หมึกสายวงน้ำเงิน หรือ หมึกบลูริง (Blue-ringed octopus) เล็กพริกขี้หนู ....แห่งท้องทะเล
หมึกสายวงน้ำเงิน หรือ หมึกบลูริง (Blue-ringed octopus) |
เล็กพริกขี้หนู ....แห่งท้องทะเล |
เมื่อเร็วนี้เราอาจจะเห็นข่าวการพบเจอปลาหมึกชนิดนี้กันทางโทรทัศน์ และคนหลายคนที่ยังไม่รู้ อาจจะมองว่ามันเป็นสัตว์ที่น่ารัก จัดเป็นหมึกที่มีขนาดเล็กวัดความยาวจากหนวดอีกด้านหนึ่งของลำตัวไปยังอีกด้านหนึ่งมีขนาดประมาณ 15 เซนติเมตร มีจุดเด่น คือสีสันตามลำตัวที่เป็นจุดวงกลมคล้ายแหวนสีน้ำเงินหรือสีม่วง ซึ่งสามารถเรืองแสงได้เมื่อถูกคุกคาม ตัดพื้นลำตัวสีขาวหรือเขียว แลดูสวยงามมาก แต่ว่า หมึกบลูริงนั้นมีพิษที่ผสมอยู่ในน้ำลายที่มีความร้ายแรงมาก ซึ่งมีพิษร้ายแรงกว่างูเห่าถึง 20 เท่า ผู้ที่ถูกกัดจะตายภายใน 2-3 นาที ทั้งสามารถฆ่าคนได้ 26 คนในคราวเดียว นับเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก และติดท๊อปเท็นของสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุดด้วยนะในออสเตรเลียและอีกหลายประเทศ และยังไม่มียาที่รักษาพิษของมันได้เลย ในไทยพบว่ามีการลักลอบนำเข้ามานำหมึกบลูริงเข้ามาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยได้รับความนิยมมาก โดยไม่ทราบถึงภัยอันตรายที่แฝงอยู่ในหมึกมหาภัยตัวนี้
ปลาหมึกบลูริง ตระกูลเดียวกับปลาหมึกสาย มีขนาดไม่ใหญ่ 10-18 เซนติเมตร น้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 28 กรัม จะอาศัยอยู่ในเขตน้ำอุ่น บริเวณน้ำตื้นที่มีโขดหิน แถวชายฝั่งทะเลประเทศ ออสเตรเลีย, อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ มีชีวิตอยู่ได้ประมาณ1.5 ปี โดยปลาหมึกบลูริงระยะแรกมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดถั่ว เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดเท่าลูกกอล์ฟ มีแขน 8 แขน รอบ ๆ แขนแต่ละแขนจะมีรูที่ใช้สำหรับดูดน้ำหรืออากาศตลอดความยาวแขน โดยแขนจะแผ่กระจายเป็นวงกว้าง เหมือนกับปลาหมึกทั่ว ๆ ไป ถ้าแขนเกิดขาดหรือหายไป มันก็สามารถงอกใหม่ได้
ปลาหมึกบลูริง เพศเมียจะออกไข่ประมาณ 50 ใบ ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ในการฟักไข่แต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลา 3-6 เดือน หลังจากนั้นแม่ปลาหมึกก็จะตาย ลูกปลาหมึกก็จะเจริญเติบโตต่อไปจนเข้าวัยผสมพันธุ์ หลังจากผสมพันธุ์แล้วปลาหมึกเพศผู้ก็จะตาย ปลาหมึกเพศเมียก็จะเลี้ยงดูไข่ต่อไป
ด้วยพิษที่รุนแรงและโดยปกติแล้วไม่ได้เป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย การเจอปลาชนิดนี้มีการซื้อขายในตลาดปลาสวยงามจตุจักร ผู้ที่ซื้อปลาไปเลี้ยงมีกี่คนที่ทราบถึงอันตรายของปลาชนิดนี้ ดังนั้นเราไม่ควรซื้อไปเลี้ยงเพียงเพราะว่าสีสวย |