พ่อแม่(อย่า)รังแกฉัน
ทุ่มเทเพื่อลูกมากไป..ใช่ว่าดี?!
"ปริญญา กับค่านิยมแบบไทยๆ"
ยุคสมัยนี้ พ่อแม่กำลังตีค่า
ใบปริญญาของลูก สูงเกินไป
จริงอยู่ เด็กควรเรียนให้จบ USA
อย่างน้อย ม.6 เมืองไทย ป.ตรี
แต่ไม่ใช่ว่า..
พ่อแม่ควรเอาทุนทรัพย์ทั้งหมด
ไปทุ่มให้ลูก เป็นสิบล้าน
กว่าจะส่งลูกเรียนจบ
เพื่อจะมาพบกับโลกความจริงว่า ...
เงินเดือน 15,000 ขาดตัว
พ่อแม่กับนายจ้างมองกันคนละแบบ
นายจ้างไม่ได้มองแบบนั้น
นายจ้างให้ค่าใบปริญญาถูกมาก
แต่ให้คุณค่าประสบการณ์สูงกว่า...
เค้าถามก่อนเลยว่า..
ลูกคุณเคยทำอะไรสำเร็จมาบ้าง
แล้วจะมาทำอะไรสำเร็จให้ที่นี่
ใบปริญญาแค่กุญแจ
เปิดประตูเข้าไปสัมภาษณ์งาน
ช่วงเริ่มต้นจบใหม่เท่านั้น
หลังจากอายุ 30
ใบปริญญายิ่งมีค่าลดลง...
ต่อให้ลูกเรียนโทจบนอกมา
เขายังไม่ค่อยอยากจ้างแพงๆเลยครับ
เพราะโลกเปลี่ยน..
เอารุ่นใหม่มาเทรน
ทำงานแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ทำได้
จ้างแพงไปก็ไม่มี Loyalty ไม่คุ้ม
(บางคนใช้เงินไป 20 ล้านเพื่อ ป.โท)
ดังนั้น พ่อแม่ชนชั้นกลางบางคน
ที่ทุ่มสุดตัว ส่งลูกเรียนรร.นานาชาติ
ปีละห้าแสน เสาร์อาทิตย์เรียนเสริม
ดนตรี เต้น บัลเลย์ เทควันโด้ นู่นนี่นั่น
แถมยังไปบอกลูกอีกว่า”…
ต่อให้พ่อแม่จะต้องหมดเนื้อหมดตัว
ต้องกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อให้ลูกได้เรียน
สิ่งที่ดีที่สุด พ่อแม่ก็ยินดี...”
แบบนี้อันตรายมาก
อย่าลืมว่า...
เงินที่คุณจะส่งลูกเรียน 20 ปี...
มันเป็นเงินก้อนเดียวกับที่
คุณต้องแบ่งมาลงทุน
เตรียมชีวิตเกษียณของคุณเองด้วย
ปัญหานี้ เกิดขึ้นแล้วกับบางครอบครัว
ที่เกาหลีใต้ พ่อแม่มีค่านิยมเอเชีย
ทุ่มเทให้ลูก ... 30 ปีผ่านไป
พ่อแม่คนเดิมกลายเป็นคนแก่
ไม่มีเงินใช้จ่ายตอนเกษียณ
อาศัยลูก .. เลยดึงลูก
กลายเป็นภาระ..
ลูกตุ้มเหล็กผูกมัดขาลูก
ส่งผลให้ลูกไม่สำเร็จไปด้วย
เพราะลูกต้องแข่งขันสูง
แต่เงินเดือนไม่สูง
แถมยังต้องเลี้ยงคนสูงอายุ
ที่ไม่มีเงินเก็บเลยอีกสองคน
ถ้าเรารักลูก ลองคิดไกลอีกนิด
ส่งลูกเรียนดีๆ อย่างพอเหมาะพอควร ...
จนไม่กลายเป็นการกดดัน
จากการลงทุนมากจนเกินไป
ลงทุน เตรียมเงินเกษียณตัวเองให้ดี
อย่าให้เป็นภาระลูกในอนาคต...ยิ่งสำคัญ..