หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

การคลุมฮิญาบในศาสนาอิสลาม

โพสท์โดย muslim90

ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่า ปัจจุบันมีพี่น้องต่างศาสนารู้จักผ้าคลุมฮิญาบกันมากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคน ที่ยังไม่เข้าใจว่า ฮิญาบของศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร"

วันนี้ เราจะมาทำความเข้าใจกัน นะคะ


"ฮิญาบ" ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษ เราจะใช้คำว่า "Cover" คะ ซึ่งมีความหมายในภาษาไทยว่า "ครอบคลุม"การใส่ผ้าครอบคลุม หรือ การใส่ผ้าคลุมฮิญาบ ตามหลักการศาสนาอิสลาม มีเงื่อนไขอยู่หลายข้อทีเดียว แต่เงื่อนไขที่ท่านศาสดากำชับมาอย่างเหนียวแน่น

มีทั้งหมด 8 เงื่อนไข ดังนี้คะ

 

เงื่อนไขที่ 1

ฮิญาบต้องปกปิดร่างกายทั้งหมด ยกเว้นส่วนที่อนุญาตให้เปิดได้ คำดำรัสของอัลลอฮ์ ความว่า “โอ้นะบีเอ๋ย ! จงกล่าวแก่บรรดาภริยาของเจ้า และบุตรสาวของเจ้า และบรรดาหญิงของบรรดาผู้ศรัทธา ให้พวกนางดึงเสื้อคลุมของพวกนางลงมาปิดตัวของพวกนาง นั่น เป็นการเหมาะสมกว่าที่นางจะเป็นที่รู้จัก เพื่อที่พวกนางจะไม่ถูกรบกวน และอัลลอฮฺทรงเป็นผู้อภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ”

สำหรับอายะแรก เป็นการระบุอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นในการปกปิดสิ่งที่เป็นเครื่องประดับ ไม่อนุญาติให้เปิดเผยสิ่งใดจากเครื่องประดับ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ไม่ใช่มะฮฺรอม นอกจากสิ่งที่เปิดเผยได้ โดยไม่ได้เจตนา ถือว่านางไม่มีบาปเมื่อรีบที่จะปกปิดมัน ท่านฮาฟิซ อิบนู กะซีรได้กล่าวไว้ในหนังสือ ตัฟซีรของท่าน (อธิบายอายะห์ข้างต้น) หมายความว่า “พวกนางจะต้องไม่เปิดเผยสิ่งใดที่เป็นเครื่องประดับแก่บุคคลที่สามารถแต่งงานกันได้ นอกจากสิ่งที่ไม่สามารถจะทำการปกปิดได้”

 

เงื่อนไขข้อที่ 2

ผ้าคลุมฮิญาบต้องไม่มีการประดับประดาในตัวของมัน คำดำรัสของอัลลอฮ์ ความว่า “พวกนางอย่าได้เปิดเผยเครื่องประดับของพวกนาง”{ ولا يبدين زينتهن } สำหรับอายะห์นี้ครอบคลุม เสื้อผ้าที่สวมใส่แล้วดึงดูดความสนใจ ซึ่งมีเครื่องประดับ ที่ทำให้บรรดาผู้คนเกิดความสนใจต้องชำเลืองสายตามองเสื้อผ้าของนาง

และหลักฐานที่มายืนยันในเรื่องดังกล่าว คำดำรัสของอัลลอฮฺ ความว่า “และพวกนางจงอยู่ในบ้านของพวกนาง และพวกนางอย่าได้ทำการอวดโฉมเหมือนกับการอวดโฉมของคนยุคงมงายแรกๆ” (ซูเราะห์อัลอะซาบ อายะที่ 33 )

 

และคำพูดของท่านนบี “บุคคลสามประเภท จะไม่ถูกถามถึงพวกเขา(ถูกทอดทิ้ง)

ชายที่ละทิ้งญะมาฮะห์(กลุ่มมุสลิม) และเขาฝ่าฝืนผู้นำของเขา และตายในสภาพที่ยังฝ่าฝืน(ฝ่าฝืนผู้นำ) ทาสหญิง หรือทาสชายที่หนีจากเจ้านาย
และผู้หญิงที่เมื่อสามีของนางไม่อยู่ โดยที่สามีของให้ความสะดวกในการดำเนินชีวิตเพียบพร้อมทุกอย่าง แต่นางกลับแต่งตัวยั่วยวน(ผู้อื่น)เมื่อสามีไม่อยู่
ดังนั้นพวกเขาจะไม่ถูกถามถึง(ถูกทอดทิ้ง)”

(บันทึกโดยอัลหากิม 1/119 ฮะหมัด 6/19 และหะดีษของท่านฟาดอละห์ บินตฺ อุบัยดฺ สายรายงานของเขาถูกต้อง ซึ่งอยู่ในหนังสือ อัลอาดะบุลมุฟรอต)

 

เงื่อนไขข้อที่ 3

เนื้อผ้าจะต้องไม่บาง เนื่องจากการปกปิดถือว่ายังไม่เกิดขึ้น เมื่อสิ่งที่นำมาปกปิดยังบางอยู่ สำหรับการสวมเสื้อผ้าที่บางเป็นการทำให้(ฟิตนะ)ความไม่ดีเพิ่มขึ้น และยังถือว่าเป็นการประดับประดาอยู่

 

يقول صلى الله عليه وسلم : "سيكون في آخر أمتي نساء كاسيات عاريات على رؤوسهن كأسنمة البخت العنوهن فإنهن ملعونات " زاد في حديث آخر :"لا يدخلن الجنة ولا يجدن ريحها وإن ريحها لتوجد من مسيرة كذا وكذا " . رواه مسلم من رواية أبي هريرة .

สำหรับเรื่องดังกล่าวท่านนบี ได้กล่าวว่า “จะปรากฏขึ้นในช่วงท้ายๆ ของประชาชาติของฉัน ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าแต่ยังเหมือนเปลือยกายอยู่ บนศีรษะของพวกนางนั้นคล้ายกับโหนกอูฐ พวกท่านจงสาปแช่งพวกนาง เพราะว่าพวกนางนั้นถูกสาปแช่ง”

และมีสำนวนที่เพิ่มอีกสายรายงานหนึ่ง
“พวกนางจะไม่ได้เข้าสวรรค์ และพวกนางจะไม่ได้กลิ่นไอของสวรรค์ เพราะแท้จริงกลิ่นไอของสวรรค์ ระยะทาง อย่างนั้น อย่างนั้น”
(บันทึกโดย อิหม่ามมุสลิม จากสายรายงานของท่าน อาบูฮุรัยเราะห์ )

 

ท่าน อิบนู อับดุลบิรได้กล่าวว่า ท่านนบี ได้หมายถึงผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้า และเสื้อผ้านั้นยังบางอยู่ ไม่สามารถปกปิดเอาเราะห์ได้ ดังนั้นพวกนางก็เป็นผู้ที่สวมใส่เสื้อผ้าแต่ในความเป็นจริงก็เหมือนเปลือยกายอยู่

 

(รายงานจาก อัซซูยูตีย์ในหนัง ตันวีร อัลหาวาลิกเล่มที่3/103)

 

เงื่อนไขข้อที่ 4

เสื้อผ้าจะต้องไม่รัดรูป จนเห็นทรวดทรง เพราะจุดประสงค์ของการใช้ให้คลุมฮิญาบ คือต้องการปกป้องผู้หญิงจากความไม่ดีงาม(จากการเปิดเผยเอาเราะห์) ดังนั้นหากไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่กว้างแล้ว ก็ถือว่าไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในเรื่องนี้ การใส่เสื้อผ้าที่รัดรูป ถึงแม้จะปกปิดผิวหนังแล้ว แต่ยังคงเปิดรูปร่างทรวดทรง หรือเปิดเผยบางส่วนของรูปร่าง และการแต่งตัวที่รัดรูปไม่สามารถทำให้รอดพ้นจากสายตาผู้ชายได้ และยังเชิญชวนสายตาที่มองมา ด้วยกับการมองนั้นเป็นสาเหตุที่นำไปสู่สิ่งไม่ดี ดังนั้นการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ไม่รัดรูปจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ท่านฮูซามะห์ บุตรชายของท่านเซด ได้กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้สวมเสื้อ กิบตียะห์ที่หนาให้กับฉัน ซึ่ง ท่านดาฮียะ อัลกัลบีย์ได้มอบเป็นของขวัญให้แก่ท่านนบี แล้วฉันก็ได้นำเสื้อผ้านั้นไปสวมให้แก่ภรรยาของฉัน แล้วท่านนบีได้กล่าวว่า ทำไมท่านไม่สวมเสื้ออัลกิบตียะห์ ฉันตอบไปว่า ฉันได้สวมมันให้แก่ภรรยาของฉัน ท่านรอซูลได้กล่าวว่า

“ท่านจงกำชับนางให้นางใส่มันไว้ใต้เสื้อคลุม เพราะว่าแท้จริงฉันกลัวว่า การสวมเสื้อผ้าของนางจะทำให้เห็นรูปร่างของนาง”

(บันทึกโดย อัดดิยาฮฺ อัลมูกอดดีซีย์ ในหนังสือ อัลอะหาดีษ อัลมุคตาร 1/441 และท่านอะหมัด วัลบัยฮากีย์ ด้วยสายรายงานที่ดี)

 

เงื่อนไขข้อที่ 5

 

ต้องไม่ใส่เครื่องหอม น้ำหอม มีหะดีษมากมายที่ห้ามผู้หญิงไม่ให้ใส่น้ำหอม เมื่อนางออกจากบ้าน และขอนำเสนอหลักฐานที่มีสายรายงานที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

มีรายงานจากท่าน อาบีมูซา อัลอัชอารีย์ได้กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า

 

“ผู้หญิงคนใดก็ตาม ที่นางนั้นได้ใส่น้ำหอม แล้วนางได้ผ่านไปยังผู้คน(หมายถึงผู้ชาย) เพื่อที่จะให้พวกเขาได้รับกลิ่นหอมที่มาจากตัวนาง ก็เท่ากับว่านางนั้นเป็นผู้ที่ผิดประเวณี”

 

มีรายงานจากท่านซัยหนับ อัซซอกอฟียะห์ แท้จริงท่านนบี กล่าวว่า

 

“เมื่อผู้หญิงคนใดจากพวกนางได้ออกไปยังมัสยิด ดังนั้นพวกนางก็อย่าได้ใส่น้ำหอม”

 

มีรายงานจากท่าน อาบู ฮูรัยเราะห์ได้กล่าวว่า แท้จริงท่านนบี ได้กล่าวว่า

 

“ผู้หญิงคนใดก็ตาม ที่นางนั้นได้ใส่น้ำหอมนางอย่าได้มาละหมาดอีดร่วมกับพวกเรา”

 

มีรายงานจากท่าน มูซา บิน ยาซาร จากท่าน อาบีอูรัยเราะห์

 

“แท้จริงผู้หญิงคนหนึ่งได้ผ่านมายังเขา แล้วกลิ่นของนางก็ได้โชยมา(หมายถึงกลิ่นน้ำหอม)

ท่าน อาบูอูรัยเราะห์กล่าวว่าโอ้หญิงสาวผู้หยิ่งยโสเธอต้องการที่จะไปมัสยิดใช่ไหม?

ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า ใช่แล้ว

ท่านอาบูอุรัยเราะห์ถามนางว่า เธอใส่น้ำหอมใช่ไหม?

นางตอบว่า ใช่ อาบูอูรัยเราะห์กล่าว เธอจงกลับไป แล้วไปอาบน้ำ(เพื่อขจัดกลิ่นน้ำหอม) เพราะว่าแท้จริงฉันได้ยิน ท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า

 

“ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็ตามที่นางได้ออกไปยังมัสยิดแล้วกลิ่นของนาง(หมายถึงกลิ่นน้ำหอม)ได้โชยออกไป

 

อัลลอฮฺจะรับละหมาดจากนางนั้น ก็ต่อเมื่อนางได้กลับไปยังบ้านของนางแล้วนางอาบน้ำ (เพื่อขจัดกลิ่นน้ำหอม)”

 

สำหรับหลักฐานต่างๆ ได้กล่าวแบบภาพรวม ซึ่งในหะดีษได้ชี้ให้เห็นว่า การใส่น้ำหอมมักจะใส่ตามร่างกายและเสื้อผ้า โดยเฉพาะหะดีษที่ได้กล่าวถึงการใช้น้ำหอมที่เสื้อผ้าเป็นการเฉพาะ สาเหตุที่ห้ามใส่น้ำหอม เนื่องจากการใส่น้ำหอมของผู้หญิงจะมากระตุ้นอารมณ์ความต้องการทางเพศ โดยนักวิชาการได้นำเรื่องการใส่น้ำหอมไปรวมอยู่ในความหมาย ของการใส่เสื้อผ้าที่สวยงามที่มีการประดับประดาด้วยเครื่องประดับ และมีความหมายรวมอยู่กับการปะปนกับผู้ชาย (ให้ดู ฟัตหุลบารีย์ 2/279)

 

ท่านอิบนู ดากีกอัลอีด ได้กล่าวไว้ว่า “ในหะดีษได้ห้ามการใส่น้ำหอมสำหรับผู้หญิงที่ต้องการจะไปมัสยิด เนื่องจากการใส่น้ำหอมนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศแก่ผู้ชาย” ท่านอัลมานาวีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ฟัยดุลกอดีร ในการอธิบายหะดีษของท่านอาบูฮูรอยเราะห์หะดีษที่หนึ่ง

 

เงื่อนไขข้อที่ 6

 

จะต้องไม่เป็นการแต่งกายเลียนแบบผู้ชาย ได้มีปรากฏในหะดีษที่ถูกต้องถึงการสาปแช่งผู้หญิงที่ทำตัวเลียนแบบผู้ชายในการแต่งตัว หรือเรื่องอื่นๆ

 

รายงานจากท่านอาบูฮูรัยเราะห์ ได้กล่าวว่า

 

“ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้สาปแช่งผู้ชายที่เลียนแบบการแต่งกายของผู้หญิงและผู้หญิงที่แต่งกายแบบผู้ชาย”

 

มีรายงานจากท่าน อับดุลลอฮฺ อิบนู อัมรฺ ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺ กล่าวว่า

 

“ ไม่ถือว่าเป็นพวกของเรา บรรดาผู้หญิงที่ไปเลียนแบบพวกผู้ชาย และบรรดาผู้ชายที่เลียนแบบพวกผู้หญิง”

 

มีรายงานจากท่าน อิบนูอับบาสได้กล่าวว่า

 

“ท่านนบี ได้สาปแช่งบรรดาผู้ที่ทำตัวเหมือนผู้หญิง(กะเทย)จากบรรดาผู้ชาย และสาปแช่งพวกที่ทำตัวเหมือนผู้ชาย(ทอม)จากบรรดาผู้หญิง

 

และท่านได้กล่าวว่า ให้พวกท่านไล่พวกเขาออกจากบ้าน แล้วท่านนบีได้ให้คนคนหนึ่งออกไป และท่านอุมัรได้ให้คนหนึ่งออกไป”

 

และมีอีกสำนวนหนึ่ง “ท่านนบี ได้สาปแช่ง บรรดาผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนผู้ชาย และบรรดาผู้ชายที่ทำตัวเหมือนผู้หญิง”

 

มีรายงานจากท่าน อิบนู อาบีมาลีกะ ชื่อจริงของเขาคือ อับดุลลอฮฺ อิบนุ อุบัยดฺ เขาได้กล่าวว่า ได้มีคนกล่าวกับท่านหญิงอาอิชะห์รอฏิยัลลอฮู อันฮาว่า

 

“แท้จริงผู้หญิง ที่นางสวมรองเท้านั้น (หมายถึงรองเท้าเหมือนผู้ชาย) ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้สาปแช่ง ผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนผู้ชาย”

 

สำหรับหะดีษที่กล่าวมานี้เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ ถึงการห้ามผู้หญิงเลียนแบบผู้ชายและผู้ชายเลียนแบบผู้หญิง ซึ่งครอบคลุมการเลียนแบบการแต่งกายและสิ่งอื่นๆ สมควรที่มุสลิมต้องรู้หลักฐานที่ถูกต้องในข้อนี้ ซึ่งอยู่มีมากมายในอัลกุรอาน และอัซซุนนะห์ และหากว่าในอัลกุรอานกล่าวไว้แบบรวมๆไม่ละเอียดมาก แน่นอนอัซซุนนะห์จะมาอธิบายอัลกุรอานอยู่เสมอ

 

เงื่อนไขข้อที่ 7

 

อย่าแต่งกายเลียนแบบบรรดาผู้หญิงที่ปฏิเสธศรัทธา เมื่อได้มีการกำหนดในบทบัญญัติว่า ไม่อนุญาตสำหรับบรรดามุสลิมไม่ว่าชายหรือหญิง ไปเลียนแบบบรรดาผู้ปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบประเพณี หรืองานรื่นเริงการเฉลิมฉลอง หรือการเลียนแบบเรื่องแต่งกาย ที่เป็นเครื่องแต่งกายเฉพาะสำหรับผู้ปฏิเสธ ถือว่าเป็นกฎเกณฑ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในบทบัญญัติอิสลาม

 

ปัจจุบันมุสลิมจำนวนมากที่ออกนอกกฎเกณฑ์นี้ จนกระทั่งถึงขั้นไปขอความช่วยเหลือจากบรรดาผู้ปฏิเสธในเรื่องของศาสนา และทำหน้าที่เรียกร้องมาสู่ศาสนา ทั้งที่ไม่ความรู้ในศาสนา ทำให้เกิดความผิดเพี้ยน โน้มเอียงไปยังค่านิยมของชาวยุโรปที่ปฏิเสธศรัทธา เป็นสาเหตุที่ทำให้มุสลิมตกต่ำและอ่อนแอ ทำให้ต่างชาติเข้ามามีอำนาจเหนือบรรดามุสลิม และทำการยึดครองประเทศของพวกเขา ดังคำดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง ความว่า

 

“แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงกลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวของพวกเขาเอง”

 

เงื่อนไขข้อที่ 8

 

เสื้อผ้านั้นต้องไม่เป็นเสื้อผ้าชุฮฺเราะห์ หมายถึง สวมใส่เพื่อการโอ้อวด เสื้อผ้าที่ราคาแพงเกินความจำเป็น และฟุ่มเฟือย

فلحديث ابن عمر رضي الله عنه قال: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم " من لبس ثوب شهرة في الدنيا ألبسه الله ثوب مذلة يوم القيامة ثم ألهب فيه ناراً". حجاب المرأة المسلمة " ( ص 54 - 67 ) .

 

มีหะดีษของอิบนุ อุมัรรอฎิยัลลอฮุ อันฮุได้กล่าวว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า

 

“ใครที่สวมเสื้อผ้าชุฮเราะห์(หมายถึงสวมใส่เพื่อการโอ้อวด เสื้อผ้าที่ราคาแพงเกินความจำเป็น และเป็นการฟุ่มเฟือย)ในโลกดุนยา อัลลอฮ์ จะสวมใส่ให้แก่เขาในวันกิยามะห์ เสื้อผ้าแห่งความตกต่ำ หลักจากนั้นพระองค์ได้ให้ไฟลุกที่เสื้อนั้น”

 

จากที่ได้อ่านกันมาแล้ว ก็จะสามารถสรุปได้ว่า "การไม่คลุมฮิญาบ กับ การคลุมฮิญาบแต่ผิดเงื่อนไข" ก็มีบทลงโทษที่ไม่แตกต่างกัน

โพสท์โดย: muslim90
แหล่งที่มา: http://www.islammore.com/view/2736
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
muslim90's profile


โพสท์โดย: muslim90
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิจารณ์สนั่น! เวที Miss Planet "แคมโบเดีย" โชว์เปิดการประกวด ด้วยรำไทย โดนจวกด้านมาก!ลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ 210 บาทไม่ยั้ง ชาวเน็ตห่วงร้านขาดทุน เจ้าของเผยคำตอบพลิกความคาดหมายศพถูกพบอย่างต่อเนื่อง เมื่อหนุ่มชาวอินโดนีเซียถูกงูเหลือมยักษ์กลืนกินทั้งเป็นในสวนปาล์ม ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการผ่าท้องเพื่อดูสภาพศพ ทำให้เกิดความตกใจอย่างมากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 43 ปีเผยเสียใจ หลังเผลอมีความสัมพันธ์กับหนุ่ม 19 ปีบ๊อบ ทูน หิรัญทรัพย์ เผยป่วยเบาหวานขึ้นตา ตาขวาบอดสนิท ตาซ้ายเห็นเพียง 30%native: ชาวพื้นเมือง"แพท ณปภา" สะดุด! นั่งฟัง "พี ชานนท์"คุยกับเพื่อน แต่เพื่อนหล่อเกินต้านการติดเกม อาจเสี่ยงมีปัญหาทางจิตเวชแอบซ่อนอยู่ ?ชีวิตในคุก แอนนาน้ำหนักลง 10 กิโล ไม่ได้สุขสบาย หลังศาลตัดสิน ต้องโทษ 100 ปีต้นไม้เหลว : นวัตกรรมแห่งอนาคตที่สร้างลมหายใจใหม่ให้กับโลกขมิ้น สมุนไพรที่มีส่วนช่วยให้ผิวสวย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดีกัมพูชาสไตล์ มัดรวมดราม่าจากเวที Miss Planet International 2024
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
บ๊อบ ทูน หิรัญทรัพย์ เผยป่วยเบาหวานขึ้นตา ตาขวาบอดสนิท ตาซ้ายเห็นเพียง 30%native: ชาวพื้นเมืองนราธิวาสวิกฤติ ประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินนศ.วิทยาลัยบังกลาเทศ 3 แห่ง ยกพวกตีกันยับบนถนนหลวงเพจดัง แฉ สาวซิ่งบีเอ็มชนยับเสยท้ายรถจักรยานยนต์ที่มีแม่กับลูกอีก 2 คนจนเสียชีวิต.
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เรื่องหลอน "ดงผีสุเหร่า"อาถรรพ์ "บ้านไม้ริมน้ำ"สุดเฮี้ยนผีหัวขาดอาถรรพ์สยอง "รถบัสผี"
ตั้งกระทู้ใหม่