มันเทศต้ม อาหารสุดยอด
โพสท์โดย มารคัส
มันเทศ(Sweet potato) เป็นอาหารพื้นบ้าน ปลูกง่าย กินอิ่มนาน ราคาถูก มีคุณค่าทางอาหารมากมาย ถือได้ว่าเป็นอาหารสุดยอดชนิดหนึ่ง สมัยก่อน แม่เล่าให้ฟังว่าตอนข้าวยากหมากแพง จะหุงข้าวกับมัน โดยขูดผิวมันออกและเฉาะใส่หม้อข้าวตอนหม้อข้าวเดือดก่อนเช็ดน้ำและดง สมัยผมเป็นเด็ก ก็เคยกินข้าวปนมันเหมือนกัน
คุณค่าทางอาหารที่ได้จากมันเทศ
เราจะเห็นว่า เนื้อของมันเทศที่พบมี 3 สี คือ สีขาว สีเหลือง-ส้ม และสีม่วง มันเทศสีเหลือง-ส้ม มีเบต้าแครอทีนสูง ส่วนสีม่วง มี แอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) โดยเฉพาะเมื่อมันเทศเข้าสู่กระบวนการย่อยในลำไส้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากโลหะหนัก เช่น สารปรอท ได้
วิธีการทำอาหาร
ถ้าจะให้ได้ประโยชน์สูงสุด ต้องเป็นมันเทศต้ม หรือนึ่ง หรือผัดน้ำมันเท่านั้น มันเผา หรือปิ้ง จะได้รับประโยชน์จากมันเทศน้อยกว่าการต้ม เพราะป้องกันไม่ให้สูญเสีย แอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ในระหว่างการปรุงอาหาร และช่วยลดดัชนี Glycemic (GI) ให้ต่ำลงไปอีก นอกจากนี้ การต้มจะช่วยทำลายเอ็นไซม์พีโรซิเดส (peroxidase enzymes) ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดประสิทธิภาพของ แอนโธไซยานินในมันเทศ อีกด้วย
มันเทศเป็นพืชปลูกง่าย สมัยผมเป็นเด็กชาวนาจะปลูกมันในนาหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว โดยทำเป็นร่องสูง และยาวไปตามอันนา ช่วงแรกรดน้ำนิดหน่วย ต่อ ๆ มา ไม่ต้องรดก็ได้ ถึงเวลามันลงหัวก็ไปขุดมากินได้ กินดิบ ๆ ก็อร่อยดี
มีเคล็ดลับในการกินมันเทศต้ม ถ้ากินโดยไม่ลอกผิวออก จะทำให้ได้ค่าดัชนี Glycemic ที่ต่ำลง และได้สารอาหารมากขึ้น
คุณค่าทางอาหารที่ได้จากมันเทศ
- วิตามินเอ (Vitamin A) ในมันเทศมีเบต้าแครอทีน (Beta Carotene) สูงพอ ๆ กับแครอท ร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแครอทีนเป็นวิตามินเอ วิตามินเอ มีประโยชน์บำรุงสายตา กระดูก และภูมิคุ้มกันของร่างกาย ต้านทานโรคร้ายเช่น มะเร็ง และโรคหัวใจ นอกจากนี้ วิตามินเอ และ เบต้าแครอทีน ยังช่วยบำรุงผิวอีกด้วย ถ้าจะให้ได้ประโยชน์
สูงสุด ต้องกินอาหารประเภทไขมันร่วมด้วยนิดหน่อย เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอได้ดีขึ้น
- มันเทศประมาณ 1 ขีด (3.0 oz หรือ 103.51 กรัม) มีวิตามินเอ ระหว่าง 100-1,600 ไมโครกรัม (RAE) หรือ ประมาณ 35% ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการ - วิตามินซี (Vitamin C) มันเทศอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยป้องกันโรค รักษาหวัด เสริมสร้างกระดูกและฟัน ช่วยรักษาบาดแผล สร้างคอลาเจนซึ่งทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม มันเทศขนาดกลาง 1 หัว (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2 นิ้ว และความยาวประมาณ 5 นิ้ว) จะมีวิตามินซี ประมาณ 35% ของปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับใน 1 วัน
- แมงกานีส (Manganese) ในมันเทศมีแมงกานีสมาก ซึ่งช่วยปรับระดับน้ำตาลในกระแสเลือกให้เป็นปกติ และช่วยการทำงานของต่อมไธรอยด์ (Thtyroid)
- โปแตสเซี่ยม ในมันเทศประกอบด้วยโปแตสเซี่ยมจำนวนมาก โปแตสเซี่ยมช่วยป้องกันตะคริว(muscle cramps) และโดยเฉพาะเมื่อเกิดอาการเครียด ร่างกายจะใช้โปแตสเซี่ยมสูง มันเทศจึงสามารถชดเชยโปแตสเซี่ยมลดความเสี่ยงลงได้
- เส้นใยอาหาร (Fiber) ช่วยให้อิ่มนาน และช่วยในการขับถ่ายเสียออกจากร่างกาย
- คาร์โบไฮเดรทซับซ้อน (Complex Carbohydrates) จัดเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปล่า ไม่ต้องกังกลต่อสภาวะน้ำตาลในกระแสเลือด
- ตัวต้านอนุมูลอิสระ มันเทศมีตัวต้านอนุมูลอิสระมากกว่าพืชผักชนิดอื่น ๆ ตัวต้านอนุมูลอิสระ ช่วยร่างกายต้านทานโรคร้ายหลายอย่าง เช่น มะเร็ง และ โรคหัวใจ เป็นต้น
- แคลอรี่ต่ำ อารหารในฝันสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรรับประทานมันเทศ เพราะมันเทศมีดัชนีไกลซีมิค (Glycemic Index หรือ GI) ต่ำ ค่าดัชนีนี้ ถ้ายิ่งต่ำยิ่งดี เพราะ เป็นค่าความเร็วในการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล อาหารที่มี GI สูง จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้
เราจะเห็นว่า เนื้อของมันเทศที่พบมี 3 สี คือ สีขาว สีเหลือง-ส้ม และสีม่วง มันเทศสีเหลือง-ส้ม มีเบต้าแครอทีนสูง ส่วนสีม่วง มี แอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) โดยเฉพาะเมื่อมันเทศเข้าสู่กระบวนการย่อยในลำไส้ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอนุมูลอิสระที่เกิดจากโลหะหนัก เช่น สารปรอท ได้
วิธีการทำอาหาร
ถ้าจะให้ได้ประโยชน์สูงสุด ต้องเป็นมันเทศต้ม หรือนึ่ง หรือผัดน้ำมันเท่านั้น มันเผา หรือปิ้ง จะได้รับประโยชน์จากมันเทศน้อยกว่าการต้ม เพราะป้องกันไม่ให้สูญเสีย แอนโธไซยานิน (Anthocyanins) ในระหว่างการปรุงอาหาร และช่วยลดดัชนี Glycemic (GI) ให้ต่ำลงไปอีก นอกจากนี้ การต้มจะช่วยทำลายเอ็นไซม์พีโรซิเดส (peroxidase enzymes) ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดประสิทธิภาพของ แอนโธไซยานินในมันเทศ อีกด้วย
มันเทศเป็นพืชปลูกง่าย สมัยผมเป็นเด็กชาวนาจะปลูกมันในนาหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว โดยทำเป็นร่องสูง และยาวไปตามอันนา ช่วงแรกรดน้ำนิดหน่วย ต่อ ๆ มา ไม่ต้องรดก็ได้ ถึงเวลามันลงหัวก็ไปขุดมากินได้ กินดิบ ๆ ก็อร่อยดี
มีเคล็ดลับในการกินมันเทศต้ม ถ้ากินโดยไม่ลอกผิวออก จะทำให้ได้ค่าดัชนี Glycemic ที่ต่ำลง และได้สารอาหารมากขึ้น
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (4/5 จาก 10 คน)
VOTED: ผีเสื้อน้อย, ginger bread, ท่านฮั่ว แมวขี้งอน, zerotype, willbe, ซาอิ, bgs, makhamdong, ไข่เจียวหมูสับ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อิมาน เคลิฟ นักมวยหญิงชาวแอลจีเรีย ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่ปารีส ได้รับการยืนยันแล้ว ว่าเป็นเwศชายนัท มีเรีย แจงเหตุ ท้องป่อง ทำหลายคนคิดว่าท้องสรุปข่าวทนายตั้ม!!ชูวิทย์ จับมือ“สันธนะ พูดคุยเคลียร์ใจ คดีหมิ่นประมาทผู้บริโภคโวย ‘ฉางอัน’ หั่นราคารถไฟฟ้า DEEPAL S07 เกือบ 3 แสน เพิ่งซื้อได้ 9 วันยอดกฐินวัดดัง 2567 มากกว่าพันล้านนักแสดงดัง แจ้งข่าว ติดเชื้อ “HIV” ก่อนโพสต์สุดเศร้าเจ๊อ้อยเข้าให้ปากคำเพิ่ม สวนทนายตั้มโผล่ที่กองปราบรวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เหมือนจะมีลมหนาวพัดมาบ้างแล้ว ค่อยเหมือนหน้าหนาวขึ้นละเน่อพระฮินดูอ้างว่าเหาะได้ แสดงปฏิหาริย์ตกเขาเสียชีวิต😌 ชวนเข้ามาหาคำตอบกับวัตถุประหลาดที่สร้างความงุนงงให้กับคนเกือบทุกคนในโลกอินเตอร์เน็ต 😏8 เคล็ดลับเพิ่มเสน่ห์ให้สาวๆ หลงรักคุณอย่างเป็นธรรมชาติHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อิมาน เคลิฟ นักมวยหญิงชาวแอลจีเรีย ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่ปารีส ได้รับการยืนยันแล้ว ว่าเป็นเwศชายกัมพูชารับไม่ได้ผ้าขาวม้าไทยจะได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อUNESCOปาร์ตี้ทั้งคืน ดื่มจนหนัก มาพักตับกันบ้าง ด้วย 5 วิธีพักตับหลังปาร์ตี้ ดูแลฟื้นฟูได้ง่าย ๆอาหารข้างทางจีน ที่ดูเหมือนก้อนผมสีดำเจ๊อ้อยเข้าให้ปากคำเพิ่ม สวนทนายตั้มโผล่ที่กองปราบ