สัญญาณอันตรายตลาดที่อยู่อาศัยจากความคืบหน้าในการก่อสร้าง

ณ กลางปี 2559 มีที่อยู่อาศัยในมือผู้ประกอบการรอคนซื้ออยู่ทั้งหมด 174,750 หน่วย แต่ในจำนวนนี้สร้างเสร็จตั้งแต่ 60% ขึ้นไป มีอยู่ 92,045 หน่วย ที่เหลือยังเสร็จไม่ถึง 60% มีถึง 82,705 หน่วย ถ้าตลาดสะดุดขึ้นมา จะทำให้เกิดความเสียหายหนักได้
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ซึ่งได้เก็บข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างละเอียดและต่อเนื่องที่สุดตั้งแต่ พ.ศ.2537 พบว่า จำนวนหน่วยขายที่รอการขาย แต่ยังสร้างไม่เสร็จมีค่อนข้างมาก เป็นภาวะเปราะบางประการหนึ่ง ที่ควรได้รับการแก้ไข
ในจำนวนที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการที่รอผู้ซื้ออยู่นั้น มีเพียง 92,045 หน่วยที่เสร็จตั้งแต่ 60% ขึ้นไป ในกรณีที่อาจเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ หน่วยขายเหล่านี้ยังสามารถ "กัดฟัน" สร้างต่อให้แล้วเสร็จ พ้นจากปัญหาไปได้ ส่วนที่สร้างเสร็จไม่ถึง 60% ที่มีอีก 82,705 หน่วย ก็คงจะกลายเป็นอาคารสร้างค้าง และทิ้งไปกลายเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่สร้างได้ไม่ถึง 40% ซึ่งคงต้องล้มเลิกไป มีอยู่ 55,511 หน่วย ซึ่งจะได้รับผลกระทบหนัก ไม่สามารถสร้างต่อได้นั่นเอง
สำหรับในรายละเอียด ตามประเภทของที่อยู่อาศัย จะพบว่า
1. ในกรณีบ้านเดี่ยว ที่สร้างได้ตั้งแต่ 60% แล้ว มีอยู่ 23,981 หน่วย จากทั้งหมด 38,901 หน่วย หรือ 62% ของทั้งหมด แสดงว่าในกลุ่มบ้านเดี่ยวส่วนมากจะปลอดภัย
- ในกรณีบ้านแฝด ที่สร้างได้ตั้งแต่ 60% แล้ว มีอยู่ 7,348 หน่วย จากทั้งหมด 12,089 หน่วย หรือ 61% ของทั้งหมด แสดงว่าในกลุ่มบ้านแฝด ก็คล้ายกับบ้านเดี่ยวส่วนมากจะปลอดภัย
- ในกรณีทาวน์เฮาส์ ที่สร้างได้ตั้งแต่ 60% แล้ว มีอยู่ 26,269 หน่วย จากทั้งหมด 49,304 หน่วย หรือ 53% ของทั้งหมด แสดงว่าในกลุ่มทาวน์เฮาส์ราวครึ่งหนึ่งที่อยู่ในภาวะปลอดภัย
- ในกรณีตึกแถว ที่สร้างได้ตั้งแต่ 60% แล้ว มีอยู่ 2,091 หน่วย จากทั้งหมด 4,501 หน่วย หรือ 46% ของทั้งหมด แสดงว่าในกลุ่มตึกแถวจำนวนเกินครึ่งที่อยู่ในภาวะที่เสี่ยง
- ในกรณีห้องชุด ที่สร้างได้ตั้งแต่ 60% แล้ว มีอยู่ 31,275 หน่วย จากทั้งหมด 68,874 หน่วย หรือ 45% ของทั้งหมด แสดงว่าในกลุ่มห้องชุดจำนวนเกินครึ่งที่อยู่ในภาวะที่เสี่ยง ถือเป็นกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุด
ทางออกที่สมควรก็คือการคุ้มครองเงินดาวน์ของผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 แต่ต้องแก้ไขให้เป็นภาคบังคับสำหรับผู้ประกอบการทุกรายเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค และเมื่อผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นแล้ว ก็จะซื้อบ้านในตลาดมากขึ้น อันจะช่วยเป็นการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจสำคัญประการหนึ่ง
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1589.htm
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
"ธรรมนัส" สวนดราม่าจัดซีเกมส์ ย้ำไทยพร้อม 100% แต่ขอทำแบบ "พึ่งตัวเองล้วนๆ"
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
"ธรรมนัส" สวนดราม่าจัดซีเกมส์ ย้ำไทยพร้อม 100% แต่ขอทำแบบ "พึ่งตัวเองล้วนๆ"
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน


