ฝรั่ง ผลไม้พื้นบ้านตัวช่วยหลักของการลดน้ำหนัก
สำหรับ “ฝรั่ง” ถือเป็นผลไม้ที่คนไทยทุกคนคุ้นเคย เรียกว่าไม่มีใครไม่รู้จัก เป็นผลไม้รสชาติทานง่าย ราคาไม่แพง หาซื้อได้ทั่วไป และมีให้ทานตลอดทั้งปี ยิ่งช่วงฝนตกๆ คนไม่สบายบ่อยๆ การทานฝรั่งช่วยป้องกันโรคหวัดได้ด้วย
ฝรั่งเป็นพืชผลที่มีหลักฐานทางโบราณคดี ว่ามีการทานผลไม้ชนิดนี้มาตั้งแต่สมัย 800 ปีก่อนคริสตกาลเสียอีก โดยฝรั่งจริงๆมีต้นกำเนิดมาจากประเทศในอเมริกากลางและหมู่เกาะอินดีสต์ตะวันตก และถูกเผยแพร่และนำไปปลูกตามทวีปต่างๆของโลกโดยนักเดินทางและพ่อค้าชาวโปรตุเกส และเสปน ซึ่งในเมืองไทยเองคาดว่า น่าจะมีการเริ่มปลูกฝรั่งกันราวๆในยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ฝรั่งมีวิธีการทานที่แตกต่างกัน
ชาวตะวันตกจะนิยมทานฝรั่งที่สุกจัด หรือนิ่มจนหวานจัด โดยนำมาทำเป็นขนม และใส้ของพาย ส่วนทางฝั่งเอเชียจะนิยมทานฝรั่งที่ยังอ่อนให้ความกรุบกรอบ แถมยังมีการนำฝรั่งสดมาแปรรูปมากมาย ทั้ง ดอง ทั้งแช่อิ่ม แช่บ๊วย หรือนำมาปั่นมาคั้นเอาแต่น้ำมาดื่ม ซึ่งฝรั่งไม่ได้มีดีแค่ผลเท่านั้น แต่ใบของฝรั่งยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยป้องกันอาการอักเสบของลำไส้ ลดอาการท้องเสีย ใช้ทาผื่นลดอาการคันได้
คุณค่าทางอาหารของฝรั่งที่ไม่ธรรมดา
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี และวิตามินเอ ซึ่งมีมากกว่ามะนาวถึง 4 เท่า สูงเป็นอันดับต้นๆของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเลยทีเดียว ดังนั้นการทานฝรั่งจึงช่วยต้านหวัดได้ไม่แพ้การทานส้มหรือมะนาวเลย และยังช่วยบำรุงเหงือกและฟัน ช่วยลดอาการเลือดออกตามไรฟันได้
ฝรั่งถือเป็นผลไม้คู่ใจของคนลดน้ำหนักด้วย เพราะให้พลังงานต่ำ น้ำตาลน้อย กากใยสูง ช่วยให้อิ่มนานอยู่ท้อง ใช้ทานในระหว่างมื้อ หรือเป็นของว่างล้างปากที่ได้ประโยชน์ และไม่ต้องกังวลว่าจะอ้วน
นอกจากวิตามินที่กล่าวมาแล้ว ฝรั่งยังมีคุณค่าทางอาหารอื่นๆอีกมากมายทั้ง วิตามิน B1, B2, แคลเซียม, ฟอสฟอรัสและยังมีสารพวกเพคตินและแทนนินจำนวนมากด้วย ซึ่งเจ้าแพคตินนี้มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ และ แทนนินก็มีฤทธิ์เป็นยาฝาด ช่วยสมานแผล บรรเทาอาการท้องร่วงได้
ค่าโภชนาการของฝรั่ง 1 ผล (55 กรัม) พลังงาน 38 กรัม โปรตีน 1.4 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8 กรัม ใยอาหาร 3 กรัม น้ำตาล 9 กรัม โพทัสเซียม 229 มิลลิกรัม โซเดียม 0.4 มิลลิกรัม วิตามินซี 187 มิลลิกรัมเรียบเรียง: lovefitt.com
Credit:tanchualee.com, th.wikipedia.org, google.com