จากที่ให้ดูแค่ 5-10 นาที ก็เริ่มนานขึ้น นานขึ้น เป็นเกือบ ๆ ชั่วโมง และก็เริ่มบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นดูก่อนนอนกันเลยทีเดียว (คือเอาไอแพดส่งลูกเข้านอน ลูกก็ดูจนหลับคาไอแพด)
เป็นแบบนี้มาเกือบสองอาทิตย์ จนเราเริ่มไม่ค่อยสบายใจว่า นี่เราทำถูกต้องแล้วจริง ๆ เหรอ ? แล้วผลเสียต่าง ๆ ที่เราเคยอ่านเจอล่ะ ? มันจะส่งผลกับลูกเราไหม ? คิดอยู่ในใจจึงเริ่มสังเกตพฤติกรรมลูกอย่างจริงจัง
อย่างแรกเลยที่เราเห็นคือลูกเริ่มดูไม่จบคลิป คือดู ๆ ไม่ทันไรจะจิ้มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่ยอมให้เปลี่ยนก็จะเริ่มโวยวาย อันนี้อาจเป็นสัญญาณของสมาธิสั้น (คิดเอาเอง)ต่อมาคือ พอเห็นไอแพดหรือไอโฟนที่ไหน จะเริ่มรบเร้าขอดูตลอด อันนี้ก็เป็นสัญญาณว่าเริ่มติดแล้ว และยังมีนิสัยใจร้อน รอไม่เป็นเพิ่มมาเป็นของแถมอีกด้วย จนในที่สุด เราตัดสินใจว่า ไม่ได้การละ ! ขืนปล่อยให้ดูต่อไป ลูกฉันกลายเป็น Monster แน่ ๆ ปฏิบัติการปฏิวัติขนาดย่อมครั้งนี้จึงเริ่มขึ้น !
วันแรก เริ่มทำสงครามหลังจากเราก็ทำกิจวัตรประจำวันกันปกติ ทีนี้มันก็จะมีบางช่วงที่ลูกเริ่มนึกขึ้นได้ว่าอยากดูไอแพด แกก็จะเริ่มถามหา เราก็ต้องชักจูงลูกไปทำอย่างอื่น เล่นน้ำ ให้อาหารปลา เล่นกับหมา เก็บก้อนหิน รดน้ำต้นไม้ ดูนก อ่านนิทาน คิดอะไรได้ทำหมด
ซึ่งแรก ๆ ต้องอดทนเพราะแกจะถามขอไอแพดบ่อย ๆ ของเรานี่ทุก ๆ 15 นาที ยิ่งตอนจะนอน ยิ่งงอแงใหญ่ เพราะแกติดดูไอแพดแล้วหลับ พอไม่มีให้ดู แม่ก็ต้องกลายร่างเป็นไอแพดแทน วันแรกจำได้ว่าร้องเพลง The wheels on the bus แบบ Non-stop ติดต่อกันประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงจนลูกหลับ คอแหบคอแห้งกันเลยทีเดียว
ข้อสำคัญที่จะทำให้วันแรกสำเร็จได้ คือพ่อแม่ต้องใจเย็น และอดทนเข้าไว้ ลูกอาจจะงอแงมากหน่อย อย่าหงุดหงิด อย่าดุลูก ให้ใช้วิธีชักชวนหลอกล่อให้ลูกสนใจสิ่งอื่น ๆ พยายามทำโลกความจริงของลูกให้สนุกกว่าในไอแพดเข้าไว้
วันที่2,3,4
ถ้าคุณผ่านวันแรกมาได้ ขอให้พึงระลึกไว้เถิดว่าคุณได้ผ่านส่วนที่ยากที่สุดไปแล้ว ขอให้อดทนสู้ต่อไป อย่าได้ยอมแพ้ให้แก่ปีศาจไอแพดเป็นอันขาด วันที่ 2, 3, 4 ของเราค่อย ๆ ง่ายขึ้นตามลำดับ แต่ก็ไม่ได้ง่ายกว่าวันที่ 1 มากนักหรอก อย่าเพิ่งย่ามใจ เพราะเราเริ่มเหนื่อยสะสม จากการทำตัว Active คูณ 2 กับลูก (เพราะต้องทำตัวให้น่าสนใจกว่าเจ้าไอแพด จึงต้องอัพตัวเองไปอีก 1 เลเวล)
มุกต่าง ๆ ที่งัดมาใช้ก็เริ่มจะหมด ลูกเริ่มเบื่อดูนก ดูปลา ทีนี้เราจึงต้องหาตัวช่วยมาเพิ่ม สำหรับเราคือหนังสือจ้า ลงทุนซื้อหนังสือเล่มใหม่ที่คิดว่าลูกจะสนใจ ของเราลูกเริ่มสนใจเรื่องสัตว์ต่าง ๆ เราก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับสัตว์ เลือกที่มีภาพสีสวยน่าสนใจ เอาแบบหนา ๆ หลาย ๆ หน้าหน่อย จะได้อ่านได้จนแกหลับ พอได้หนังสือมาเราก็เริ่มใช้มันแทนที่ไอแพด คือพอลูกร้องอยากจะดูไอแพด
เราก็จะเอาหนังสือมาเปิดอ่าน ชี้ ๆ ภาพให้เขาดูทีละหน้า ๆ แทน แรก ๆ ลูกอาจจะไม่สนใจทันที หรืออาจจะดูแค่ไม่กี่หน้า ให้ทุกคนใช้ความอดทนและความสม่ำเสมอนะคะ อ่านให้น่าสนใจ ทำเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ เล็ก ๆ ใหญ่ ๆ มีเท่าไร จัดเต็มไปเลย ทำให้น่าสนุกตื่นเต้นเข้าไว้ค่ะ ของเราใช้เวลาแค่เพียงสามวัน ลูกก็เลือกดูหนังสือแทนไอแพดแล้วค่ะ
วันที่ 5 และ 6
คือช่วงปลายสงครามสำหรับเราแล้วค่ะ ลูกเริ่มสงบขึ้น มีสมาธิมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แกเริ่มเล่นกับสิ่งของรอบตัวมากขึ้น ช่วงนี้แกจะเริ่มไม่ถามหาไอแพดแล้วค่ะ
หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วว่าคลื่นลมเริ่มสงบ เราก็ปฏิบัติการขั้นต่อไป คือ Say no once and for all (อันนี้ตั้งเอาเอง) คือเราเริ่มวางไอแพด ไอโฟนให้แกเห็น พอลูกเดินมาทำท่าเหมือนจะหยิบขึ้นมา เราก็สอนว่า "No no, put it back please"
พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปกติ อย่าเสียงดังนะคะ แรก ๆ แกอาจจะยังไม่วางเองทันที เราใช้วิธียื่นมือไปจับมือแก แล้วเอาไปวางที่เดิมให้แกเห็น หลังจากนั้นก็ชมว่า "Good job !" หรืออะไรก็แล้วแต่เลยค่ะ เราทำแบบนี้ประมาณสอง-สามครั้ง รู้ตัวอีกทีลูกก็ทำเองได้โดยที่เราไม่ต้องบอกเลยค่ะ คือถ้าแกเห็นไอแพดหรือไอโฟนวางอยู่
แกก็จะพูดพร้อมกับทำไม้ทำมือว่า "No No" (บอกตัวเองเบา ๆ) แล้วเดินไปทำอย่างอื่นแทน
วันสุดท้าย
เราจบสงคราม (ที่เต็มไปด้วยความรัก) ด้วยชัยชนะค่ะ ลูกไม่มีปฏิกิริยาต่อไอแพด ไอโฟนอีกต่อไป เห็นใครใช้ก็ไม่เข้าไปขอดูเหมือนแต่ก่อน เราเองก็เลือกที่จะไม่ใช้ให้ลูกเห็น เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับตัวเขาด้วย ของแถมที่เราได้จากการปฏิวัติครั้งนี้ คือลูกเราชอบหนังสือค่ะ
เห็นหนังสือที่ไหนแกก็จะเข้าไปเปิด ๆ ดู (ดูแต่รูป) และแกมีสมาธิมากขึ้น เรียนรู้คำศัพท์ได้เร็วขึ้นด้วยค่ะ อันนี้จากประสบการณ์ของเราเลย จากที่เราเคยให้แกดูคลิปซ้ำ ๆ เป็น 20-30 ครั้ง แล้วแกพูดตามได้ คำสองคำ เราคิดดีใจ นึกว่าลูกเรียนรู้เร็ว จนมาวันนี้ ลูกเราเห็นหอยทาก เราก็ชี้แล้วบอกเขาว่า "That's a snail" แค่คำเดียว
วันต่อมา เราเดินผ่านที่เดิม พอลูกเห็นหอยทากปุ๊บ แกก็ชี้แล้วพูดว่า "Snail"(แบบไม่ชัด) เราอึ้งมาก ไม่คิดว่าพูดแค่คำเดียวแล้วลูกจะจำได้ ถ้าที่ผ่านมาเราสอนลูกเอง ไม่หลงเสียเวลาไปให้กับไอแพดตั้งนาน ลูกเราคงได้อะไรมากกว่านี้
ถือว่าคุณแม่ท่านนี้ ฉลาดสอนลูกมาก รีบแก้ปัญหาก่อนที่จะแก้ไม่ได้ คอยสังเกตและไม่ดูดายกับปัญหา ซึ่งคุณแม่ทั่วไปมักไม่ค่อยคิดถึงผลที่ตามมา จึงต้องนั่งปวดหัวกับลูกเมื่อสายเกินแก้เสียแล้ว เมื่อมีวิธีการแล้ว คุณแม่ทั้งหลายรีบแก้เสียนะคะ อดทนกันนิดหน่อย แต่เพื่ออนาคตของลูกน้อย ขอเอาใจช่วยให้ได้ลูกแก้วเป็นเด็กดีของพ่อแม่และเป็นคนดีของสังคมประเทศชาติค่ะ