ประสบการณ์ครั้งแรก ณ งานแต่งงานคนอินเดีย
ผมกำลังพูดถึงเรื่องราวในดินแดนที่ให้กำเนิดศาสนา พุทธ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยของเรา , เรื่องราวที่จะมาเล่าให้ฟังในวันนี้เป็นประเพณีๆ นึงในประเทศอินเดียที่เกือบทุกคนต้องทำเมื่อถึงวัยอันควร นั่นก็คือ ประเพณีแต่งงาน น่ะครับ
ประเพณีการแต่งงานของคนอินเดียนั้น ส่วนใหญ่ในประชากรในประเทศมักนิยมแต่งงานแบบคลุมถุงชน เพราะพวกเค้ามีความเชื่อว่า ถ้าแต่งงานโดยมีพ่อแม่ของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงไปหามาให้นั้น พวกเค้าจะกลายเป็นคู่ชีวิตกันไปจนวันตาย และความคิดส่วนใหญ่ของพวกเค้ายังคิดอีกว่า การแต่งงานโดยพบรักกันในที่สาธารณะนั้น ไม่ใช่ความรักแบบยั่งยืน เพราะชอบพอกันเอง และไปแต่งงาน สุดท้ายก็อาจจะมีการหย่าร้างกัน(ผมใช้ความว่า ส่วนใหญ่น่ะครับ เพราะบางคู่ก็อยู่ครองเรือนจะแก่เฒ่าก็มีครับ) ค่านิยมของคนอินเดียนั้นก็คือ การคลุมถุงชน ซึ่งปลอดภัยเรื่องชนชั้นวรรณะ ผมมีเพื่อนเป็นอินเดีย เค้าเคยบอกกันว่า พ่อแม่ของเค้าจะไปหาคู่ครองที่วรรณะเดียวกัน หรือฐานะทางบ้านใกล้เคียงกันมาเพื่อแต่งงาน โดยอาจจะดูจากนามสกุล ฐานะทางบ้าน ชื่อเสียงของพ่อแม่ และสอบถามประวัติส่วนตัวของคู่ครองจากเพื่อนบ้านระแวกนั้น เรียกได้ว่ามีการ screen หลายชั้นมากๆ
พอ screen ได้ระดับนึงก็จะนัดวันขอดูตัวทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย วันนั้นพ่อแม่และญาติสนิทของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะนัดเจอกันที่ hall(สถานที่กว้างๆ สำหรับจัดเอาไว้ดูตัว) โดย ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงสามารถเลือกที่จะปฏิเสธกันหลังจากเจอกันในวันนั้น ถ้าไม่มีการปฏิเสธเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ถือว่า ยอมรับกันทั้งคู่ ก็นับถอยหลัง 1 เดือนเลยครับ เพื่อจัดงานแต่งงาน
วันนี้ผมได้มีโอกาสได้ไปร่วมแสดงความยินดีให้คู่บ่าว-สาว คู่หนึ่งในเมืองบังกาลอ ประเทศอินเดีย
งานจะเริ่มในช่วงหัวค่ำ เวลาที่ผมไปถึงก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว
ปากทางเข้า hall (เป็นสถานที่สำหรับใช้จัดแต่งงานโดยเฉพาะน่ะครับ) มีพระพิฆเนตร องค์สีเงิน อยู่ตรงกลางของบันไดและมีการประดับขอบบนประตูทางเข้าด้วยดอกไม้หลากหลายสี ดังภาพด้านล่างนี้

พอเดินผ่านประตูดังกล่าวมา ผมก็ชำเลืองไปเห็นเจ้าสิ่งนี้ มันคือ พัดลมไอน้ำครับ รุ่น ภูมิปัญญาคนอินเดีย เย็นใช้ได้เลยทีเดียว
เดินถัดเข้าไปใน hall อีกซักประมาณ 10-15 ก้าว ก็เจอเวที สูงขนาด 50 cm จากพื้น ขอบเวทีทำด้วยหินอ่อน พื้นเวทีปูด้วยกระเบื้องสีด้าน 
ด้านหน้าของเวที มีช่างภาพในงานทั้งหมด 4 คน
2 คนแรก ยืนอยู่บน stand คนแรกเป็นคนถ่ายวีดิโอบนเวที อีกคนถ่ายภาพนิ่งบนเวทีเช่นกัน
ส่วนอีก 2 คนที่เหลือ คนแรกเดินถ่ายวิดีโอรอบๆตัวงาน ส่วนอีกคนก็ถ่ายภาพนิ่งบรรยากาศภายในงาน

ห่างจากเวทีออกมา ก็จะเป็นม้านั่งเหล็กแถวยาว ตั้งอยู่บริเวณ 2 ฝั่ง จัดวางเอาไว้ทั้งหมด 3 แถว
ถัดจากเก้าอี้ม้านั่งเหล็ก นั้นจะเป็นเก้าอี้ พลาสติก เรียงรายอยู่เยอะมากครับ
สิ่งที่แตกต่างจากงานแต่งงานในประเทศไทยก็คือ
หลังจากเดินเข้ามาในงานแล้ว เจ้าภาพจะแจ้งให้แขกผู้ร่วมงานเดินไปเข้าแถวซึ่งอยู่ฝั่งซ้ายมือของรูป(ราวที่แขวนผ้าขาว) แขกผู้ร่วมงานทุกคนจะต้องเดินเข้าแถวต่อคิวขึ้นเวที เพื่อเดินขึ้นไปถ่ายรูปแสดงความยินดีให้กับคู่บ่าว สาว วิธีการถ่ายรูปนั้นเค้าจะแบ่งออกเป็นกลุ่ม ๆ แต่ล่ะกลุ่มรอคิวของตนเองเพื่อเข้าไปถ่ายรูป พร้อมยื่นซองขาว(ใส่เงินลงไปเหมือนบ้านเรา) ให้กับคู่บ่าว สาว แล้วก็ลงจากเวที
จากนั้นก็ถึงเวลารับประทานอาหาร ซึ่งเป็น Hi-light ของงานนี้ก็ว่าได้เลยทีเดียว ทีเด็ดของงาน มันอยู่ตรงนี้ครับเริ่มจากเดินลงมาจาก hall ด้านบนแล้วก็เดินมาล้างมือ แล้วก็.....
อย่างที่เห็นครับ ใบตอง 1 ใบ กับ แก้วน้ำ1 ใบกับน้ำที่เต็มแก้ว หลังจากนั่งแล้ว ต่างคนก็ต่างทำความสะอาดใบตองของตนเอง โดยเอาน้ำเปล่าจากในแก้วน้ำนั้น เทลงใบตองแล้วก็เอาหลังมือของตนเองทำความสะอาดใบตองครับ กระบวนการนี้ ผมเรียนรู้จากคนที่นั่งตรงข้ามน่ะครับ เอาเป็นว่า เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยวันนี้

ทุก ๆ คนต่างน่ารออะไรบางอย่างที่กำลัง คืบคลานเข้ามา อย่างไม่ต้องสงสัย นั่นก็คือ ....



ข้าว และกับข้าวต่างๆ เริ่มถยอยกันเข้ามาครับ
เริ่มจากซ้ายไปขวาน่ะครับ
1. เกลือ
2. มะม่วงดองกับ masala กระมั่ง(ผมไม่แน่ใจว่า เรียกว่า อย่างไร แต่รสชาติเปรี้ยวได้ใจมากๆครับ)
3. ข้าวโพดกับมะเขือผสมมะพร้าว (รสชาติเค็มๆ มัน ๆ ครับ)
4. แครอทฝอย ๆ กับถั่วเหลือง (รสชาติเค็ม ๆ อร่อยอยู่ครับ)
5. เขียวๆ นั้นก็เป็นถั่วน่ะครับ (รสชาติอร่อย เค็มๆ นิด ๆ)
6. ของหวานสีส้ม (อร่อยครับ รสหวานเยอะหน่อยน่ะครับ)
7. ของดำๆ นั้นผมไม่รู้ว่าอะไร แต่กลิ่นมันฉุนๆ สุดท้ายผมก็ไม่ได้แม้แต่จะลองชิมน่ะครับ
8. ของหวานที่ดุเหมือนเส้นๆ นั้น หวานเอามากๆ ผมชิมนิดเดียว กินไม่หมดอ่ะครับ
ส่วนภาพล่างนี้คือ มาแบบเต็ม set หน้าตาอาจจะดูไม่น่าทานน่ะครับ แต่เชื่อไหมว่า พวกเค้ารวมทั้งผมทานกันจนหมด (ของผมมีแต่ของหวานที่เป็นเส้นๆ กับของดำ ๆ นั้น ผมไม่ได้ทาน เพราะรสชาติมันแปลก ๆ)

วันนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และดีอีกหนึ่งประสบการณ์ในชีวิตของผมเลยครับ จากนี้ไปผมคงอยู่ประเทศนี้ ง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ ^^
ขอบคุณกระทู้จากคุณ glassman555 สมาชิกหมายเลข 1296740 สมาชิกเว็บพันทิป (เว็บโพสท์จังได้ขออนุญาตเรียบร้อยครับ)
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
"ซีรี่ย์จีนแนวตั้ง" เทรนด์ใหม่ที่คนไทยติดกันงอมแงม
"เจนสุดา" ฟาดแรง! "นานา" อย่าเอาเด็กมาเรียกความสงสาร..น้ำตาไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ตำรวจเรียกสอบเพื่อนสนิทที่อยู่ในเหตุการณ์คืนที่ "นัทปง" เสียชีวิต
สยอง! งูยักษ์ 5 เมตรหนัก 60 กิโลฯ พังเพดานห้องน้ำ จู่โจมบ้านชาวมาเลเซีย
หัวใจแตกสลายทั้งโซเชียล! "สาวญี่ปุ่น" สุดคิวท์ถูกแมวป่วนใต้กระโปรง แท้จริงคือคุณพ่อลูกสอง วัย 48
จัดอันดับแมลงมีพิษที่สุดในไทย
"บัวเพอร์เพิลจอย"ลูกผสมสีสันดอกสีม่วงนั้นโดดเด่นค่อยๆไล่สีจนไปถึงเกสรสีขาว
ชีวิตอยากสบายอย่าทำอะไรแบบนี้ เสี่ยงชีวิตพัง
การเดินทางที่ไม่สามารถที่จะระบุเวลาที่จะถึงได้ "แล้วแต่สถานการณ์ระหว่างทาง"
ความรู้นั้นมีการรวบรวม ส่วนของวรรณกรรมและเรื่องราวความเป็นมา (ปราสาทหินพิมาย)
"อย่าเดินเหยียบธรณีประตู" สิ่งที่ติดหูเรานั้นมาตลอด คำบอกเล่าจากยาย
