นับตั้งแต่ทาทงเข้า ชุมชนท่องเที่ยวบ้านแม่แจ๋ม สองฝั่งทาง จะพบร้านค้าบ้านเรือน และ จะได้พบกับบรรยากาส กระบวนการผลิตกาแฟนับแต่ การล้างคัดแยก การแกะเปลือกเมล็ดกาแฟ พันธุ์อาราบิกา โดยใช่เครื่อง การผึ่งเมล็ดกาแฟ ของชาวบ้านชุมชนบ้านแม่แจ๋ม ไปจนถึง พบ แปลงเกษตรเพาะชำดอกกล้วยไม้ โครงการหลวงในพระราชดำริ พันธ์ซีมีเดียม
วัดประจำชุมชน บ้านแม่แจ๋ม ซึ่งมีเรื่องเล่ามาแต่อดีต ชื่อ วัดเวียงหวาย จากภาพแรก มองจากระยะใกล้ จะพบ เห็น องค์พระปางคืมารวิชัย สีขาว ขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดแต่ไกล ทางขึน วัดเวียงหวาย ชุมชนบ้านแม่แจ๋ม จะเป็นทางลาดพื้นปูน ทางเดิน ขึ้นเชิงเขา หลัง เข้าสู้เขตชุมชนบ้านแม่แจ๋มและ เลยผ่าน ศาลาไหว้ผีประจำชุมชน ขึ้นมาสักเล็กน้อย จะพบ ทางขึ้นวัดเวียงหวาย วัดเวียงหวาย จะประกอบด้วย กุฏิที่พักเจ้าอาวาส , อุโบสถ ซึ่ง บริเวณ ลานกว้าง บริเวณด้านหน้าองค์พระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ใหญ่ ถือเป็นจุดชมวิว อีกจุดหนึ่งที่ สามารถมองเห็นชุมชนบ้านแม่แจ๋ม โดยกว้าง ทั้งหมด
พรุ่งนี้ไว้จะเก็บภาพ ณ จุดชมวิว บ้านแม่แจ๋ม มาฝากนะจ๊ะ ติดตามกันต่อนะ ขอบพระคุณค่ะ