ชีวิตของคนเรามันสั้นเกินกว่าที่เราจะบอกว่าชีวิตของเรานั้น “น่าเบื่อ”
สวัสดีครับวันนี้ผมมีเรื่องราวมาแบ่งปันกับเพื่อนๆชาว Postjung กันครับ ซึ่งเป็นบทความที่ผมเองได้มีโอกาสส่งเรื่องเล่าของผมแบ่งปันในโครงการ บริจาคเรื่องเรา เร้าพลังน้อง Vol. 1 ให้กับน้องๆ ในโครงการได้ฟังเพื่อสร้างกำลังใจ และสร้างแรงพลักให้น้องๆมีแรงที่จะสู้และก้าวต่อไปได้อย่างมีความสุข ร่วมถึงเห็นความหมายและมองเห็นคุณค่าของชีวิตของตนเองครับ
และผมคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำ
... แล้วมาแบ่งปันข้อคิดและแง่คิดที่ได้จากเรื่องนี้ของผมกันครับ
#ชีวิตของคนเรามันสั้นเกินก
สวัสดีครับผมชื่อ กรู๊ทตั้น อายุ 28 ปี ตอนนี้ผมทำงานเป็น Graphic Designer แต่พึ่งค้นพบ Passion จริงๆที่ตัวเองชอบว่าอยากจะทำอะไร และตอนนี้ผมก็กำลังสนุกกับการเริ่มต้นใหม่ในการเดินทางไปยัง Passion นั้นของผมครับ
แต่ก่อนหน้านั้นช่วงต้นปี ผมพึ่งรู้ตัวว่า ผมไม่สบายเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะที่ 3 ครับ ในตอนแรกที่ผมรู้ ผมร้องไห้หนักมาก มันเลวร้ายสำหรับผมมากจริงๆ ความกลัวเริ่มกัดกินในความคิดและความรู้สึกของผม มันมืดมนและสับสนไปหมดเหมือนคนไม่มีสติ ผมเป็นแบบนั้นอยู่หลายวันครับ ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะโทรไปบอกคุณแม่ ผมบอกเขาทั้งน้ำตา แต่มีอยู่คำๆหนึ่งที่คุณแม่พูดกับผมแล้วทำให้ผมฉุดคิดขึ้นได้ คือ “ลูกไม่ตายง่ายๆหรอก” คำนั้นเองครับ ที่ทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ว่าผมยังมีคุณแม่ มีคุณยายที่ผมต้องดูแลอยู่นะ ผมจะมานั่งหมดอาลัยอยู่แบบนี้ได้ยังไง การที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องตายในวันพรุ่งนี้เสียเมื่อไร แถมมันก็ทำให้ผมเข้าใจและเห็นคุณค่าของชีวิตของตัวผมเองเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่หรือ ก็ไม่เห็นว่ามันจะเลวร้ายอะไรเลยนิ และถ้าหากผมดูแลตัวเองดีๆระยะที่จะต้องฟอกไตมันก็ยืดให้นานออกไปได้ ในเมื่อวันนี้ผมยังหายใจได้อยู่ ผมก็ควรที่จะเดินหน้าต่อไปไม่ใช่หรือ เพราะถ้าผมหยุดอยู่ตรงนี้ ตรงที่ผมหยุดนี้แหละที่จะทำให้ผมตายไวขึ้น
ผมเคยได้ยินใครคนหนึ่งพูดว่า คนเราควร “ปลง” ปลงเมื่อเราทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้ว และไม่ต้องไปคำนึงว่าผลลัพธ์ในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็เท่ากับว่า ในขณะนี้ที่ผมดูแลตัวเอง เมื่อผมดูแลตัวเองอย่างดีสุดความสามารถแล้ว ผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปคิดมากถึงผลลัพธ์ในวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น และนั้นเองคือ นัยยะของคำว่า ปลง อย่างแท้จริง ซึ่งนัยยะนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับหลายๆสถานการณ์ ซึ่งผมมักนำไปใช้อยู่เป็นประจำ
อีกข้อหนึ่งที่ผมหลุดออกมาจากช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นได้ ก็เพราะผมได้รับพลัง พลังจากคนที่ผมรักทุกๆคน ทั้งที่คุ้นชินกันก็ดี ที่ไม่เคยรู้จักกันก็ดี เพราะพลังจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียว ซึ่งทุกวันนี้พลังของผมก็ได้มาจากการเลี้ยงดู คุณแม่ คุณยาย และเป็นจิตอาสา ร่วมถึงครูจิตอาสา เพื่อมอบความสุข ความสนุกสนาน ความสามารถที่ผมมี และความรู้ดีๆ แบ่งปันไป และก็เพื่อเป็นการรับพลังที่ดีเหล่านั้นจากทุกๆคนกลับมาด้วยเช่นกัน ทุกวันนี้ผมเลิกคิดไปแล้วว่าผมไม่สบาย เพราะผมสบาย ... ในเมื่อเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผม ผมก็ต้องอยู่กับเขาให้ได้ ไม่ฝืนไม่ต่อต้าน เอาเวลาที่เหลือไปโฟกัสกับ Passion ที่ผมค้นเจอดีกว่า เพราะเมื่อผมมีความสุข ทุกอย่างมันก็จะดีตามมาเอง และ Passion ที่ว่านั้นก็คือการเป็น Training ที่สอนเกี่ยวกับพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ และนำเรื่องของจิตวิทยาเข้ามาร่วมด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้เองเช่นกันที่สำคัญมาก ที่เปลี่ยนความคิดและมุมมองหลายๆอย่างให้กับผมได้รู้จักคุณค่าในตัวผมเอง
ท้ายนี้ผมก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับน้องๆทุกคน และอยากจะฝากน้องๆทุกคนว่า ชีวิตของคนเรามันสั้นเกินกว่าที่เราจะบอกว่าชีวิตของเรานั้น “น่าเบื่อ” “ไม่ดี” “บัดซบ” หรือ “ไม่มีเหมือนคนอื่น” เพราะฉะนั้น จงยิ้ม และมีความสุขกับชีวิตที่สั้นนี้ของเรา และใช้สิ่งที่เรามี นั้นคือศักยภาพของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อผู้อื่น และต่อตัวของเราเอง และจงพยายามเป็นผู้ให้ ให้มากกว่าที่จะเป็นผู้รับเพียงอย่างเดียว เพราะโลกใบนี้จะจดจำในสิ่งที่เราให้ ไม่ใช่ในสิ่งที่เรามีแต่ไม่สร้างคุณประโยชน์แก่ผู้ใด
หลังจากที่ฟังจบแล้ว ต่อจากนี้ไป ผมอยากให้น้องๆทุกคนโฟกัสในสิ่งที่เรามี ตะโกนมันดังๆ แล้วมีความสุขกับมันทุกขณะนะครับ สู้ๆ นะครับ ผมเป็นกำลังใจให้
I'm Groottun
Visit me : facebook.com/capacitydevelopment.th