หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

สาเหตุที่มาเรื่อง พระสังข์(ทอง)หนีนางพันธุรัต

โพสท์โดย นาคเฝ้าคัมภีร์

คนส่วนหนึ่งอ่านตอน พระสังข์หนีนางพันธุรัตน์ แล้วด่าแต่พระสังข์เละเลย เนรคุณมั่งล่ะ อกตัญญูมั่งล่ะ โดยไม่ได้มีความรู้พื้นฐานเรื่องพฤติกรรม อารมณ์ อุปนิสัย ของยักษ์เลยไม่เคยศึกษากันเลย จึงขอยกตัวอย่างตัดตอนมาจากช่วงท้ายตอน นางพันธุรัตเลี้ยงพระสังข์ ดังนี้

๏ เมื่อนั้น นางพันธุรัตยักษี

เล็ดลอดสอดหามฤคี ได้เจ็ดราตรีอยู่ไพรวัน

สายัณห์ตะวันรอนรอน ใกล้จะลับสิงขรพนาสัณฑ์

รำลึกถึงลูกใจผูกพัน เร่งรีบเร็วพลันระเห็จมา

๏ ถึงรับขวัญอุ้มพระลูกรัก จูบพักตร์เศียรเกล้าเกศา

กอดชมดังดวงนัยนา นางแสนเสน่หาดังดวงใจ

แลเห็นนิ้วหัตถาผ้าพัน เอววันของแม่เป็นไฉน

ผ้าผูกนิ้วถูกอะไร เป็นไรหรือพ่อจงบอกมา

๏ เมื่อนั้น พระสังข์ได้ฟังคำว่า

ครั้นแม่จับนิ้วทำมารยา กลัวพระมารดาจะเคืองใจ

ทำผิดลูกกลัวพระแม่ตี ลูกนี้ไม่มีอัชฌาสัย

จับมีดเข้ามาผ่าไม้ บาดเลือดซับไหลฝนไพลทา

๏ ได้เอยได้ฟัง ชะนางพี่เลี้ยงช่างให้ไม้ผ่า

จับมือพิศดูพันผ้า ทูนเหนือเกศารำคาญใจ

จะมากหรือน้อยแม่ขอดู นิ่งอยู่หาทำให้เจ็บไม่

กำมิดปิดซ่อนแม่ทำไม บาดแผลน้อยใหญ่ไฉนนา

๏ ได้เอยได้ฟัง นางมารโกรธพี่เลี้ยงสาวศรี

น้ำตาคลอตาด้วยปรานี ให้มัดตีพี่เลี้ยงนางใน

นางนมพี่เลี้ยงเรียงหน้า ไม่นำพาเอาใจใส่

ให้เล่นมีดเล่นพร้าผ่าไม้ ตีให้บรรลัยประเดี๋ยวนี้

๏ ได้เอยได้ฟัง พระสังข์บังคมขอโทษพี่

อ้อนวอนกราบไหว้ทั้งโศกี มิให้ต้องตีชิงไม้ไว้

ลูกแข็งเขาห้ามแล้วไม่ฟัง เขารักข้าหาชังลูกน้อยไม่

ถ้าเขาต้องโทษโพยภัย ไหนเขาจะรักลูกน้อยนี้

จากกลอนชุดนี้ แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของนางพันธุรัตที่มีอยู่ลึกๆในใจ ซึ่งทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนได้ กล่าวคือ ถ้าอยู่ๆไปพวกพี่เลี้ยงถูกลงโทษหนักเพราะพระสังข์ พระสังข์ก็คงอึดอัดใจไม่น้อย ขณะเดียวกัน พวกพี่เลี้ยงที่ถูกลงโทษอาจผูกใจเจ็บ และอาจทำร้ายพระสังข์ได้ในอนาคตหากสิ้นนางพันธุรัตไปแล้วด้วย

เมื่อพิจารณาลงลึกตั้งแต่ต้นจริงๆนั้น พระสังข์เองก็ไม่เป็นที่พึงปรารถนาในเมืองยักษ์อยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนที่เริ่มรับพระสังข์มาเลี้ยงตามสารท้าวภุชงค์ที่ว่า

๏ สารท้าวภุชงค์ทรงศักดิ์ คิดถึงแม่รักยักษา

แต่สหายวายปราณนานมา ชั่วช้ามิได้มาเยี่ยมเยือน

องค์ท้าวกุมภัณฑ์ที่บรรลัย ความสมัครรักใคร่ใครจะเหมือน

เจ้าน้อยใจที่ไม่เยี่ยมเยือน รักเจ้าเท่าเทียมเหมือนกัน

เป็นหญิงครองเมืองมณฑล เสนีรี้พลจะเดียดฉันท์

เราไซร้ได้บุตรบุญธรรม์ มนุษย์จ้อยน้อยนั้นถือสารไป

เจ้าจงเลี้ยงไว้เป็นลูกรัก เราเห็นบุญหนักศักดิ์ใหญ่

จะได้ครอบครองพระเวียงชัย เลี้ยงไว้ค้ำชูแทนหูตา

ฯ ๘ คำ ฯ

จากประโยคที่ว่า เป็นหญิงครองเมืองมณฑล เสนีรี้พลจะเดียดฉันท์ แสดงว่า หลังจากนางพันธุรัตได้ครองเมืองต่อจากสามีที่ป่วยตาย นางก็ถูกเพ่งเล็งมาตลอด เพราะบรรดาเสนายักษ์ไม่พอใจที่ต้องทำงานรับใช้สตรี! การที่ท้าวภุชงค์ส่งพระสังข์มาจึงน่าจะมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงแน่นอน!!! นางพันธุรัตเองจึงเห็นดีด้วยรับเลี้ยงพระสังข์ด้วยความเต็มใจ แต่ทว่าในการประชุมโหรหลวงฝ่ายขวากลับมีมติแจงในที่ประชุมว่า

๏ บัดนั้น กุมภัณฑ์โหรใหญ่ฝ่ายขวา

พินิจคิดคูณแล้วทูลมา โหราขอโทษได้โปรดปราน

อย่าเพ่อชื่นชมภิรมย์ใจ มิได้สงสัยที่ในสาร

ตำราทายว่าพระกุมาร มิใช่ลูกหลานท้าวนาคา

มนุษย์กับยักษ์จะรักกัน ห้ามปรามกวดขันเป็นหนักหนา

เหมือนหนึ่งดุเหว่าเหล่กา เลี้ยงรักษาได้เมื่อไรมี

ทำนองเมรีกับพระรถ ลักหยูกยาหมดแล้วลอบหนี

โฉมยงเหมือนองค์เมรี รับมาน่าที่จะวายปราณ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

คือ มีการยกกรณีตัวอย่างของ พระรถ เมรี มาอ้างถึงความอันตรายของยักษ์ที่คิดจะรักมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นในฐานะของคนรักรึลูกบุญธรรมก็ตาม เพราะตามเหตุผลแล้ว มนุษย์น้อยคนนักที่จะสามารถอดทนต่อความโหดเหี้ยมอันเป็นกมลสันดานดั้งเดิมของยักษ์ได้ และยักษ์ส่วนมากมักจะมีโรคทางใจ(หวงหึงห่วงหนักรักมากจนเกินไป)ซึ่งเป็นสาเหตุหลักให้ยักษ์ในวรรณคดีหลายเรื่องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควรเมื่อถูกกระตุ้นอาการอย่างรุนแรงโดยฉับพลัน แต่ด้วยนิสัยชอบเอาแต่ใจดั้งเดิมของนางเองบวกกับอารมณ์รุนแรงตามสัญชาติยักษ์ นางจึงคิดว่า

๏ ได้เอยได้ฟัง มืดคลุ้มกลุ้มคลั่งดังเพลิงผลาญ

เหม่อ้ายโหรใหญ่ใจพาล ช่างเปรียบเทียบทัดทานด้วยมารยา

นี้ผูกจิตคิดคด จะขบถจริงจังกระมังหนา

กูไซร้จะได้ลูกยา กีดหน้าขวางตาหรือว่าไร

กูไซร้ใช่นางเมรี หลงด้วยโลกีย์หาดีไม่

อันท้าวภุชงค์ทรงชัย ชั่วแล้วที่ไหนจะให้มา

ว่าพลางทางสั่งสาวสวรรค์ จงช่วยกันขับไล่ไสเกศา

แต่นี้สืบไปอย่าให้มา มันว่ากูเล่นให้เป็นลาง

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

ดูจากลิมิตความโกรธของนางแล้ว นางพันธุรัตน่าจะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ขับขันสุดขีด สาเหตุหลักก็น่าจะเป็นเรื่องที่นางสำเร็จราชการแทนสามีที่ตายไปอยู่แบบนี้เอง เนื่องด้วยตัวนางเองก็ไม่มีลูกหลานที่ไหนจะสืบทอด ไม่ช้าก็เร็วนางก็คงต้องถูกบีบให้สละอำนาจออกจากบัลลังก์ตำแหน่งแน่นอน แล้วสถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายลง พวกขุนนางผู้ใหญ่คงได้ก่อสงครามชิงอำนาจกันวุ่นวายจนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมือง นางเองก็มีแค่นางกำนัลกับคนสนิทใกล้ตัวที่ไว้ใจได้ไม่กี่คน(พวกที่มารวมกันตอนนางตีกลองเรียกเพื่อตามหาตอนพระสังข์หนีนั่นแหละ)คงจะหยุดเรื่องนี้ไม่ได้แน่ การที่รับพระสังข์มาเลี้ยงจึงน่าจะเป็นการเบี่ยงประเด็นที่ดีที่สุด ณ ขณะนั้น(แต่การรับลูกบุญธรรมก็เป็นแค่การถ่วงเวลาเรื่องหาตัวผู้ครองบัลลังก์ออกไปสักหลายปีหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่การแก้ปัญหาอะไรเลย)

แต่ด้วยความกลัวว่าพระสังข์จะตกใจกลัวจนถึงขั้นเสียชีวิต นางจึงออกคำสั่งบังคับให้ยักษ์ทั้งเมืองทำการ"สร้างภาพ"ครั้งมโหฬารตามนิสัยชอบเอาแต่ใจของนางเองด้วย คือ

๏ แล้วสั่งกุมภัณฑ์ให้จัดแจง ตกแต่งเร่งรัดอย่าขัดขวาง

อีกทั้งข้าเฝ้าท้าวนาง ต่างต่างแผลงฤทธิ์นิมิตกาย

ให้เป็นมนุษย์สุดสิ้น ตรัสพลางเทพินผันผาย

เข้าที่นฤมิตบิดเบือนกาย เฉิดฉายโสภาอ่าองค์

ออกจากวังแก้วแพรวพรรณ กำนัลพรั่งพรูดูระหง

แห่แหนแน่นอัดจัตุรงค์ เสนาพาลงไปคงคา

ฯ ๖ คำ ฯ กลองโยน เชิด

 

และเพื่อกลบกระแสข่าวลือที่ว่า ยักษ์ไม่ควรสมาคมกับมนุษย์ ที่เหล่าขุนนางต่างไม่ไว้วางใจอยู่ นางจึงได้ทำการอธิษฐานเสี่ยงทายว่า

๏ มาถึงหาดทรายชายทะเล เห็นเภตราลอยคอยท่า

ลดองค์ลงริมชลธาร์ หัตถาจบน้ำได้สามที

แล้วนางตั้งจิตพิษฐาน กุมารบุญหนักศักดิ์ศรี

จะมาเป็นลูกข้าในครานี้ เทวัญจันทรีจงเล็งแล

ขอให้ลอยเข้ามาถึงฝั่ง เหมือนหนึ่งยังข้าเห็นให้เป็นแน่

เสี่ยงพลางแล้วนางผันแปร ลุกยืนชะแง้แลไป

สำเภาลอยเลื่อนเคลื่อนคลา ไม่ทันพริบตาเข้ามาใกล้

เกยยังฝั่งพลันทันใด บัดใจเห็นทั่วทุกตัวมาร

ฯ ๘ คำ ฯ สาธุการ

แน่นอนว่า หลังภาพนี้ได้ประจักต์เป็นหลักฐานแก่สายตาเหล่ายักษ์(แปลง)ทั้งหลาย ข่าวลือต่างๆก็เป็นอันยุติไปในทันที แต่ความไม่พอใจน่าจะยังมีอยู่ลึกๆเป็นคลื่นใต้น้ำ

แต่พอวันแรกที่นางพันธุรัตรับพระสังข์มาเลี้ยง นางก็บอกเรื่องที่ทำให้พระสังข์งานเข้าในทันที ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่และหนักมากสำหรับเด็กตัวน้อยๆ คือ

๏ ฟังเอยฟังการ นางมารสงสารเป็นหนักหนา

 

รับขวัญไม่กลั้นน้ำตา ลูบหลังลูบหน้าให้ปรานี

แม่จะถนอมกล่อมเกลี้ยง จะเลี้ยงเจ้าเป็นบุตรนะโฉมศรี

พ่ออย่าได้กังขาราคี พระบุรีจะให้แก่ลูกยา

จูบพลางนางอุ้มขึ้นใส่ตัก ความรักแสนสุดเสน่หา

ดังดวงฤทัยนัยนา แล้วสั่งมหาเสนาใน

ท่านจงเร่งรัดจัดแจง ตกแต่งพาราอย่าช้าได้

จะสมโภชลูกแก้วแววไว บาดหมายกันไปอย่าได้นาน

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

ตัวกลอนชุดนี้ แสดงถึงปัญหาหนักอึ้ง ๒ ประการ

๑.พ่ออย่าได้กังขาราคี พระบุรีจะให้แก่ลูกยา

ประโยคนี้ นางพันธุรัตบอกกับพระสังข์ถึงกาลอนาคตข้างหน้าว่า ต่อไป นางจะให้พระสังข์ได้ครองเมืองยักษ์นี้! โดยที่นางเองไม่ได้ถามความต้องการของพระสังข์เลย มาถึงนางก็ยัดตำแหน่งให้ ขณะนั้นพระสังข์ก็ยังเล็ก ยังไม่หายคิดถึงแม่กับตายาย นางพันธุรัตก็จัดแจงวางแปลนระยะยาวให้พระสังข์อยู่ในเมืองนี้ไปตลอดชีวิตเสียแล้ว!!!(ให้คนปกครองยักษ์ทั้งเมืองมันจะไปรอดมั้ย???)

๒.จะสมโภชลูกแก้วแววไว บาดหมายกันไปอย่าได้นาน

หลังจากรับพระสังข์ขึ้นมาแล้ว นางจึงสั่งให้จัดงานมหรสพขึ้นทันที โดยหวังว่า ความบาดหมางทั้งหลายจะหายไป คำถามคือ ใครบางหมางกับใคร???

คำตอบนั้น น่าจะเป็นความบาดหมางที่นางพันธุรัตมีต่อบรรดาขุนนางเรื่องทายาทบัลลังก์นั่นแหละ นางจึงได้ประกาศในวังกลางที่ประชุมว่า พระบุรีจะให้แก่ลูกยา และขอให้นับแต่นี้ไป บาดหมายกันไปอย่าได้นาน เรื่องอะไรที่สมควรจบก็ให้รีบจบๆไปซะถ้าไม่อยากจะมีปัญหา!(กระแสการต่อต้าน(แอนตี้)พระสังข์ของพวกยักษ์ในเมืองจึงค่อยๆเพิ่มขึ้นตามลำดับ)

 

จากเรื่องนี้เองทำให้พระสังข์อึดอัดใจมากเพราะตนเองก็มีภารกิจตามหาแม่แท้ๆอยู่ในใจอยู่ก่อนแล้ว ยังมาถูกยัดเยียดความหวังอันริบหรี่ใส่มืออีก พระสังข์จึงต้องอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกใครก็ไม่ได้เพราะว่า

๏ ครั้นถึงจึงขึ้นบนแท่นแก้ว ผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมศรี

แล้วจัดแจงนักเทศน์ขันที นางนมทั้งสี่พี่เลี้ยง

กำนัลนางมโหรีขับไม้ สำหรับให้ขับกล่อมพระเนื้อเกลี้ยง

แม่มอบให้พระสังข์ทั้งวังเวียง ใครทุ่มเถียงจงเฆี่ยนฆ่าตี

นางถนอมกล่อมเกลี้ยงรักษา มิให้พระลูกยาเจ้าหมองศรี

จนพระชันษาสิบห้าปี ยังทวีความรักอยู่ทุกวัน

นางค่อยเคลื่อนคลายสบายใจ จะใคร่ไปเที่ยวป่าพนาสัณฑ์

เผอิญใจทึกทึนนึกผูกพัน คิดพรั่นกลัวลูกจะหนีไป

อย่าเลยจะแสร้งแกล้งล่อลวง อย่าให้ล่วงหมายคำสำคัญได้

ว่าไปช้าแล้วกลับมาเร็วไว ถึงจะหนีไปไม่พ้นกร

แม่จะไปป่าเจ็ดราตรี พันปีจงฟังแม่สั่งสอน

บ่อน้ำซ้ายขวาเจ้าอย่าจร หอข้างหัวนอนเจ้าอย่าไป

สั่งลูกแล้วพบันมิทันช้า พรั่งพร้อมทหารหน้าห้องใหญ่

ออกจากพาราคลาไคล แปลงไปเป็นยักษ์ฉับพลัน

ฯ ๑๔ คำ ฯ กราว

นางพันธุรัตเล่นจัดพี่เลี้ยงประกบเป็นบอดี้การ์ดคอยจับตาดูตลอด๒๔ชั่วโมง ไม่ว่าพระสังข์จะทำอะไรก็อยู่ในสายตาตลอด แถมแอบโหดเหี้ยมนิดๆด้วยการบอกว่า แม่มอบให้พระสังข์ทั้งวังเวียง ใครทุ่มเถียงจงเฆี่ยนฆ่าตี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางจะโหดไปไหน ขนาดบอกว่ายกวังทั้งวังให้พระสังข์จัดการแล้ว ยังจะบอกอีกว่า พระสังข์มีอำนาจในวังนี้เต็มที่ใครทุ่มเถียงจงเฆี่ยนฆ่าตี! นางไปบอกเด็กตัวเล็กๆอย่างนั้นได้ยังไง ลูกคนโหดเหมือนลูกยักษ์ซะที่ไหน นางเองก็ไม่เคยเลี้ยงลูกเลี้ยงเด็ก ถ้ามีคงตามใจลูกจนเสียสันดานแน่ๆ นิสัยนางเองก็น่ากลัวมากจริงๆจะให้ใครมีความเห็นค้านรัชทายาทไม่ได้เลยรึไง? นางเองคงปกครองเมืองและขุนนางด้วยการสร้างความหวาดกลัวมาตลอดแน่ๆถึงไม่มีใครขัดนางเลย

แต่พระสังข์เองก็เก่งนะ อดทนมาได้จนอายุ๑๕ นางพันธุรัตก็วางใจ(นางพันธุรัตน่าจะเป็นพวกมีนิสัยเอ็นดูคนใกล้ตัวนะ) นางคงคิดว่า พระสังข์คงลืมๆเรื่องเก่าๆได้แล้ว และคงยกบัลลังก์ให้ได้แน่นอนจึงออกไปหากินบ่อยเข้าๆจนพระสังข์จับทางได้ และหาช่องโหว่จากการที่ถูกจับตาจากเหล่าพี่เลี้ยงตลอดเวลาแอบหนีจนไปพบความจริงของนางพันธุรัตจนได้(พวกพี้เลี้ยงคงเฝ้าพระสังข์จนเหนื่อยเลยเผลอหลับไป พระสังเลยแอบๆหลบมาได้) เพราะตลอดเวลาที่มาอยู่ที่นี่ พระสังข์ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวดูเมืองด้วยตัวคนเดียวสักครั้ง ซึ่งการไม่ให้พระสังข์อกไปไหนน่าจะมาจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน คือ

๑.ป้องกันไม่ให้พระสังข์ได้รับอันตรายจากพวกยักษ์ในเมืองที่ไม่พอใจตัวพระสังข์ ถ้าออกไปเที่ยวเล่นในเมืองอาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกลักพาตัวรึลอบสังหารได้(รัชทายาทเจอแบบนี้แทบทุกราย!)

๒.ป้องกันไม่ให้ชาวเมืองยักษ์ลุกฮือขึ้นต่อต้าน เพราะไม่พอใจที่ต้องคอยนิมิตแปลงสภาพบ้านเมืองเพื่อสร้างภาพให้พระสังข์เห็นในทุกครั้งที่ออกไปเที่ยวเล่นในเมือง(มันอึดอัดไม่ใช่นิสัยยักษ์เลยที่ต้องมาแปลงเป็นคนแล้วต้องคอยยิ้มแย้มสมานฉันท์รับแขกตลอดเวลาแบบนี้!)

หากพระสังข์ยังคงอยู่ในเมืองยักษ์ต่อไป ถ้านางพันธุรัตสิ้นแล้ว พระสังข์ได้ปกครองเมืองต่อ พระสังข์จะทำยังไง เป็นผู้นำแต่มีศัตรูอยู่ทั้งเมืองแบบนี้? แล้วไหนจะภาพมายาที่สร้างไว้อีก ถ้าพระสังข์ครองเมืองแล้วมารู้ทีหลังว่าเมืองนี้เป็นของยักษ์อะไรจะเกิดขึ้น?

อนึ่ง เราพบว่า คำว่า พันธุรัต มาจาก พันธุ = พวกพ้อง + รัต = ยินดี,ชอบใจ หรือ ราตรี

ดังนั้น จึงอาจแปลรวมๆได้ว่า เป็นผู้ยินดีในพวกพ้อง ไม่ก็ เป็นความมืดมนของพวกพ้อง(แต่ส่วนตัวเชื่อความหมามแรกมากกว่า)

ถ้าจะให้วินิจฉัยสรุปสาเหตุการตายของนางพันธุรัต ณ ตอนนี้ คงสรุปได้ว่า การตายของนางพันธุรัตน่าจะมาจากการที่นางฝากฝังและตั้งความหวังไว้กับตัวพระสังข์มากเกินไปจนมองไม่เห็นทางออกอื่นๆที่อาจใช้เป็นทางเลือกที่ดีกว่าตัวพระสังข์ได้ เมื่อไม่ได้ตามที่ใจตนต้องการ(นางเป็นคนเอาแตาใจอย่างร้ายกาจ)นางจึงต้องเผชิญกับโรคทางใจจนเสียชีวิต

ถ้าสังเกตดีๆอีกก็จะพบว่า ตั้งแต่พระสังข์ออกจากหอยสังข์มา(จริงๆแล้วไม่ได้ออกเองแต่โดนทุบแตกเลยไม่เหลือไว้ให้หลบ)พระสังข์ไม่เคยมีเพื่อนรุ่นเดียวกับตนเลย อาจเคยเล่นกับแม่และตายายมาบ้าง แต่ว่านับตั้งแต่ตอนที่มาอยู่กับนางพันธุรัตก็ยิ่งแล้วใหญ่ พระสังข์ไม่เคยมีใครเล่นด้วยเลย(อาจเพราะพวกนางกำนัลพี่เลี้ยงกลัวว่าหากทำผิดจะถูกนางพันธุรัตลงโทษรึด้วยความรังเกียจในตัวพระสังข์) หลังจากที่นางพันธุรัตเสียชีวิตแล้ว พระสังข์จึงออกคำสั่งในฐานะของเจ้าเมืองยักษ์เป็นครั้งแรก คือ

๏ ครั้นคลายวายโศกเศร้าหมอง พระจึงร้องสั่งเหล่ายักษา

ท่านจงเชิญศพพระมารดา คืนไปพาราของเรา

แล้วตระเตรียมการไว้ให้เสร็จสรรพ คอยท่าข้ากลับมาจึงเผา

การพระเมรุใหญ่อยู่อย่าดูเบา ท่านจงเอาใจใส่ไตรตรา

ฯ ๔ คำ ฯ เจรจา

นับว่า พระสังข์ได้ทำความคาดหวังของนางพันธุรัตแล้ว แม้ว่าออกจะช้าเกินไปก็ตามที การสั่งให้เชิญศพของนางพันธุรัตคืนไปพาราของเราเป็นการตอกย้ำเหล่าเสนาอำมาตย์ขุนนางต่างๆแล้วว่า พระสังข์ยินดีรับตำแหน่งเจ้าเมืองยักษ์ขึ้นนั่งบัลลังก์ต่อจากนางพันธุรัต และได้กำชับตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า แล้วตระเตรียมการไว้ให้เสร็จสรรพ คอยท่าข้ากลับมาจึงเผา เป็นการออกคำสั่งที่ชัดเจนเด็ดขาด คือ ต้องรอเจ้าเมือง คือพระสังข์เป็นคนกลับไปจัดการเองในฐานะของลูกและ"เจ้าเมือง"!

เมื่อได้ท่องจำจินดามนตร์จนขึ้นใจแล้ว พระสังข์ก็สวมชุดเงาะ เกือกแก้ว และถือไม้เท้าเหาะมาจนถึงเขตแดนเมืองของท้าวสามนต์แห่งหนึ่ง อนึ่ง สามนต์ มาจากคำว่า สามันตราช คือ ราชาของหัวเมือง ไม่ใช่กษัตริย์ที่ปกครองแผ่นดิน ฉะนั้น คำว่า สามนต์จึงไม่ใช่ชื่อเมือง แต่เป็นสรรพนามใช้เรียกเป็นตำแหน่งของบุคคลที่ปกครองหัวเมือง!!! ในท้องเรื่อง ท้าวสามนต์ในที่นี้ น่าจะเป็นผู้ปกครองหัวเมืองหนึ่งในดินแดนของท้าวยศวิมลพ่อของพระสังข์นั่นเอง(เพราะอยู่ไม่ไกลเมืองกันถึงหากันเจอได้ง่ายนัก)

หลังจากลงมาในเขตชายแดนของเมืองท้าวสามนต์นี้แล้ว พระสังข์ได้เจอกับพวกเด็กๆเลี้ยงวัวที่พาวัวออกมากินหญ้า พระสังข์จึงไปเล่นกับพวกเด็กๆเพราะพระสังข์ไม่เคยมีเพื่อนเล่นด้วยเลย จึงมีการชดเชยปมด้อยในวัยเด็กของพระสังข์กันเล็กน้อยในเหตุการณ์นี้ และการที่พระสังข์ทองต้องสวมรูปเงาะและมาลงอาศัยที่ชายแดนเมืองนี้ อาจเป็นเพราะว่าต้องการปลอมตัวและหลบซ่อนตัวจากพวกยักษ์ที่คิดตามล่าตนก็เป็นได้ เพราะเมื่อสิ้นนางพันธุรัตแล้วการกำจัดพระสังข์ที่ขาดการคุ้มกันนั้นมันง่ายมากๆ! พระสังข์ทองจึงต้องสวมรูปเงาะปลอมตัวอยู่ในเมืองนั้นไปก่อนจนกว่าจะแน่ใจในสถานการณ์

ส่วนตอนที่ ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ นั้น พระสังข์ได้แสดงพฤติกรรมแปลกๆออกมา ตอนที่สั่งให้ทั้ง๖เขยตัด(ปลาย?)หูและจมูกเพื่อแลกกับเนื้อและปลา ซึ่งพฤติกรรมพิสดาร(ปนซาดิสต์!)นี้ น่าจะเป็นความขี้เล่นแบบโหดๆที่ติดมาจากนิสัยของนางพันธุรัตก็เป็นได้!!!

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: jarasporn, zerotype, ประแสร์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เพลง “ไก่” จากเป้ อารักษ์ เพลงเก่าสุดยูนีค ที่กำลังเป็นไวรัลอีกครั้งโรเซ่ในลุค number one girl ของไต้หวันงานสบาย เงินดี ไม่เหนื่อย พระปลอมโดน พญานาคแผลงฤทธิ์รีวิวหนังดัง SAVAGES คนเดือดท้าชนคนเถื่อนซีรีส์จีน “ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ” ผลงานของ “ถานซงอวิ้น” แนวนางเอกสู้ชีวิตคนไหนดี Sold out ไปทีละคนๆ แก๊งพระเอก แก๊งคนดีที่ไหน แต่งงานไปแล้ว2 มีแฟนรักแฟนมากไปอีก2 เหลือหนึ่งเดียวคนนี้คือพี่เกรท วรินทรหนุ่มจีนหน้าเหลี่ยมเพราะ "เคี้ยวหมากฝรั่ง" หนักมาก เผยภายใน 8 ปี เสียค่าหมากฝรั่งไปกว่า 2 ล้านบาทพนักงานสตาร์บัคส์[อเมริกา] ประท้วงหยุดงานจนถึงคริสต์มาสอีฟ เพื่อต่อรองค่าจ้างและเวลาทำงาน50 ข้อแนะนำ!! เพื่อชีวิต "ราบรื่น" ในปี 2025
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เพจอีซ้อขยี้ข่าว เผย มีกระแสคนโพสต์ ขอรับซื้อลูกอัณฑะคู่ละ12ล้าน...เมื่อฉันไปบาหลี EP.6 Tirta Empul Templeเพชรปากปลาร้าหน้าเป๊ะ ลองทาลิปสติกบนปาก ทำเอาทัวร์ลงสนั่น ร้านค้ารับเรื่อง สั่งให้โละยกแผงเลย!Labubu คอลเลคชั่นใหม่ เปิดขายไทย แต่คนจีนเหมาเกลี้ยง!โรเซ่ในลุค number one girl ของไต้หวันรีวิวหนังดัง SAVAGES คนเดือดท้าชนคนเถื่อน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิทานพื้นบ้าน-วรรณคดี
รูปแบบจำลอง งาช้างฉัททันต์พระเจ้าอุเทนถูกจับกินนร ๓ เผ่าพันธุ์จากพระไตรปิฎกรัศมีรอบศีรษะนาค
ตั้งกระทู้ใหม่