หุบเขาแสงจันทร์ ตอนที่ 40 (ความลับในคลื่นลวง)
เสียงครื้นเครงดั่งงานเริงระรื่น
ยังคงได้ยินแว่วๆ แม้บูงอจะปิดประตูเรือนลงแล้วก็ตาม แสงไฟจากตะเกียงที่สาดส่องภายในเรือน เห็นเพียงเงาวาบไหวของหล่อนเพียงลำพัง เพราะสองป้าหลานยังคงอยู่ที่หน้าหาด คงจะดึกอยู่หรอกกว่าที่สองคนนั้นจะกลับมา
สำหรับบูงอ หล่อนไม่เคยมีความสุขใจที่จะเข้าร่วมงานพิธีนี้ได้เลยสักปี ทุกปีของค่ำคืนที่พระจันทร์ทอแสงสวย ห้วงเวลาที่เต็มไปด้วยเสียงรื่นเริงปรีดาของชาวบ้าน จิตใจของหล่อนกลับจมดิ่งสู่ความหลัง คิดถึงพ่อ พี่สาว และชายคนรัก มันเป็นแบบนี้มากว่าหกปีแล้ว มันจะต้องใช้เวลาอีกนานเนิ่นเพียงไหนหรือ ที่หล่อนจะลืมเรื่องราวทั้งหมดออกไปจากใจได้
หรือว่าจะไม่มีความสุขท้นทวีจากนี้จนตาย..
และมิหนำคืนนี้ หัวใจของหล่อนก็ยิ่งกว่าตายทั้งเป็น..กับคำบอกเล่าของซายอ
ทุกๆถ้อยคำของเขา มันตอกย้ำความช้ำใจให้มากขึ้น มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวของซานัม หล่อนไม่เคยมองคนรักของหล่อนในมุมร้ายๆ แต่สายสร้อยสีเงินอันเป็นอนุสรณ์แห่งรักที่เป็นหลักฐานซึ่งซายอมอบให้หล่อนในคืนนี้ ก็ทำให้หล่อนเริ่มคลอนแคลนในความรู้สึกของตนอยู่เหมือนกัน ความศรัทธาในรัก เหมือนจะเริ่มถูกกัดกร่อนด้วยคำบอกเล่าของซายอเมื่อครู่
สายสร้อยสีเงินที่ซานัมและหล่อนผลัดกันสวมใส่ไว้กับตัวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำไมถึงไปตกหล่นอยู่ที่นั่นได้ แล้วคืนที่พ่อและพี่สาวของหล่อนถูกฆาตกรรมตรงหน้าผา ซานัมก็ไม่ได้อยู่ที่เกาะนี้เลยสักนิด เขาและครอบครัวออกจากเกาะนี้ไปก่อนวันเกิดเหตุถึงสองวัน หรือทั้งหมดเป็นเพียงฉากลวงตา ที่ซานัมและครอบครัวหลอกให้หล่อนตายใจ และย้อนกลับมาตามล่าฆ่าทุกคนที่รู้ถึงความลับของผาเพชร
จริงๆแล้วครอบครัวซานัมและครอบครัวพ่อใหญ่บันลือ
วางแผนแยบยล ตามฆ่าทุกคน
และหวังจะเอาเพชรจากหน้าผาไปอย่างนั้นหรือ
แล้วความรักนั่นเล่า มันไม่มีค่าความหมายใดๆเลยหรอกหรือ
ตลอดเวลาที่ความรักของหล่อนและซานัมค่อยๆฟูมฟักและเติบโตมา พร้อมๆกับวัยวันที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงทั้งของเขาและหล่อน หล่อนรู้ว่าซานัมรักหล่อนเพียงไร แผ่นฟ้า ผืนทราย และน้ำทะเลที่รายล้อมชีวิต ต่างก็เป็นประจักษ์พยานในความรู้สึกนี้ได้ มันทำให้ยากที่จะฝืนใจเชื่อว่า เขาเป็นตัวตั้งตัวตีคนหนึ่งที่ฆ่าครอบครัวของหล่อน และเห็นความสำคัญของหินที่มีค่าเพียงแค่แสงส่องประกาย มากกว่าความรักที่เคยมีให้ต่อกันมานับนาน
หากแต่สายสร้อยสีเงินที่อยู่ในอุ้งมือของหล่อนในคืนนี้
มันทำให้หล่อนปวดร้าวจิตใจสิ้นดี
ที่ความฝืนใจเชื่อ เริ่มค่อยๆพังทลายลง.. อีกครั้ง
มันค่อยๆเริ่มกลายเป็นความเชื่อแบบมีเหตุผล
ประจักษ์พยานและหลักฐาน..
มันเริ่มทำให้ซานัมเริ่มดิ้นไม่หลุด
หากจะถูกตราหน้าว่าคือ.. ฆาตกร
บูงอเริ่มหวนทบทวนย้อนวันที่ซานัมและพ่อใหญ่บันลือปะหน้าปะคารมกันอีกหน ทุกถ้อยคำของการโต้เถียงยังเด่นชัด พ่อใหญ่บันลือเป็นคนพูดเองว่าเป็นคนฆ่าพ่อกับพี่สาวของหล่อน แล้วสายสร้อยสีเงินของซานัมไปตกอยู่ที่นั่นได้อย่างไร
จริงสินะ..หล่อนเพิ่งนึกสังเกตได้
เช้าวันที่ซานัมกลับมาที่ฝั่ง ยามสายๆของห้วงเวลานั้น จิตใจของหล่อนหมกมุ่นอยู่กับความโศกเศร้า หากแต่หล่อนก็พอจำได้อยู่ว่าไม่เห็นสายสร้อยสีเงินที่คอของซานัม หากแต่หล่อนก็ไม่ได้ท้วงถาม เพราะว้าวุ่นอยู่กับการเสียชีวิตของพ่อและพี่สาว และซ้ำเย็นย่ำเดียวกันนั้นเขาก็หายไปจากเรือน แล้วหล่อนก็มาพบเจอเขาอีกเป็นครั้งสุดท้ายที่แอ่งน้ำจืดท้ายเกาะ ท่ามกลางการประจันหน้าระหว่างเขากับพ่อใหญ่บันลือ
บูงอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวบนเหตุผล
คำโต้เถียงระหว่างซานัมกับพ่อใหญ่บันลือ แม้จับความได้ว่าพ่อใหญ่บันลือเป็นคนลงมือฆ่าพ่อและพี่สาวของหล่อน แต่นั้นก็ใช่ว่าซานัมจะไม่รู้เห็น ในห้วงเวลาของความเป็นและความตาย เขาอยู่ฝ่ายพ่อใหญ่บันลือ ก่อนคิดกลับใจอย่างนั้นหรือ
ปริศนาการฆาตกรรมนับจากคืนนั้น จนถึงคืนนี้
หกปีผ่านมา ยังหาความกระจ่างแจ้งแก่ใจไม่ได้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งทรมานใจ ยิ่งหลักฐาน ยิ่งพยานเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งผูกมัดให้คนรักของหล่อน คือฆาตกรตัวจริงเข้าไปทุกที
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
ความเดิม ตอนที่ 3ึ9 https://board.postjung.com/1091910.html