10 คนดังระดับโลกก้าวสู่ความสำเร็จที่โคตรพยายาม
ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลายครั้งที่ต้องเผชิญอุปสรรค ไม่ว่าจะทั้งเรื่องเรียน ความรัก ครอบครัว ที่อาจจะทำให้ท้อถอยและหมดกำลังใจ แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง Life on campus นำ 10 เรื่องเล่าจากเหล่าคนดังในหลายแวดวง ที่กว่าจะฟันฝ่าจนประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้ พวกเขาเหล่านั้นเคยผ่านบททดสอบสุดหินแต่อุปสรรคเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ หากใจยังสู้ สุดท้ายจะพบว่าชีวิตยังคงสวยงามอยู่เสมอ 1. Dr. Glenn Cunningham นักวิ่งผู้ไม่ย่อท้อต่อความพิการ |
|||
หากเป็นคนอื่นคงหมดอาลัยตายอยากใช้ชีวิตอยู่แค่สองที่ คือ บนเตียงนอนและรถเข็น แต่ไม่ใช่สำหรับ ด.ช.เกล็น หลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล ความมุ่งมั่นที่จะเดินได้ก็ไม่ได้หายไป วันหนึ่งเขาตัดสินใจโยนตัวเองจากเก้าอี้และดึงตัวเองให้เคลื่อนไปทั่วหญ้า ในขณะที่ลากขาไว้ข้างหลัง จนกระทั่งเคลื่อนไปได้ถึงรั้วไม้ เขายกตัวขึ้นแล้วเริ่มลากตัวเองไปตามริวรั้ว ทำแบบเดิมทุกวันด้วยความเชื่อมั่นว่าวันหนึ่งต้องเดินได้ด้วยตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว ในที่สุด Dr. Glenn Cunningham ก็สามารถลุกขึ้นยืน ถึงแม้จะเดินได้ติดขัดเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ก็สามารถพัฒนามาเดินได้ด้วยตัวเองและวิ่งได้! เขาเริ่มสัมผัสกับความสุขที่แท้จริงซึ่งเกิดจากการวิ่งไปโรงเรียนในทุกวัน เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยเขาก็ตัดสินใจร่วมทีมกรีฑา และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1934 เมืองนิวยอร์ค ในเมดิสัน สแควร์ การ์เดน สนามกีฬาที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก หนุ่มคนนี้ที่ครั้งหนึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะรอดชีวิต ไม่คิดว่าเขาจะสามารถเดินได้และความหวังในการวิ่งริบหรี่ Dr. Glenn กลายเป็นเจ้าของสถิติวิ่งเร็วที่สุดในโลกในขณะนั้น! 2. Chris Gardner คนไร้บ้านสู่มหาเศรษฐี |
|||
ในวัยเด็กของหนุ่มผิวสีจากรัฐวิสคอนซิน เริ่มต้นด้วยการแยกทางของพ่อแม่ แม่ถูกพ่อเลี้ยงขี้เมาใส่ความจนต้องติดคุกถึงสองครั้ง ทำให้เขาต้องระเห็จไปอยู่บ้านรับเลี้ยงเด็กตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ในวัยผู้ใหญ่ คริส การ์ดเนอร์ มีอาชีพเป็นเซลล์แมนขายเครื่องสแกนกระดูก ซึ่งต้องถือเครื่องสแกนกระดูกไปเสนอขายตามคลีนิคหรือโรงพยาบาล เพื่อนำรายได้มาจุนเจือครอบครัว ภรรยาและลูกชายวัย 5 ขวบ แต่ยิ่งนับวันก็ยิ่งขายไม่ออก เพราะเครื่องแสกนกระดูกถูกมองว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็น เมื่อรายได้เริ่มร่อยหลอภรรยาก็ทิ้งเขาและลูกชาย ในขณะเดียวกันค่าเช่าบ้านที่ค้างมานานทำให้เขาและลูกชายถูกไล่ออกและต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ต้องอาศัยหลับนอนที่โบสถ์ สวนสาธารณะ สนามบิน เลวร้ายที่สุดก็คือ ห้องน้ำสาธารณะ โชคดีที่คริสมีลูกชายเป็นดังแก้วตาดวงใจ เขาจึงพยายามสู้ทุกหนทางเพื่อความอยู่รอดของลูก วันหนึ่งเขาเดินผ่านบริษัทนายหน้าค้าหุ้นและเกิดสนใจสมัครงานที่แห่งนี้ เพื่อหวังความก้าวหน้าและความร่ำรวย เขาต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์สุดหินถึง 2 ครั้ง คือ ก่อนข้าทำงาน และหลังฝึกงาน เนื่องจากตำแหน่งนายหน้าค้าหุ้นดังกล่าวรับเพียงแค่คนเดียว จากผู้สมัครทั้งหมด 20 คน แล้วเชื่อไหมว่าเขาสอบได้เป็นอันดับที่ 1 และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ 3. Sandeep Singh Bhinder นักฮอกกี้ชาวอินเดีย |
|||
ในฐานะกัปตันทีม เขาสามารถพาทีมชนะในการแข่งขัน the Sultan Azlan Shah Cup ในปี 2009 หลังจากที่เองชนะมาเลเซียในรอบชิงชนะเลิศ ที่ เมืองIpoh นับเป็นชัยชนะของอินเดียในรอบ 13 ปี Singh กลายเป็นผู้ทำประตูได้สูงสุดในการแข่งขันนั้น ผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุไม่สามาถทำอะไรเขาได้ 4. Bear Grylls นักผจญภัยผู้กินทุกอย่าง |
|||
ในวัยหนุ่ม หลังจากออกจากโรงเรียน เขาเข้าร่วมกับกองทัพอินเดียและได้ปีนเขาฮิมาลัย แต่เคราะห์ร้ายเพราะในปี 1996 แบร์ กริล บาดเจ็บสาหัสที่กระดูกสันหลังจากการโดดร่มที่ประเทศแซมเบีย เนื่องจากหลังคาร่มของเขาฉีกขาด ทำให้เขากลายเป็นอัมพาตและถูกปลดประจำการ แต่ใครจะคาดคิดว่าอีก 18 เดือนให้หลังเขาจะสามารถสร้างชื่อเสียงโดยการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ในปี1998 และกลายเป็นชาวบริติชอายุน้อยที่สุดที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ด้วยวัย 23 ปี 5. Brain Acton ผู้ก่อตั้ง WhatsApp ที่เคยถูก Facebook และ Twitter ปฏิเสธ |
|||
หลังจากนั้นในปี 2014 Facebook ก็ต้องยอมศิโรราบขอซื้อกิจการจาก Acton ในมูลค่ากว่า 19 ล้านเหรีญสหรัฐ ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งไปเลย 6. Amitabh Bachchan นักแสดงบอลลีวู้ด |
|||
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดอย่าง Piku ก็สร้างรายได้มหาศาลให้เขา และในปัจจุบันเขาอายุ 73 ปี เป็นทั้งนักแสดง โปรดิวเซอร์ นักร้อง ผู้กำกับและพรีเซนเตอร์ ทำให้เห็นว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคในการประสบความสำเร็จแต่อย่างใด 7. Hugh Herr นักปีนเขาอัจฉริยะ |
|||
ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายเมื่อมีคนมาช่วยเหลือ และนำเขาไปส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่าเขาถูกตัดขาเนื่องจากหิมะกัดเนื้อตรงส่วนนั้นจนตาย และความหวังในการกลับมาปีนเขาดับวูบ แต่ฮิวจ์ เฮอร์ ก็ท้อถอยเพียงชั่วขณะ เขาเริ่มศึกษาเกี่ยวกับกายอุปกรณ์และพัฒนาขาเทียมที่จะทำให้เขาปีนเขาได้ เขาปรับปรุงขาเทียมให้ทำให้มันยืดยาวขึ้น ทำให้เขาสามารถปีนป่ายและเอื้อมไปถึงจุดที่เขาไม่สามารถยื่นมือไปถึงมาก่อน ปรับให้ขาเทียมมีเหล็กแหลมที่ยึดเกาะกับภูเขาที่เป็นน้ำแข็งได้ และทำให้ขาเทียมสามารถทรงตัวอยู่บนขอบหินเล็กๆ ขนาดเท่าเหรียญบาทฮิวจ์ เฮอร์สามารถแข่งขันและเอาชนะนักปีนเขาคนอื่นๆ ที่มีร่างกายปกติได้ ปัจจุบันเขาทำการวิวิจัยที่ MIT เพื่อพัฒนากายอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วยการผสมผสานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วัสดุใหม่ๆ และระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกายอุปกรณ์เข้ากับระบบร่างกายของมนุษย์ 8. Walter Elias Disney หรือ วอลต์ ดิสนีย์ |
|||
วอล์ท และไอเวิร์คสก็ไปทำงานที่ Kansas City Film Ad. หลังจากนั้นสองปี วอล์ทก็พยายามตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาในชื่อ Laugh-O-Gram Film, Inc. ซึ่งเน้นการผลิตการ์ตูนสั้นอิงนิยายแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จนัก หลังจากการสร้างการ์ตูนเรื่อง Alices Wonderland ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ บริษัทก็เข้าสู่ภาวะล้มละลาย วอล์ทขายกล้องไปเพื่อหาเงินให้มากพอที่จะเดินทางไปยังศูนย์กลางอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างฮอลลิวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย และเอางาน Alices Wonderland ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ไปด้วย ปี1927 วอล์ทได้เริ่มสร้างซีรีย์ใหม่ Oswald the Lucky Rabbit และได้ผลตอบรับที่ดี แต่ลิขสิทธิ์ผลงานนี้ไม่ได้เป็นของเขา ตกเป็นของบริษัทยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์ หากเป็นคนทั่วไปก็คงกลับบ้านนอนร้องไห้เมื่อเจอเรื่องราวดังกล่าว แต่วอล์ทไม่ใช่แบบนั้น บนรถไฟขากลับนิวยอร์ค เขาผุดไอเดียวตัวละครใหม่ขึ้นมา ที่มีลักษณะเป็นหนูหูกลมตัวใหญ่ โดยตั้งชื่อให้ว่า มอร์ติเมอร์ ซึ่งภายหลังภรรยาก็เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น มิกกี้ เมาส์ นั่นเอง 9. Steven Spielberg พ่อมดแห่งวงการฮอลลีวู้ด |
|||
ในขณะที่เป็นนักศึกษาเขาได้มีโอกาสฝึกงานที่ Universal Studios ฝ่ายตัดต่อ และได้มีโอกาสทำหนังสั้นความยาว 26 นาที โดยเขียนบทและกำกับเอง ผลปรากฏว่าผลงานของเขาเป็นที่ชื่นชมของผู้บริหารระดับสูง เขาได้รับรางวัลและได้รับข้อเสนอในการเซ็นสัญญาสร้างหนังเป็นเวลา 7 ปี ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับที่อายุน้อยที่สุดที่ได้เซ็นสัญญาระยะยาวที่สุดกับฮอลลีวูด ปัจจุบันสตีเวน สปีลเบิร์กเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จ และมีหนังเป็นที่รู้จักกันดีอย่าง Jaws, Jurassic Park,Schindler’s List, Catch Me If You Can เป็นต้น โดยที่ไม่เคยเรียนด้านภาพยนตร์มาก่อน 10. J.K Rowling นักเขียนที่ทำให้เวทมนตร์มีชีวิต |
|||
แต่แล้ววันหนึ่งในปี 1990 ระหว่างที่อยู่บนรถไฟที่ล่าช้ากว่า 4 ชั่วโมง จากManchester ไป London เธอก็ผุดความคิดถึงเด็กชายคนหนึ่งที่เข้าร่วมโรงเรียนเวทมนตร์ และในปี 1995 เธอสามารถทำหนังสือฉบับแรกของเธอเสร็จด้วยเครื่องพิมพ์ดีดเก่าๆ หนังสือดังกล่าวถูกส่งไปยังสำนักพิมพ์ 12 ซึ่งทุกที่ปฏิเสธทั้งหมด บรรณาธิการของ Bloomsbury แนะนำให้เธอหางานทำเพราะการเขียนหนังสือสำหรับเด็กนั้นมีโอกาสน้อยนิดที่จะทำให้เธอได้เงิน ปัจจุบัน J.K Rowling เป็นนักเขียนชาวอังกฤษที่มีหนังสือขายดีที่สุด เป็นผู้หญิงที่รวยเป็นอันดับที่ 12 ในอังกฤษ และเป็นผู้สร้างภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์ที่โด่งดัง |
ขอบคุณที่มา: http://fxacademy.ml/10-คนดังระดับโลกกับชีวิต/
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
36 VOTES (4/5 จาก 9 คน)
VOTED: zerotype, เทียร์, ฮั่วชวี่ปิ้ง, karn23, MsFour
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
10 เคล็ดลับในการฮีลใจตัวเอง สามารถทำได้อย่างไรบ้าง มาดูกันจ้ารวบแล้ว 1 มือวางเพลิงป่วนใต้ราศีที่มีเกณฑ์ที่จะถูกหวย 1 เมษายน 2567Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อ่านนิยายไร้สาระจริงหรือ"ซีอิ๊วแบบเม็ด" ฉีกทุกกฎของซอส..นวัตกรรมใหม่จาก "เด็กสมบูรณ์""บิ๊กเต่า" รับหลักฐาน "ทนายตั้ม" ลั่น ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง9 โรงเรียนหญิงล้วนที่น่าสนใจในประเทศไทยกระทู้อื่นๆในบอร์ด ความรัก, ประสบการณ์ชีวิต
ครูหนุ่มชาวจีนโพสต์รูปตัวเอง เปรียบเทียบสมัยก่อนเเละหลังทำงานได้ 6 ปี เปลี่ยนไปจริง ๆ 😌เกินไป๊!! แก๊งวัยรุ่นจีนอยากได้ตุ๊กตาจากตู้คีบ แต่ไม่อยากเสียเงิน โยกตู้จนกระจกแตกน่ากลัวมาก!! เกิดเหตุพื้นห้างสรรพสินค้าในจีนถล่ม ยุบเป็นหลุมกว้าง กลืนลูกค้าหายลงไปในพริบตา4 พฤติกรรมเล็ก ๆ ที่บั่นทอนความรู้สึกของคนรักโดยไม่รู้ตัว