อาชีพแปลกๆของคนจีน : เลี้ยงตัวอ้น ยอดสมุนไพรจีนเปลี่ยนร่างผลัดกระดูก
อาชีพแปลกคราวนี้ เราจะพาผู้อ่านทุกท่านไปชมการเลี้ยงอ้น หรือที่คนจีนเรียกว่า竹鼠 หนูไม้ไผ่ ที่กุ้ยหลินกันครับ อันตัวอ้นนี้ ที่เห็นตัวขาวน่ารักในภาพข้างล่างนี่ เขาไม่ได้เลี้ยงเพื่อขายให้กับร้านสัตว์เลี้ยงหรือคนชอบตัวน่ารักๆอะไรนะครับ เขาเลี้ยงไว้เพื่อขายเป็นอาหารและยาสมุนไพรตะหาก มีบันทึกในตำราจีนว่าสรรพคุณของมันมีมากมาย
ปีหนี่งๆนี่สามารถทำรายได้มากกว่าสิบล้านหยวน การขายแต่ละครั้ง ทำกำไรไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นหยวน ในครั้งนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับคนที่เรียกได้ว่าเป็นคนแรกๆที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงอ้น
จนสามารถให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้เลี้ยงคนอื่นได้ แต่กว่าที่บุคคลผู้นั้นจะมีวันนี้ได้ ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ และที่พิเศษกว่านั้นคือเขาเป็นคน Generation Y (คนที่เกิดยุคปี 80 เป็นต้นไป) ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจหลังจบการศึกษาไม่นานด้วย เขาจะเป็นใครนั้น เชิญรับชมได้ ณ บัดนี้
เรามาที่กุ้ยหลิน มาพบผู้เลี้ยงอ้นที่ประสบความสำเร็จกันดีกว่า ชื่อเขาคือเหลียงชิวโป คนกุ้ยหลิน มณฑลกว่างซี ประสบการณ์เลี้ยงมานานกว่าห้าปี เขาจะพาเราไปดูที่เพาะเลี้ยง (ดูได้ในคลิป) ทำเป็นถ้ำที่อบอุ่น พอที่จะให้อ้นอยู่ได้โดยไม่หนาวจนจำศีล ยาวสองร้อยห้าสิบกว่าเมตร กว้างแปดเมตร ภายในบรรจุกรงไว้มากกว่าสามพันกรง เลี้ยงอ้นจำนวนเรือนหมื่น นี่คือสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่กว่าที่เขาจะมาถึงตรงนี้ได้ เขาจะเล่าให้ฟังว่าทำไมเขาถึงคิดจะเลี้ยงตัวอ้นขาย กว่าจะมีวันนี้เขาผ่านอะไรมาบ้าง
หลังจากนั้นนายเหลียงก็ไปดูความต้องการของตลาดในที่ต่างๆ พบว่าตอนนั้นประเทศจีนผลิตอ้นเพื่อขายได้เพียงหนึ่งในสามของที่ต้องการทั้งประเทศ แถมคนที่ขายก็ทำรายได้งามมากในแต่ละครั้ง พอเช็คว่าขายได้แล้วแกก็ตกลงตัดสินใจเลี้ยง อุปสรรคแรกที่พบคือการคัดค้านจากพ่อแม่ของเขา
พวกเขาคิดว่าบรรพบุรุษเหนื่อยแสนเข็ญกว่าจะเลื่อนระดับจากเกษตรกรมาเป็นชาวเมืองใหญ่ นี่อะไรกัน อยากจะกลับไปเป็นเกษตรในชนบทอีกเหรอ แถมเงินเดือนของการเป็นหมอก็สูงอยู่แล้ว แกจบหมอมานะ จะให้ไปทำปศุสัตว์ บ้ารึเปล่า นายเหลียงแกมั่นใจมาก ก็เลยลาออกจากงานหมอ มาจับงานตรงนี้ พ่อแม่ก็ได้แต่ทำใจ ยอมรับการตัดสินใจของลูก
นายเหลียงเปลี่ยนชั้นที่หนึ่งของบ้านตัวเองให้เป็นห้องเพาะเลี้ยง นำอ้นเข้ามาเลี้ยงไม่กี่ตัวเพื่อลองเชิง ใช้ไม้ไผ่ อ้อย ข้าวโพดเพื่อเป็นอาหาร ตั้งเป้าไว้ที่ขยายให้ได้พันตัวแล้วขายออก ไม่นานนักอ้นก็ออกมาได้ตามจำนวนที่เขาคาดไว้ แถมทุกตัวก็สมบูรณ์ไม่มีปัญหาใดๆ ครั้งแรกที่แกนำออกขาย ได้เงินกลับมาแสนกว่าหยวน พ่อแม่ที่เคยคัดค้าน
ตอนนี้หน้าบานเป็นกระด้ง เป้าหมายต่อไปของนายหยวนก็คือขยายพันธุ์ให้ได้หมื่นตัว แต่ว่าถ้าคิดจะทำแบบนั้น พื้นที่ในบ้านแกคงไม่พอแน่ๆ ภายหลังแกได้ที่ทำถ้ำเลี้ยง เป็นสถานที่เย็นตลอดปี ห่างไกลจากผู้คน และลมพัดระบายได้ เมื่อทำเสร็จก็อพยพอ้นไปที่ถ้ำใหม่ แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น
วันหนึ่ง คนงานที่ให้อาหารอ้นพบว่าก้นของลูกอ้นทุกตัวชื้นมาก พอเอาขึ้นมาดูก็พบว่าทุกตัวท้องเสียหมด บางส่วนตายไปแล้วก็มี ภายหลังก็พบว่าในถ้ำชื้นมาก แบคทีเรียโตได้ดี และกรงที่ทำไว้ก็อยู่บนพื้น ไม่มีช่องว่างมากพอ ทำให้เวลามีน้ำในถ้ำ ระเหยออกได้ช้า อ้นจึงป่วยง่ายมาก นายเหลียงเมื่อพบสาเหตุแล้วก็จัดการปรุงยาสมุนไพรให้หนูกิน จริงอยู่ที่เขาเป็นอดีตหมอแผนจีน รักษาคนน่ะได้ แค่รักษาอ้นล่ะ จะเป็นยังไงนะ
นายเหลียงทำการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หาสมุนไพรที่แก้ท้องเสีย ไล่ความชื้นในร่างกายมาให้อ้นกิน ต้นที่นำมาก็มีต้น Schefflera octophylla จีนเรียกต้นตีนเป็ด (คนละตีนเป็ดกับที่เป็นลั่นทมในบ้านเรา) ตัดเป็นท่อนๆ หนึ่งเดือนให้ (แทะ) กินสองครั้ง กับ Agrimonia eupatoria ต้นหญ้าเซียนกระเรียน ใช้ฆ่าเชื้อโรค แก้ลำไส้อักเสบ เอาผสมน้ำให้อ้นดื่ม ร่วมกับคลุกอาหารกิน หนูกินไม่นานก็หายดี แม้กระนั้นนายเหลียงก็ไม่ได้เลิกให้ ยังคงให้กินต่อเนื่องสม่ำเสมอเพื่อกันโรค ให้ร่างกายแข็งแรง อ้นมีสุขอยู่เสมอ
ทีนี้มาว่าด้วยเรื่องของของการขยายพันธุ์ ในหนึ่งปี อ้นจะตกลูกได้สามรอบ (บางปีก็สี่รอบ) แต่ละรอบจะให้ลูกมาสามตัว ปีนึงก็จะได้ลูกอ้นแปดเก้าตัวต่อแม่หนึ่งตัว แม่อ้นที่นายเหลียงเลี้ยงมีอัตราการรอดของลูกอ้นสูง การตกลูกแต่ละครั้งได้ผลอยู่รอดสูงถึงร้อยละเก้าสิบขึ้นไป ไม่นานนักอ้นก็ขยายเพิ่มจำนวนเร็วมาก จนเกินเป้าหมายที่นายเหลียงตั้งไว้ ออกขายรอบต่อมาได้กำไรสูงถึงสามสี่แสนหยวน จังหวะนั้นก็มีคนเริ่มมาขอซื้อ ขอคำแนะนำปรึกษาวิธีการเลี้ยง
ซึ่งนายเหลียงก็ไม่ได้หวงวิชาอะไรนัก มีครั้งนึงที่คนซื้อไปร้อยคู่แล้วเจอปัญหาว่าเลี้ยงมาปีกว่ามันไม่ออกลูกเลย ก็โทรมาต่อว่าแกมันหลอกคนนี่หว่า ไหนบอกว่าปีนึงมันตกลูกสามรอบไง นี่อะไร รอมาปีกว่าแล้วไม่เห็นลูกซักตัว นายเหลียงได้รู้เข้าก็รีบไปหา ไปดูว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ พอเข้าไปดูก็ต้องหัวเราะออกมา
ปกติแล้วอ้นตัวหนึ่งมีน้ำหนักไม่เกินสี่ห้ากิโล แต่เท่าที่นายเหลียงเห็นก็คืออ้นขุนที่หนักเจ็ดกิโลกว่า นายเหลียงแกให้อาหารแต่ละครั้งก็จะควบคุมไม่ให้เกินยี่สิบกรัม แต่ที่นี่ให้ทีละห้าสิบกรัม การให้กินมากไปทำให้อ้นไม่ยอมผสมพันธุ์ เพราะเคลื่อนไหวร่างกายไม่ถนัด นายเหลียงบอกให้ควบคุมอาหารด้วยการให้อาหารหยาบเป็นหลัก เช่นไผ่ อ้อย ส่วนอาหารเสริมอย่างข้าวโพดให้น้อยลงหน่อย สองเดือนผ่านไป อ้นที่คนซื้อไปก็เริ่มตกลูก เขาถึงเข้าใจว่าการควบคุมอาหารเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเลี้ยงที่สำคัญ
อาหารที่นายเหลียงให้อ้นกิน แบ่งเป็นสองประเภท คืออาหารหยาบ เช่นไผ่ อ้อย หญ้าไผ่เหลือง (Pennisetum hydridum เป็นหญ้ากึ่งไผ่กึ่งอ้อย) อ้นกินแล้วเนื้ออ้นจะหวานหอมเมื่อเอาไปทำอาหารแล้ว กับอีกอันหึ่งคืออาหารเสริม ได้แก่ข้าวโพด ข้าวเจ้า รำข้าว เอามาป่นรวมกัน อาหารเสริมมีไว้เพื่อให้อ้นเพิ่มน้ำหนัก ในธรรมชาติอ้นจะกินพวกนี้เพื่อเตรียมจำศีล การให้อาหารเสริมและอาหารหลักในแต่ละรายไม่เหมือนกัน กรณีของนายเหลียงคือให้ทั้งสองส่วนเกือบจะเท่าๆกัน เน้นอาหารหยาบมากกว่าหน่อย เพื่อไม่ให้อ้วนเกิน ส่วนยาสมุนไพรอย่างตีนเป็ดก็เดือนละสองครั้งพอ
นายเหลียงเชาโปประสบความสำเร็จเรื่อยมา ชื่อเสียของแกเริ่มดังไปทั่วภูมิภาค จนมีการสั่งซื้อข้ามมณฑลกันเลยทีเดียว ครั้งหนึ่งนายเหลียงได้รับการสั่งสินค้าครั้งใหญ่ ส่งรอบแรกขนไปได้แปดร้อยตัว ก็ขนขึ้นรถตู้ปรับอากาศ ขับส่งไปด้วยตัวเอง ระหว่างทางนั้นเอง นายเหลียงก็ได้ยินเสียงอ้นดังเจี๊ยวจ๊าวมาจากหลังรถ พอลงไปเช็คก็ต้องตกใจ
บางตัวเริ่มตายไปแล้วก็มี บางตัวเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง นายเหลียงต้องรีบคัดเลือกแต่ตัวที่รอด รีบขับไปส่งต่อ คราวนี้แกเปิดเช็คท้ายรถทุกๆชั่วโมงเพื่อดูว่าอ้นยังสบายอยู่หรือเปล่า อาหารต้องไม่ขาด น้ำต้องไม่ให้พลาด ปัญหาไม่ได้มีแค่นั้น ระบบนำทางในรถดันชี้ผิดทาง ต้องเสียเวลาอ้อมมากกว่าจะถึงที่หมาย ภายหลังเขาพบว่านอกจากระบบนำทางห่วยแล้ว แอร์ในรถดันมีปัญหาอีกตะหาก สรุปแล้วครั้งนั้นนายเหลียงขาดทุนมหาศาล กำไรหายไปเลยแสนกว่า ประสบการณ์ในครั้งนั้นสอนให้นายเหลียงต้องเช็ครถให้ดีก่อนนำส่งทุกครั้ง ติดตั้งระบบปรับอากาศอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขาดทุนอีก
ทุกวันนี้ นายเหลียงเชาโปได้กำไรล้านกว่าหยวนต่อปี เป้าหมายต่อไปคือขยายโรงงานให้ทั่วภูมิภาค เป็นบริษัทของเกษตรกรเพื่อชาวเกษตร ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องขยายพันธุ์ให้ได้ห้าล้านตัวต่อปีในอนาคต นอกจากนี้ยังวางแผนเลี้ยงตัวอ้นสายพันธุ์ใหม่ด้วย คืออ้นแพนด้า เป็นการกลายพันธุ์ในระดับยีนของตัวอ้น ทำให้ได้อ้นที่ขนขาว มีแต้มดำเล็กน้อย (อ้นปกติขนจะดำขลับ) ที่ถ้ำเลี้ยงตอนนี้มีสิบสองตัว
นายเหลียงตั้งใจไว้ว่าจะลองทำให้เป็นอ้นแฟชั่นเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงดู นอกจากนี้การเลี้ยงอ้นของนายเหลียง นำรายได้ให้กับเขตกุ้ยหลินเป็นอย่างมาก เลขาสำนักกานการปศุสัตว์และการประมงประจำเขตกุ้ยหลินออกมาบอกว่า แต่ก่อนนี้โรงงานแปรรูปเนื้ออ้นยังน้อยอยู่ ภาครัฐจะช่วยเปิดโรงงานแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกในเขตของกุ้ยหลินเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสงานของคนในชุมชน และจะช่วยส่งเสริมให้บริษัทของนายเหลียงเป็นสถานที่ที่เลี้ยงและส่งออกตัวอ้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
แม้ตอนนี้นายเหลียงจะได้กำไรมหาศาล แต่นายเหลียงก็ยังไม่หยุดพัฒนาตนเอง เขายังหาหนทางในการเลี้ยงและพัฒนาตัวอ้นให้มีคุณภาพดีขึ้นอยู่เสมอๆ จากเรื่องราวของนายเหลียง แฝงแง่คิดไว้ว่ามีเพียงการทำอะไรบางอย่างด้วยความอุทิศตน จึงส่งผลสำเร็จอย่างใหญ่หลวงในอนาคต และทุกความสำเร็จต้องมาการเริ่มต้นลงมือทำ เมื่อลงมือทำจึงจะพบกับความสำเร็จได้ สำหรับเรื่องราวของคนเลี้ยงอ้นก็จบลงเพียงเท่านี้ ท่านใดสนใจเห็นภาพก็เชิญรับชมได้ที่
http://jingji.cntv.cn/2013/02/07/VIDE1360239665087727.shtml ครับ
Note: ผู้อ่านทุกท่านครับ ที่ผมหายไปนานไม่ใช่อะไรครับ เพราะมีเรื่องยุ่งหลายอย่าง ช่วงนี้กลับมาว่างแล้ว (และอาจจะว่างเกินไปด้วยซ้ำ เพราะงานไม่เข้ามาสองเดือนแล้ว) เลยกลับมาทำตรงนี้ได้ แต่แล้วก็เจอปัญหาใหม่ เพราะเว็บที่ผมเข้าดูบ่อยๆ ก่อนจะลงมือแปล ผมจะโหลดเก็บไว้ในเครื่อง(แอดออนหมาไฟ) แล้วดูไปแปลไป
แต่ตอนนี้ไม่สามารถดูดลงเครื่องได้ละครับ ทั้งเปลี่ยนแอดออน ใช้โปรแกรมช่วยโหลดอย่าง idm หรือ orbit grab ก็ตรวจไม่เจอแล้ว ครั้นจะดูบนเว็บก็กดเร่งหน้าถอยกลับลำบากมากครับ บางทีก็ค้างเลย ต้องรีเฟรชหน้าแล้วรอ กว่าจะถึงส่วนที่อยากดูก็นานพอดู ฉะนั้นเรื่องใหม่ที่จะลงต้องรอกันหน่อยนะครับ