สำหรับบนทางด่วน หรือมอเตอร์เวย์ที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูงไม่ให้รถที่มีผู้โดยสารนั่งกระบะท้ายใช้ทางอยู่แล้ว แต่ทางเรียบ ก็ยังมีผู้ขับขี่และผู้โดยสารบางส่วนที่ไม่เห็นความสำคัญด้วยการ โดยสารในบริเวณกระบะท้ายรถ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเล่นน้ำด้วยการนั่งกระบะท้ายรถบรรทุกถังน้ำ โดยไม่มีสิ่งใดยึดเหนี่ยวร่างกายไว้เลย เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนหรือยางระเบิดผู้โดยสารที่นั่งในกระบะท้ายดังกล่าวจะถูกเหวี่ยงไปคนละทิศละทางซึ่งก็เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วบ่อยครั้ง
แม้จะมีพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 หมวด 3 ว่าด้วยการบรรทุก บัญญัติไว้ใน ม.20 ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถบรรทุกคน สัตว์ หรือสิ่งของ ต้องจัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้คน สัตว์ หรือสิ่งของที่บรรทุกตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น ส่องแสงสะท้อนหรือปลิวไปจากรถ อันอาจก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ ทำให้ทางสกปรก เปรอะเปื้อน ทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน หรือก่อให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และ ม.148 ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืน ม.20 ปรับไม่เกิน 500 บาท
ดังนั้นการบรรทุกคนตรงกระบะท้ายโดยไม่ได้จัดให้มีสิ่งป้องกันมิให้คนตกหล่นจากรถ ก็ถือว่ามีความผิด แม้จะไม่เป็นทางด่วนหรือทางมอเตอร์เวย์ก็ตาม
หลายท่านอาจเห็นว่าตัวเลขค่าปรับ! เพียงน้อยนิด แต่หากคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้โดยสารแล้วล่ะก็ การลงทุนติดตั้งหลังคากระบะก็พอช่วยป้องกันชีวิตได้บ้าง หรืออย่างน้อย ผู้ขับก็ควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เมื่อมีผู้โดยสารกระบะหลัง ไม่เช่นนั้นอาจต้องมาเสียใจภายหลัง
นี่คือความปรารถนาดี และห่วงใยในชีวิตจากภาครัฐฯ ถึงพี่น้องประชาชนชาวไทย เพราะการเดินทางด้วยรถยนต์บนท้องถนนทุกวันนี้มีความเสี่ยงกว่าในอดีต เนื่องจากเทคโนโลยียานยนต์ปัจจุบันพัฒนาก้าวหน้าจนรถวิ่งได้เร็วเกินกว่า100 กม./ชม. ซึ่งเป็นอัตราความเร็วที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมักมีการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากผู้ขับขี่ อาจขาดทักษะ หรือตัวรถ และปัจจัยอื่นๆ บนท้องถนน ทำให้มีเวลาในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าน้อยมากนั่นเอง