ทรัมป์ลั่น!!! ชัดเจนจะรื้อมัสยิดอัลอักซอ แล้วสร้างวิหารขึ้นแทน10 พฤศจิกายน 2559
ทรัมป์ลั่น!!! ชัดเจนจะรื้อมัสยิดอัลอักซอ แล้วสร้างวิหารขึ้นแทน....
(10 พฤศจิกายน 2559)
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนั้ล ทรัมป์ ประกาศชัดเจนว่าจะทำลายมัสยิดอัลอักซอแล้วสร้างวิหารขึ้นให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประกาศสงครามศาสนาอย่างชัดเจน ทำไมต้องเป็นอัลกุดส์(มัสยิดอักซอ) เพื่อสร้างมหาวิหารไว้รอต้อนรับการมาของ "ดัจญาล"
มัสยิดอักซอ(ตัวอาคารโดมสีเทา) ที่ยิวอ้างว่าในอดีตเป็นสถานที่ตั้งของวิหารโซโลมอน(นบีสุไลมาน)นั้น อักซอในประวัติศาสตร์ คือกิบลัต(ชุมทิศ ที่มุสลิมหันหน้าไปยามละหมาดและขอพรดุอา)ในอิสลาม ในตอนแรกเวลามุสลิมจะละหมาดจะต้องผินหน้ามายังบัยตุลมักดิส(เยรูซาเล็ม)ทุกครั้ง จนมีโองการจากอัลลอฮให้มุสลิมทำละหมาดหันไปทางวิหารกะบะฮ์ ที่มหานครมักกะฮ์แทน
มัสยิดอักซอเป็นหนึ่งในสามมัสยิดที่มีความสำคัญของศาสนาอิสลาม รองจาก สถานที่ตั้งของวิหารกะบะฮ์ มัสยิดฮารอม ที่มหานครมักกะฮ์ และมัสยิดนาบาวีย์ นครมาดีนะฮ์ มัสยิดที่สร้างโดยศาสดามุฮัมมัด มีบางรายงานทางประวัติศาสตร์ ระบุว่าบุคคลแรกที่เริ่มสร้างมัสยิดอักซอ คือท่านนบียะกู๊บ(ยาคอบ) อะลัยฮิสลาม (หลังจากที่ท่านนบีอิบรอฮีม(อับราฮัม) ได้สร้างมัสยิดฮารอม ที่มหานครมักกะฮ์(เมกกะ) ขึ้นมาก่อนแล้ว ประมาณ 40 ปี) ต่อมาได้รับการบูรณะอีกครั้งหนึ่งในสมัยท่านนบีดาวูด(กษัตริย์เดวิด) อะลัยฮิสลาม ลูกของท่านนบีสุไลมาน(โซโลมอน)อะลัยฮิสลาม จึงนับได้ว่ามัสยิดอักซอ เป็นมัสยิดแห่งที่สองของโลกรองจากมัสยิดฮารอม สถานที่ตั้งของวิหารกะบะฮ์
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดมีชีวิตอยู่ มหาอำนาจในขณะนั้นคืออาณาจักรไบแซนไทน์ คือพวกโรมันที่เปลี่ยนมาเป็นคริสเตียน โดยจักรพรรดิ์โรมันชื่อ จัสติเนี่ยน (Justinian) ได้ตั้งศูนยืกลางอาณาจักรที่คอนสแตนติโนเปิล หรืออิสตันบูลในปัจจุบัน เรียกว่าโรมันตะวันออก ส่วนโรมันที่โรม ก็เป็นอาณาจักรโรมันตะวันตกที่กำลังล่มสลาย คู่แข่งของไบแซนไทน์ที่กำลังอ่อนแรงลงคือ อาณาจักรเปอร์เซีย
เยรูซาเล็ม และเมืองสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระเยซู หลายเมืองในยุคของท่านศาสนทูตมูฮัมมัด อยู่ใต้การปกครองของพวกไบแซนไทน์ ครั้งที่ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดยังมีชีวิตอยู่ท่านได้เจรจาปรองดองกับไบแซนไทน์ และหวังว่าพวกไบแซนไทน์จะรับอิสลาม แต่ในที่สุดหลังจากท่านศาสนทูตสิ้นชีวิตลง ในช่วงเวลาต่อมากองทัพฝ่ายอิสลามก็มีชัยชนะเหนือไบแซนไทน์ในดินแดนปาเลสไตน์ เยรูซาเล็มตกเป็นของอาณาจักรอิสลามที่ขยายอำนาจขึ้นอย่างรวดเร็ว
เยรูซาเล็มถูกพิชิตโดยกาหลิบหรือคอลีฟะห์อุมัร อิบนุ คอตฏอบ กาหลิบคนที่ 2 ไม่มีพบหลักฐานแน่ชัดว่าหลังจากพิชิตเยรูซาเล็มได้แล้ว ท่านกาหลิบอุมัร ได้ก่อสร้างมัสยิดอัล-อักศอ ไว้อย่างไร แต่นักโบราณคดีคาดว่ามัสยิดอักศอ ที่พบหลักฐานน่าจะเป็นมัสยิดที่มีความจุถึง 3,000 คน โดยตำแหน่งที่ตั้งเดิมน่าจะอยู่ตรงมุมใดมุมหนึ่งบน The Temple Mount และผู้สร้างน่าจะเป็นมุอาวิยะห์ที่ 1 กษัตริย์แห่งราชวงศ์มุอาวิยะห์ และต่อมาในปี ค.ศ. 690 ได้รับการบูรณะและขยายขนาดออกไปโดยกาหลิบ อับดุลมาลิก และสร้างอาคารวิหารโดมทองขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง บางหลักฐานก็ว่าคนที่บูรณะและสร้างวิหารโดมทองเป็นลูกชายกาหลิบอับดุลมาลิก ชื่อ อัล-วาลิด
ในปี ค.ศ. 742 วงศ์อุมัยยะห์ ก็ถูกโค่นล้มโดยตระกูลอับบาส ซึ่งเป็นญาติกันเอง ตระกูลอับบาสก่อตั้งราชวงศ์อับบาซิยะห์ หรือ Abbasid ก่อนหน้าวงศ์อับบาสิดขึ้นสู่อำนาจ 4 ปี ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทำให้มัสยิดอัล-อักศอ ถูกทำลายลง กาหลิบคนที่ 2 แห่งราชวงศ์อับบาสซิด ชื่อ อบู ยะฟัร อัล-มันซูร บูรณะมัสยิดขึ้นมาใหม่ และสร้างประตูทางเข้าด้วยทองที่เรียกว่า Golden Gate การซ่อมบูรณะเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 771 ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งที่สองในปี ค.ศ. 774 คราวนี้นอกจากทำให้ส่วนที่บูรณะใหม่เสียหายแล้ว ยังทำให้มัสยิดส่วนทิศใต้เสียหายอีกด้วย
มาถึงปี ค.ศ. 780 กาหลิบคนใหม่ขึ้นสู่อำนาจ มูฮัมมัด อัล-มะห์ดี สั่งให้ซ่อมบูรณะ แต่ให้ลดความยาวตัวอาคารและเพิ่มความกว้างมัสยิด มีการบันทึกไว้ว่า มัสยิดอักศอ “มี 15 โถงทางเข้า 15 ประตู” ปี ค.ศ. 1033 เกิดแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ก่อเกิดความเสียหาแก่มัสยิดอย่างรุนแรง ในเวลานั้นราชวงศ์จากอียิปต์มีอำนาจในอาณาจักรอิสลาม คือราชวงศ์ฟาติมียะห์ หรือฟาตีมีย์ กาหลิบชื่อ อลี อัซ-ซาฮีร์ บูรณะขึ้นมาใหม่ เสร็จสิ้นในปี 1036 ประตูเดิม 15 ช่อง ถูกลดลงเหลือ 7 ช่อง และเปลี่ยนหลังคาเป็นรูปจั่วทำด้วยไม้ เพื่อลดความเสียหายหากเกิดแผ่นดินไหวในคราวต่อไป
ปี 1099 เยรูซาเล็มถูกกองทัพครูเสดยึดได้ พวกอัศวินครูเสดเปลี่ยนชื่อมัสยิดอัล-อักศอ เป็นวิหารโซโลมอน อีกครั้งหนึ่ง และใช้เป็นที่ทำการอัศวินเทมปร้า ในปี 1119 พวกครูเสดถือวิสาสะดัดแปลงอาคารเดิมโดยก่อผนังแบ่งพื้นที่เป็นโบสถ์คริสต์ ฝ่ายกองทัพอิสลามยึดเยรูซาเล็มคืนจากพวกครูเสดได้ในปี 1187 โดยซาราเซน หรือแม่ทัพ Salahuddin Al-Ayyoubi คราวนี้ฝ่ายมุสลิมก็ต้องทำการบูรณะเป็นการใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เมื่อราชวงศ์ของเติร์กคืออุสมานีย์ หรือออตโตมานเข้าครองอำนาจเหนืออาณาจักรอิสลามในปี 1517 พวกเติร์ก บูรณะไม่เพียงอัล-อักศอ แต่ได้สร้างพื้นที่โดยรอบใหม่ทั้งหมดรวมทั้งส่วนตกแต่ง เช่น ลานน้ำพุที่เรียกว่า Fountain of Pasha ที่สร้างขึ้นในปี 1527 สร้างสระน้ำ Pool of Raranj
• วิหารโซโลมอนถูกสร้างขึ้นปี 958-951 ก่อนคริสต์ศักราช และถูกทำลายโดยชาวบาบิโลเนียนในปี 587
• วิหารโซโลมอนที่สอง ถูกสร้างขึ้นในปี คศ 37-4 ก่อนคริสต์ศักราช และถูกทำลายโดยโรมันในปี ค.ศ. 70
• โบสถ์เซนต์แมรี่ ถูกสร้างขึ้นในตำแหน่งเดียวกับวิหารที่ 2 โดยจักรพรรดิจัสติเนี่ยน แห่งไบแซนไทน์ ในปี ค.ศ. 560
• ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) เกิดปี ค.ศ. 572
• โบสถ์เซนต์แมรี่ โดนเผาทำลายโดย จักรวรรดิแซดซานิดส์ แห่งเปอร์เซีย เมื่อปี ค.ศ. 614
• เหตุการณ์อิสรอ มิอ์รอจ กล่าวว่าท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) เดินทางไป "มัสยิดที่ไกลที่สุด" โดยใช้เวลา 1 คืน ในปี ค.ศ. 622
• ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) เสียชีวิต ปี ค.ศ. 632 (อายุประมาณ 63 ปี)
• โดมออฟร็อค ถูกสร้างโดย Amir Abd-ul-Malik ในปี ค.ศ. 688-691
มัสยิดอัลอักซอถูกสร้างปี ค.ศ. 715
คำทำนาย สร้างพระวิหารหลังที่สามของยิว ใน Bible
“...แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือว่าในสมัยจะสิ้นยุคนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค...” 2 ทิโมธี 3:1 อย่างเช่นแผ่นดินไหว น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนภูมิศาสตร์โลกเปลี่ยนไป อีกทั้งระบบเศรษฐกิจโลกที่กำลังปั่นป่วน หุ้นตก บริษัทยักษ์ใหญ่ล่มสลาย รวมไปถึงปัญหาการเมืองทั้งภายในและนอกประเทศที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ราวกับว่าเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ได้กำลังส่งสัญญาณเตือนเราเป็นระยะๆ แล้วอะไรกันแน่ที่จะเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของ “ยุคสุดท้าย” ว่ามันได้เริ่มขึ้นแล้ว
พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัวกราบทูลว่า “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไรสิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และยุคเก่าจะสิ้นสุดลง” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่..
” มัทธิว 24:3-8 แม้ในพระคัมภีร์จะได้กล่าวเตือนไว้หลายประการถึงสัญญาณต่างๆ แต่หลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ว่าจะมี พระคริสต์เทียมเท็จ สงคราม การกันดารอาหาร หรือเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งจะต้องมีก่อนยุคใหม่
...ท่านผู้หนึ่งจึงเอาไม้อ้อท่อนหนึ่งให้ข้าพเจ้ารูปร่างเหมือนไม้วัด แล้วสั่งข้าพเจ้าว่า “จงลุกขึ้นไปวัดพระวิหารของพระเจ้า และแท่นบูชาและคำนวณคนทั้งหลายซึ่งนมัสการในนั้น แต่ไม่ต้องวัดลานชั้นนอกพระวิหารนั้น เพราะว่าที่นั่นได้มอบให้แก่คนต่างชาติแล้ว และเขาจะเหยียบย่ำวิสุทธนคร ตลอดสี่สิบสองเดือน..” วิวรณ์ 11:1-2
42 เดือน เท่ากับ 3 ปีครึ่ง จากพระคัมภีร์ใหม่ตอนนี้ไปสอดคล้องกับพระคัมภีร์เดิมอีกตอนหนึ่ง ..ที่สุดปลายของมันจะมาถึงด้วยน้ำท่วม จนกระทั่งที่สุดจะมีสงคราม มีความวิบัติกำหนดไว้ มันจะทำพันธสัญญาเข้มแข็งกับคนเป็นอัน มากอยู่หนึ่งสัปตะ ท่านจะกระทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปตะ...
ดาเนียล 9:26-27 1 สัปตะ เท่ากับ 7 ปี ครึ่งสัปตะ จึงเท่ากับ 3 ปีครึ่ง จากพระธรรมทั้งสองข้อที่สอดคล้องกันนี้ ทำให้เราทราบแบบคร่าวๆ ว่า จะต้องมีการสร้างพระวิหารขึ้นมา ภายใน 7 ปี และมีการหยุดพักครึ่งทาง คือ 3 ปีครึ่ง
ดังนั้น การสร้างพระวิหารหลังที่ 3 จึงกลายเป็นสัญญาณเตือนให้เราทราบถึงกำหนดของยุคสุดท้าย เพราะหลังจากปี ค.ศ. 2000 ที่ผ่านมาได้มีการเคลื่อนไหวมากมายเกี่ยวกับการสร้างพระวิหารหลังที่ 3 ในอิสราเอล มีการแห่ก้อนศิลาสำหรับทำพระวิหารในเยรูซาเล็ม อีกทั้งยังมีกลุ่มสมาคมลับกลุ่มหนึ่งซึ่งเคยอ้างว่าจะสร้างพระวิหารเมื่อปี ค.ศ. 1909 และจะครบกำหนด 100 ปี ในปี 2009 นั่นคือ “สมาคมฟรีเมสัน (FREE MASON)”
สมาคมนี้เป็นสมาคมเกี่ยวกับช่างก่อสร้าง และอ้างว่าพวกเขาได้ค้นพบแปลนพระวิหารตั้งแต่สมัยสงครามครูเสดโดยกลุ่มอัศวินเทมปลาร์ (Knight Templar) จึงมีเป้าหมายที่จะสร้างพระวิหารมาตลอด และสมาคมนี้ยกย่อง ฮีราม (Hiram) หรือ หุราม ให้เป็นดังศาสดาของพวกเขา ฮีรามคือช่างฝีมือในยุคของโซโลมอนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพระวิหารหลังแรก
พระวิหารหลังที่ 3 สัญลักษณ์ของยุคสุดท้าย
เมื่อปี 1948 อิสราเอลได้กลับมาเป็นรัฐชาติอีกครั้ง หัวใจของชนในชาติที่รวมศูนย์ก็คือพระวิหารที่อยู่ใจกลางเมืองเยรูซาเล็ม นับตั้งแต่พระวิหารหลังแรกถูกทำลายโดยชาวบาบิโลนเนียน และมีการซ่อม เสริม สร้างพระวิหารขึ้นมาใหม่หลายหน จนพระวิหารก็ถูกทำลายไปอีกในปี ค.ศ.70 โดยชาวโรมัน
แน่นอนว่ารัฐชาติของอิสราเอลก็ล่มไปพร้อมกับพระวิหาร แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปกว่า 2,000 ปี รัฐชาติที่ไม่น่าจะกลับมาได้ก็กลับมามามีชีวิตอีกครั้ง
พระวิหารหลังต่อไปคือแผนการที่ชนชาตินี้ตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างขึ้นให้จงได้ แต่เวลาก็ผ่านไปถึง 60 ปีแล้ว โครงการดังกล่าวก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ พระอิสราเอลยังไม่สามารถครอบครองพื้นที่บริเวฯพระวิหารเดิมได้อย่างเบ็ดเสร็จ
แต่ดูเหมือนว่าความเป็นจริงเข้าใกล้มาทุกที แผนการสร้างพระวิหารหลังที่ 3 กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววัน ชั่วชีวิตนี้เราคงได้เห็น
อะไรเป็นสาเหตุของการสร้างใครจะเป็นคนสร้างและเมื่อไร โปรดติดตามตอนต่อไป
พระวิหาริย์หลังที่สามที่ยิว เตรียมพร้อมที่จะสร้าง
ประวัติเยรูซาเล็ม อิสราเอล 4000 ปี ภายใน 5 นาที
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน