หุบเขาแสงจันทร์ ตอนที่4 ปฐมบท..ทะเลแห่งชีวิต
แสงแห่งอรุณทำให้ซายอรู้สึกตัวตื่น เมื่อยามฟ้าสว่างมาได้ชั่วครู่ใหญ่.. เหมือนพายุฝนจะจางหายไปแล้วจนสิ้นเมื่อตอนฟ้าจวนสว่าง เพราะ ณ เวลานี้ มีเพียงหยดน้ำเล็กๆ บางๆ เบาๆ ไหลลู่จากหลังคาสังกะสีปีกเดียว ตกกระทบพื้นหญ้าข้างล่างเป็นระยะ
ซายอกวาดสายตาไปทั่วเพิงพัก นึกงุนงงอยู่เล็กน้อยเมื่อไม่พบชายฉกรรจ์ทั้งสามคนที่เขาพบเจอเมื่อคืน ..ชายหนุ่มลุกออกจากเพิงพักกวาดสายตาไปไกลจนถึงบริเวณหน้าหาดที่เขาจอดเรือก่าบางไว้ ภาพที่เห็นตรงหน้ามีเรือยนต์ใหญ่อีกลำมาจอดเทียบข้างใกล้เรือของเขา ชายฉกรรจ์สามคนที่เขาพบเจอเมื่อคืนที่เพิงแห่งนี้ ยืนพูดคุยกับใครบางคนอยู่ที่นั่น
ใครบางคนที่มองจากระยะไกลๆตรงนี้ คือชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งไม่คุ้นตา
ซายอรีบกลับเข้ามาที่เพิงพัก ปลุกน้องให้ตื่นเพราะต้องรีบออกเรือไปยังเกาะใหญ่ เมื่อนึกถึงอาการป่วยไข้ของคนเป็นแม่ที่รอยาอยู่ ทำให้ละมอแทบไม่ได้ไถ่ถามความใดๆ นอกจากรีบเดินตามผู้เป็นพี่ออกไปยังเรือก่าบางตรงหน้าหาด
ซายอรีบก้าวเท้าเดินไปยังบริเวณหน้าหาดที่กลุ่มชายฉกรรจ์และหนุ่มสาวยืนพูดคุยกัน ในขณะที่ทั้งกลุ่มนั้นเริ่มทยอยหันมามองคนทะเลทั้งสอง ซึ่งกำลงมุ่งเดินตรงดิ่งมาหาพวกเขา
และเมื่อซายอก้าวเดินมาอยู่ประจันหน้าคนทั้งหมด เขาก็เริ่มต้นคำถามไม่รีรอ
“พวก...สองคนใช่ไหมที่จะมาสร้างที่ทางบนเกาะนี้”
ละมอก้าวเท้าเดินมาประชิดอยู่หลังพี่ชาย จ้องมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจ
ชายหนุ่มรุ่นราวสามสิบต้นๆ ก้าวเท้ามายืนประจันคนทะเล
“ใช่สิครับ ผมจะมาทำรีสอร์ทบนเกาะนี้”
“พวก...จะมาสร้างที่ทางแบบฝั่งเมืองฟากโน้นไม่ได้ เพราะเกาะแถวนี้เป็นของพวกกู” เสียงของซายอจริงจังขึ้นในฉับพลัน
“ใช่ แล้วทั่วน่านน้ำทะเลทั้งหมด ก็เป็นของพวกกู” เสียงของละมอดังขึ้น บอกความเป็นเจ้าของสิทธิ์ในธรรมชาติย่านนี้อย่างทะนงใจ
หญิงสาวรุ่นราวยี่สิบปลายๆในชุดสวยเต็มไปด้วยสีสัน สวมใส่หมวกสีขาวปีกกว้างกันแดด ก้าวเดินมาอยู่ข้างๆชายหนุ่มของหล่อน
“มันคืออะไรกันคะพี่วิชิต” เจ้าหล่อนงงว่าใครเป็นเจ้าของอะไร คนทะเลป่าพวกนี้หรือคือเจ้าของ ไร้สาระแท้ๆ
“พวกคนทะเลเร่ร่อนแถวนี้ มันว่ามันเป็นเจ้าของเกาะนี้ ก็แค่นั้นแหละรตี” วิชิตหันไปบอกหญิงสาวคนสวย อย่างที่ตนเองคิดว่าจะใช่
หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อว่า “รตี” ก้าวเท้ามายืนประจันแทบประชิดพวกยิปซีทะเล ผิวพรรณของหล่อน ผิวพรรณของคนทะเลทั้งสองคือขาวกับดำ ต่างกันสิ้นดี
“นี่ พวกแกจะบ้าเหรอไงนะ ใครเป็นเจ้าของ ฉันกับพี่วิชิตได้สัมปทานจากทางการมาเรียบร้อย และเราก็มีเอกสารสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้บนเกาะแห่งนี้”
“สัมปะทงสัมปะทานอะไรของพวก... กูไม่เข้าใจด้วยหรอก” สายตาของซายอจ้องมองอย่างเอาเรื่อง อย่างคนที่รู้สึกกำลังจะถูกแย่งของรักดั่งชีวิต “เกาะทั้งหมดในน่านน้ำทะเล มันคือที่อยู่ของพวกกูมาหลายชั่วอายุคน ...จะมาแย่งไปง่ายๆได้ยังไง”
“ใครแย่งของใคร”
รตีทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ “นี่ดีนะ ที่คนงานของฉันยังกรุณาให้พวกแกเข้ามาหลบพายุได้เมื่อคืน ไม่งั้นพวกแกสองคนคงตายเป็นผีเฝ้าทะเลไปแล้ว”
“ใครกันแน่จะเป็นผีเฝ้าทะเล กูนี่แหละจะทำให้...เป็นผีเฝ้าทะเล”
ซายอก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างจะเอาเรื่องเอาชีวิต จนละมอต้องรีบรั้งแขนพี่ชายไว้
“ว้ายย”
รตีถอยร่นก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างๆคนของพวกหล่อนอย่างนึกกลัว แต่ไม่วายจะกล่าวคำต่อ “นี่พวกแกจะมาป่าเถื่อนบนเกาะนี้ไม่ได้นะ และจำเอาไว้ด้วยว่านับแต่วันนี้เป็นต้นไป บนเกาะแห่งนี้มีกฎหมาย”
คำว่า “กฎหมาย” ที่พอเข้าใจความของมันอยู่บ้าง เพราะซายอเองได้มีโอกาสขึ้นไปบนฝั่งเมืองอยู่หลายหน ทำให้ซายอระงับยั้งอารมณ์ได้ทัน
“กลับกันก่อนเถอะพี่ แม่รอเราอยู่นะ”
ละมอฉุดรั้งแขนพี่ชายให้ถอยห่างออกมา และคำบอกของน้องสาว ก็ทำให้ซายอยอมถอยหลังโดยง่าย หากแต่ในใจลึกๆไม่ได้ยอมคนพวกนี้เลยสักนิด
เหมือนสงครามแห่งการปกปักรักษาของชนเผ่า..กำลังจะเริ่มต้น
ซายอและละมอพากันขึ้นเรือก่าบาง ..เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น แล้วสักพักเรือแห่งชีวิตลำนั้น ก็มุ่งออกสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่อีกครั้ง รตียืนจ้องมองเรือลำนั้นถอยห่างออกจากชายหาด อย่างนึกเคืองแค้นไม่หาย กับคำอาฆาตมาดร้ายของพวกคนทะเล
“คนป่าพวกนี้ มันคือใครกันเหรอคะพี่วิชิต” รตีถามด้วยความสงสัย เคืองแค้น
วิชิตยิ้มเยาะที่มุมปาก ขณะสายตายังจับจดที่เรือก่าบางไกลโพ้น
“ไอ้พวกมอแกน”
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / ตรีวิทย์ นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008