รู้ยัง? เรียนรามฯยังไงให้จบเร็ว
“เรียนรามคำแหง จบยาก” เมื่อรู้ว่า “เรียนรามฯนั้นยากและจบยากแล้ว” ดังนั้น “เรา” (ที่เป็นและที่กำลังจะเป็นนักศึกษารามฯ) จะต้องมีวิธีการเรียนอย่างไร.....สำหรับการเรียนรามฯ นั้น การวางแผน (Planning) เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าวางแผนไว้ดี นักศึกษาสามารถจบการศึกษาได้ด้วยระยะเวลาที่ไวที่สุด คือ “สองปีครึ่ง” [ 2 ปี 1 เทอม]
เป็นเรื่องที่พูดคุยกันทั่วไปว่า “เรียนรามฯ จบยาก เพราะรามฯไม่สอบเข้า แต่สอบออก (จบ)” หรือไม่ก็ “8 ปีสมัครใหม่” ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะมหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นมหาวิทยาลัยเปิด (Open University) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2514 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับนักศึกษาที่ไม่สามารถสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยปิดของรัฐได้ เพราะจำนวนผู้สมัครสอบเข้าเรียนมีจำนวนมาก แต่จำนวนมหาวิทยาลัย (ในขณะนั้น) มีเพียงไม่กี่มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเอกชนก็ยังไม่มี ประกอบกับความสามารถของแต่ละมหาวิทยาลัยในการรับนักศึกษาเข้าสู่กระบวนการเรียนการสอนก็ยังมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น ทางออกสำหรับความต้องการด้านนี้ของสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหงจึงเป็นทางเลือกที่ดี (ไม่เฉพาะกลุ่มนักศึกษาที่พลาดหวังจากการสอบเอ็นทรานซ์แล้ว ยังมีกลุ่มนักศึกษาอีกไม่น้อยที่ไม่เข้าสู่กระบวนการสอบคัดเลือกตั้งแต่ต้น แต่เลือกที่จะศึกษาที่รามฯ โดยตรง)
ทีนี้กลับมาที่ วลีสำคัญของประโยคที่เกริ่นไว้บรรทัดแรกของบทความนี้ว่า “เรียนรามฯ จบยาก” เมื่อรู้ว่า “เรียนรามฯนั้นยากและจบยากแล้ว” ดังนั้น “เรา” (ที่เป็นและที่กำลังจะเป็นนักศึกษารามฯ) จะต้องมีวิธีการเรียนอย่างไร เพื่อที่จะได้จบรามฯได้ตามที่หวัง ซึ่งคงมีหลายคำตอบและหลายวิธีการ แต่สิ่งที่อยากจะเสนอในบทความนี้ คือ “การวางแผนการเรียน” เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง (รหัส 37) ก็เป็นคนหนึ่ง ที่จบปริญญาตรีจากรามฯ ด้วยระยะเวลาที่ไม่ไวเกินไปและไม่นานเกินไป คือ 3 ปี กับอีก 1 เทอม [ภาคการเรียน] ซึ่งนักศึกษารามฯจะนับกันเองว่าเป็นการจบด้วยระยะเวลา “สามปีครึ่ง” (ระบบการจัดการศึกษาของรามฯ ประกอบด้วย 3 เทอม คือ เทอมที่ 1, 2 และ 3 (ภาคฤดูร้อน เรียกกันติดปากว่า “ซัมเมอร์”) แต่ถ้าใครจบในเทอมที่ 2 และ 3 ของปีที่ 4 ก็จะนับว่า “จบสี่ปีเต็ม”) โดยมีจำนวนหน่วยกิตสะสมสำหรับระดับปริญญาตรีไม่น้อยกว่า 144 หน่วยกิต มีเกรดวัดผลการศึกษา 3 ระดับ คือ G (4.00) P (2.25) และ F (0.00) [จะเห็นได้ว่าระยะห่าง (gap) ของคะแนนต่อเกรด G กับ P ห่างกันหลายขุม ฉะนั้น ผมก็อยากจะให้ท่านที่ทำงานด้านทรัพยากรบุคคล เข้าใจว่า การที่คนจบจากรามฯ มีเกรดเฉลี่ย (GPA) ไม่ถึง 2.75 ตามมาตรฐานสังคมนิยมนั้น ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี่เหร่เลยนะครับ เพราะถ้ารามฯ มีเกรดมากกว่านี้ อาจจะได้เกรดเฉลี่ยใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยปิดทั้งหลายที่มีคะแนนเก็บและการสอบวัดผลถึงเทอมละ 2 ครั้ง]
"น้องป๊อบ" มนสินี ชูสุวรรณ อายุ 19 ปี บัณฑิตพรีดีกรีคณะรัฐศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งข้าราชการทหารชั้นสัญญาบัตร ปัจจุบันรอบรรจุแต่งตั้งเป็นเรืออากาศตรีหญิงแห่งกองทัพอากาศไทย
ด้วยมีนักศึกษารามฯจำนวนไม่น้อยที่จบด้วยระยะเวลา “3 ปีครึ่ง” หรืออย่างเร็วที่สุด คือ “2 ปีครึ่ง” แต่ผมก็เห็นว่ายังไม่มีใครที่ออกมาให้คำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเรียนต่อที่รามฯให้แก่คนที่สนใจเรียนรามฯให้เป็นที่ทราบกันในวงกว้าง แต่มักจะเป็นการแนะนำแบบ “ตัว-ตัว” เสียมากกว่า ดังผมจะสาธยายให้เป็นที่รับทราบกันในลำดับต่อไปนี้ ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึงการกำหนดเป้าหมาย (Goal) เพราะเป้าหมายการเรียนรามฯ ก็คือการเรียนแล้วจบ ได้รับปริญญาบัตร และระยะเวลาที่จะจบ ก็ไม่จำเป็นต้องกำหนด เพราะระยะเวลาการเรียนก็เช่นเดียวกับการเรียนที่มหาวิทยาลัยรัฐ และเอกชนอื่น ๆ คือ 4 ปี (มาตรฐาน) ผมจะพุ่งตรงไปที่ การวางแผน เพื่อการเรียนรามฯที่สามารถจบได้ในระยะเวลา 2 ปีครึ่งเพียงอย่างเดียว
สำหรับการเรียนรามฯ นั้น การวางแผน (Planning) เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าวางแผนไว้ดี นักศึกษาสามารถจบการศึกษาได้ด้วยระยะเวลาที่ไวที่สุด คือ “สองปีครึ่ง” [ 2 ปี 1 เทอม] ผ่านสิ่งที่ต้องตระหนักให้มาก ดังต่อไปนี้
การลงทะเบียนวิชาเรียน ในแต่ละเทอมนักศึกษาสามารถลงทะเบียนรายวิชาในเทอม 1 และ 2 ได้สูงสุดไม่เกิน 24 หน่วยกิต ถ้าคิดเป็น “เล่ม” [วิชา] ตามที่ชาวรามฯนับกัน ก็จะได้ 8 เล่ม ๆ ละ 3 หน่วยกิต มีบางคณะอนุญาตให้ลงได้ไม่เกิน 21 หน่วยกิต (คณะมนุษยศาสตร์) ส่วน ภาคการเรียนที่ 3 ลงได้ไม่เกิต 12 หน่วยกิต นั้นหมายความว่า ใน 1 ปีการศึกษา ถ้านักศึกษาสอบผ่านสามารถเก็บหน่วยกิตสะสมได้มากถึง 24+24+12=60 หน่วยกิต ถ้าเรียน 2 ปี 1 เทอม ก็เท่ากับว่า 60+60+24=144 หน่วยกิต จบพอดี...
การทำตารางเรียนล่วงหน้าสำหรับเทอมต่อไป นี่เป็นเทคนิคส่วนตัวครับเกี่ยวกับลงทะเบียนวิชาเรียน คือ ส่วนหนึ่งมหาวิทยาลัยจะกำหนดรายวิชาที่ต้องเรียนในแต่ละเทอมเอาไว้แล้วในคู่มือ (มร. 1) ดังนั้น เราจะต้อง “คิดว่า” เราสอบผ่านแล้วทุกวิชาในเทอมนั้น แล้วในเทอมถัดไป เราต้องเรียนและจะต้องเลือกลงวิชาอะไรดี ทำแผนการเรียนออกมาเลยครับ เป็น ตารางเรียนล่วงหน้า
การสอบ เพราะรามฯเป็นมหาวิทยาลัยเปิด นักศึกษามีอยู่ทั่วทุกหัวระแหงของประเทศและในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกนี้ เมื่อสอบผ่านรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนไว้ ก็ดีไป (ได้เกรดอะไรก็ขึ้นอยู่กับความขยัน ความจำ ความสามารถ) แต่ถ้าสอบไม่ผ่านล่ะ จะทำอย่างไรกันดี แน่นอนครับ...ก็ต้อง “ลงทะเบียนสอบซ่อม” ซึ่งในแต่ละปีการศึกษา รามฯจะมีการสอบซ่อม 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 สำหรับเทอมที่ 1 และครั้งที่ 2 สำหรับเทอมที่ 2 และเทอมที่ 3 พร้อมกันทีเดียว และที่สำคัญ “อย่าได้คิดที่จะเอาวิชาเดิมที่ลงทะเบียนไว้แต่สอบตก ไปเป็นวิชาที่ลงทะเบียนในภาคการเรียนปกติของปีถัดไปเด็ดขาด” เพราะจะทำให้เรา ท้อ เพราะลงวิชาเดิมซ้ำๆ ในเทอมถัดไปเรื่อย ๆ แล้วถ้าสอบไม่ผ่านอีกในภาคปกติ เราก็จะไม่สามารถเก็บหน่วยกิตสะสมให้เพิ่มขึ้นได้เลย ฉะนั้น จงสั่งตัวเราเองเอาไว้ว่า “ในการเรียนแต่เทอม จะต้องสอบผ่านให้หมดทุกเล่ม” [สำหรับผมตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเองว่า “สอบตกก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 3 เล่ม และเมื่อลงสอบซ่อมแล้ว ต้องสอบให้ผ่าน” นั่นก็เท่ากับว่า ผมเก็บได้ทุก “เล่ม” ที่ลงทะเบียนเอาไว้ในแต่ละเทอม]
การศึกษาเกี่ยวกับเงื่อนไขการเรียนและเงื่อนไขรายวิชาจากคู่มือนักศึกษา หรือ “มร. 1” ซึ่งนักศึกษาทุกคนมีอยู่แล้ว แต่โดยมากมักจะไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับเงื่อนไขการเรียนและการเลือกรายวิชาสำหรับสาขาวิชาเอก (Major) ทั้งที่เป็น “วิชาบังคับ” และ “วิชาเลือกเสรี” รวมไปถึง การเลือกสาขาวิชาโท (Minor) และมีนักศึกษาอีกจำนวนไม่น้อยที่มี “หน่วยกิตเกิน” เพราะลงรายวิชาโดยไม่มีการศึกษาและวางแผน ทำให้ไม่สามารถนับเข้าเป็นหน่วยกิตสะสมสำหรับขอจบการศึกษาได้ พอเห็นว่า ตนเองมีหน่วยกิตครบตามหลักสูตร ก็คิดว่าจบแน่ แต่ที่ไหนได้ กลับเป็นว่า จบช้าไปออกไปอีก ซึ่งหน่วยกิตที่ได้จะถูกนำมาคำนวณหาค่าเกรดเฉลี่ย แน่นอนว่า..หน่วยกิตที่เกินมา ก็จะไปฉุดเกรดเฉลี่ยลงไปด้วย
จาก 4 วิธีการข้างต้นที่ผมนำเสนอมานี้ น่าจะเป็นแนวทางที่ดี ที่ช่วยให้นักศึกษารามฯทุกคนสามารถบรรลุสู่ความฝันในการเป็น “บัณฑิตรามฯ” สมดังความตั้งใจของตน และความหวังของพ่อแม่ ผู้ปกครองได้ในที่สุด...แต่ก็อยากจะให้ข้อคิดไว้ด้วยว่า การจบด้วยเวลา 2 ปีครึ่งนี้ อาจจะไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับบางบริษัทนะครับ...มันเร็วเกินไป...และท้ายนี้ ขอจบด้วย “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” และ “เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง...ขอให้โชคดีครับ
ตารางแผนการเรียนและจำนวนหน่วยกิตสะสมในแต่ละเทอมเพื่อสำเร็จการศึกษาได้ภายใน 2 ปี 1 เทอม
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
"ตระกูลฮุน" ถึงคราวอวสาน! คนในชิ่งหนีปิดฮุยวัน-ปชช.หมดตัวเงินในบัญชีถอนไม่ได้
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
"ตระกูลฮุน" ถึงคราวอวสาน! คนในชิ่งหนีปิดฮุยวัน-ปชช.หมดตัวเงินในบัญชีถอนไม่ได้
เหนือความเชื่อ! "ซูเปอร์ฟูลมูน" เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้...
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
น้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย




