สมมุติ ลูกค้า ชื่อ นาย ก นะ

เราเป็นคนขายหนังสือมือสองผ่านเว็บ ผ่านเฟสบุ๊ค

ตอนติดต่อสินค้า หลังตกลงราคากันเรียบร้อยแล้ว

ก็แลกที่อยู่และเลขบัญชีในการโอนเงิน

กว่าจะได้ที่อยู่ก็ร่วมๆ จะอาทิตย์นึงได้ ด้วยเหตุผลที่นาย ก บอกก็คือ

มีแพลนจะย้ายที่อยู่ ขอให้ได้ที่อยู่ชัวร์ๆและแน่นอนก่อน จะบอกที่อยู่ในการจัดส่ง พร้อมโอนเงิน

ซึ่ง ผู้ขายก็เข้ามาทักเป็นระยะๆ เช่น ส่ง สติ๊กเกอร์ ไปทักทาย ... HI  ไรแบบนี้

เพราะถ้าไม่ทัก นาย ก ก็เงียบบบบบบ หายสุดๆ 

ในมุมมของคนขาย จะมองว่า ทวงก็ได้ หรืออยากทราบข่าวคราวความคืบหน้าก็ได้ ว่าเป็นไงถึงไหนแล้ว หรือจองกั๊กไว้เฉยๆ

จน นาย ก ก็ทำทีโอนเงินมาให้ แต่ที่อยู่ในการจัดส่งยังไม่ส่ง ด้วยเหตุผลเดิม ว่ายัง ไม่ชัวร์ แต่ ทางฝ่ายผู้ขาย ก็เข้ามาทักทาย

หรือนำเสนอสินค้า / หนังสือใหม่ไปเรื่อย 

ด้วยเจตนาและจุดประสงค์ของผู้ขายคนนี้ คือ ให้ผู้ซื้ออุ่นใจว่า (หลังจากได้รับเงินโอน...) ไมไ่ด้เฉิดหนีไปไหน ก็ยังรอที่อยู่

ในการจัดส่งนะ ไรแบบนี้

...จนแล้วจนรอด ก็ได้ที่อยุ่ในการจัดส่ง

ผู้ขายก็ดำเนินการส่งให้ 

....หลังส่งก็แจ้งเลขพัสดุให้ทราบ ตามปกติเหมือนเคสอื่นๆ

จนแล้วจนรอด ผู้ซื้อรอบเดียวกับ นาย ก หรือ หลังจากนั้น ก็ทยอยแจ้งมาว่าได้รับของแล้วนะ...ขอบคุณมากครับ / ค่ะ ประปราย

แต่ ในเคส นาย ก เข้ามาถามเป็นระยะๆ ว่าทำไมของยังไม่ได้...ทางผู้ขายก็ช่วยโทรเช็ค พอถามต้นทาง ทางไปรษณีย์บอกว่า

ต้องเช็คสถานทีปลายทาง

เบื้องต้นผู้ขายก็แจ้ง นาย ก ไปแบบนั้น เขาก้อรับทราบและรับว่าจะโทรเช็ค

จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ได้ของ ( ลืมเล่าไปว่าของเริ่มส่ง 16 มกราคม )

แต่ไปถึงปลายทาง 18 มกราคม (ถ้าดูจากไฟล์ภาพประกอบ)

แต่ นานเข้าร่วมจะเดือนนึง สักประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ นาย ก ก็เข้ามาแจ้งว่ายังไม่ได้ของ และให้เบอร์ของ สนง.ไปรษณีย์

ปลายทาง และบอกผู้ขายว่า ให้ช่วยเลขตามเลขพัสดุ ที่ผู้ขายให้ไป เช็คแล้วไม่มีของดังกล่าว คุณส่งให้จริงหรือเปล่า 

เป็นต้น

....จน ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีโน้ตน้อยๆสีชมพู ส่งมาจากไปรษณีย์ ว่าให้ไปรับของและชำระเงินค่าส่งกลับ

แว๊บนึงของผู้ขาย ก็นึกว่่าต้องเป็นของเคส นาย ก แน่ๆ เพราะเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้รับ....ก็จึงดำเนินการไปรับของ

ซึ่งระยะทางบ้าน และ สนง. ก็ไกลร่วมๆ 20 โล (เล่าให้ฟังเฉยๆ)

พอไปถึงก็ได้ของ เป็นของ นาย ก จริงๆ

แต่ที่หน้าซองระบุว่า

ไม่มีผู้มารับภายในระยะเวลาที่กำหนด....พอสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากไปรษณีย์ที่ไปรับเรื่อง...

เขาอธิบายว่า เกิดจาก ที่อยู่ นาย ก ที่ให้ไป... ไม่มีผู้รับของ ก็ทำโน้ตให้ไปรับ ที่ ไปรษณีย์ใหญ่...โดยระบุระยะเวลาไปรับ เช่น

1 สัปดาห์เป็นต้น

ก็ยังไม่มีใครไปรับ จนให้ระยะเวลาถึง 2 รอบ ก็ยังไม่มี จึงทำให้ส่งกลับมาที่ผู้ส่ง(ต้นทาง)

แต่พอไปแจ้ง นาย ก ให้ทราบ เขาก็ยังยืนยันว่าที่อยู่ที่ให้ไป มีคนอยู่ตลอดเวลา แถมยังถ่ายรูปมาให้ดู ว่า เจ้าอื่นๆ คนอื่นๆก็ส่ง

มาที่อยู่นี้ก็ถึง....รวมแม้กระทั่ง ยืนยันว่า ไม่มีโน้ตน้อยๆจากไปรษณีย์ด้วยซ้ำ

ซึ่งผู้ขายบอกตรงๆ ว่า งง ว่ามีเคสแบบนี้ด้วยหรอ...

บุรุษไปรษณีย์จะ โมเม กรอกข้อมูลที่ซองเองหรอ ว่าไม่มีคนรับของ...

จนผู้ขายยื่นคำขาด ว่า จะให้ทำไง 

นาย ก บอกว่า ถ้ายืนยันจะขายก็ส่งมา ถ้าไม่ขายก็โอนเงินกลับมา เอิบบบบ ดูพูดเข้า...แถมยังโวยวายว่า เขาเองก็ขายของแบบ

นี้เหมือนกัน ไม่เคยเจอเหตุแบบนี้มาก่อน

ผู้ขายจึงถาม(หยั่งเชิง) ว่า แลว้จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยใช่ไหม ที่ทำให้วุ่นวายแบบนี้ หรือถ้าส่งไปรอบใหม่ แน่ใจได้ไงว่าจะ

ไม่โดนตีกลับมาแบบรอบแรก...

นาย ก จึงพูดว่า จะให้โอนเงินค่าปรับคืนให้ก็ได้...

17.50 เนี่ยนะ...มันคุ้มค่าโอนไหม ผู้ขายย้อนถามกลับไป

จนแล้วจนรอด ผู้ขายก้อต้องโอนเงินค่าซื้อหนังสือล๊อตนี้คืน นาย ก 

แหมๆๆๆ 

พอโอนเสร็จก้อบล๊อคเฟสหนีเลย คงกลัวเราจะไป cap ข้อความประจานที่เฟสหรือในกลุ่มขายหนังสือด้วยละสินะ...

จริงๆตัวเงินที่โอนไม่ใช่ประเด็นหรือเรื่องสำคัญ (แม้มันก้มากอยู่นะ) 

แต่มันเกี่ยวที่ มาล้อเล่นกับความรู้สึกทำไม....เพราะฟังจากที่ นาย ก พูดๆๆมา ก็เหมือนโกหกทั้งเพ ความผิดหรือสาเหตุจาก

ปลายทางแท้ๆ...แต่พูดเหมือนไม่แฟร์ ไม่รับผิดชอบใดๆเลย...ถ้าเกี่ยวกับการแพ็คของไม่ดี ขาดหยุยหรือเปียกจนทำให้ต้อง

โดนตีกลับจะไม่บ่นและยอมรับผิดว่าซีนของไปไม่ได้เลย

....ขอยืมคำพูด ช่วงของข่าวช่อง 7 ว่า 

แบบนี้ก็ได้หรอครับ..ใครผิดใครถูกกันละ