ย้อนรอยวิวัฒนาการเครื่องซักผ้าของมนุษย์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อดีตกาลนานมาแล้วก่อนศตวรรษที่ 17 มนุษย์ซักผ้าด้วยมือในลำธารที่น้ำไหลและยังมีบันทึกเพิ่มเติมอีกว่าชาวโรม ยุคก่อนไม่ได้ซักผ้าเฉยๆ แต่ใช้ไขมันสัตว์มาใช้แทนผงซักฟองในการทำความสะอาด ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้มือสองข้างในการทำความสะอาดผ้าล้วนๆ ส่วนการทำให้ผ้าแห้งก็จะใช้การอังกับไฟ ซึ่งกว่าจะซักผ้าเสร็จเรียกได้ว่าเป็นมหกรรมของแม่บ้านเลยทีเดียวเพราะเสียเวลาทั้งวัน!
ปี 1975 เกิดนวัตกรรมที่ทำให้การซักผ้าของสาวๆ ง่ายขึ้น นั่นคือการถือกำเนิดกระดานซักผ้า จุดประสงค์คือทุ่นแรงในการซักผ้าไม่ต้องจับผ้าฟาดหรือถูไถกับก้อนหินอีกต่อไป แค่นำผ้าไปถูบนกระดาษที่แซะร่องไว้แทนเพื่อช่วยขจัดคราบ (สรรพคุณของร่องในกระดานซักผ้าก็เหมือนแปลงซักผ้านั่นแหละ) แต่นั่นเป็นการเริ่มต้นของนวัตกรรมเพื่อสาวๆ เท่านั้น
ปี 1851 มีอุปกรณ์ซักผ้าที่ล้ำไปอีกซึ่งพัฒนาโดย ‘เจมส์ คิงส์’ ชายชาวสหรัฐฯ เขาคิดค้นเครื่องซักผ้าโดยนำกลองที่หมดสภาพแล้วมาพัฒนาเป็นถังสำหรับแช่ ซักผ้า ที่มีกระดานซักผ้ามาให้ด้วย รวมถึงเครื่องรีดน้ำออกจากผ้า (หน้าตาคล้ายที่บดปลาหมึก) ซึ่งจะทำให้ผ้ามีความแห้งหมาดๆ มากกว่าบิดด้วยมือ แต่อย่างไรก็ตามมันยังต้องใช้แรงมากในการใช้พลังหญิงในการซักผ้าอยู่ดี ซึ่ง เจมส์ จดสิทธิ์บัตรเครื่องซักผ้าของเขาด้วยเพราะถือเป็นนวัตกรรมจริงในๆ ยุคนั้น
ปี 1858 ‘แฮมินตัน สมิท’ จดสิทธิบัตรเครื่องซักผ้า และสร้างเครื่องซักผ้าขึ้นมาเครื่องแรกบนโลกที่ใช้มือมาหมุนสำหรับการทำงานของเครื่องซักผ้าก็คือการปั่นผ้าแทนการซักด้วยมือโดยมีใบพายหมุนปั่นผ้าไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการทำงานที่ยังไม่เสถียรแต่ก็พอใช้ในการทำความสะอาดได้ และเหนื่อยน้อยกว่าซักมือแน่ๆ จากนั้นเครื่องซักผ้าก็ถูกพัฒนาเรื่อยมา
เครื่องซักผ้าที่เรียกได้ว่าเป็นเครื่องซักผ้าไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตขายอย่างจริงจังก็คือเครื่องซักผ้ายี่ห้อ ‘Thor’ ผลิตขึ้นในปี 1908 โดย ‘อัลวา เจ ฟิชเชอร์’ นักประดิษฐ์ชาวสหรัฐฯ ที่พัฒนาเครื่องซักผ้ามานาน เขาปฏิวัติวงการแม่บ้านทั่วอเมริกาด้วยการผลิตเครื่องซักผ้าพลังงานไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ ทำให้การทำงานบ้านของพวกเธอง่ายขึ้น แค่ใส่ผ้าแล้วรอเครื่องทำงานเสร็จ แต่เครื่องซักผ้ารุ่น Thor ไม่ทน เพราะมันร้อนไปจนเครื่องไหม้