หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ใครว่ากิน “นมแม่” แล้วปลอดภัยควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่

แปลโดย หลิวอี้เฟย


จากความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า “กินนมแม่แล้วปลอดภัยที่สุด” คุณแม่ยุคใหม่ต้องอ่านบทความนี้ เพราะความเชื่อเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แต่ดั้งเดิมที่เราได้รับการปลูกฝังว่าดีที่สุดอาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว โดยการวิจัยของสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่ง สหรัฐอเมริกา ยังคงยืนยันว่า “นมแม่” เป็นแหล่งโภชนาการมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของเด็กมากที่สุด แต่เด็กก็ยังคงได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน โดยผลงานการวิจัยชิ้นใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่า “ยิ่งกินนมแม่นานมากเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มโอกาสของสภาวะ วิตามิน D บกพร่อง”

ทางการแพทย์ได้แนะนำให้แม่ที่เลี้ยงลูกด้วยด้วยนมแม่ ควรบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำพวกแร่ธาตุและวิตามินเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “วิตามิน D” เพราะปริมาณของวิตามินในนมของแม่อาจมีปริมาณไม่มากพอกับพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก ซึ่งทางการแพทย์นั้นได้ย้ำเสมอว่า วิตามิน D เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม ดังนั้นการได้รับวิตามิน D ในปริมาณที่น้อยจนเกินไป เด็กอาจมีความเสี่ยงของโรคกระดูกอ่อน และโรคกระดูกโค้งงอผิดรูป ซึ่งทาง สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่ง สหรัฐอเมริกา (The American Academy of Pediatrics) แนะนำให้เด็กใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำพวกวิตามิน D สำหรับช่วงขวบปีแรกไม่ว่าเด็กจะกินนมแม่หรือนมสำเร็จรูปก็ตาม

นอกจากนี้จากงานวิจัยของคุณหมอ ซาร่า โรนิส (Dr.Sarah Ronis) กุมารแพทย์จากสถาบันการแพทย์ และ โรงพยาบาลเด็ก แห่งมหาวิทยาลัย เคสเวสเทิร์น คลิฟแลนด์ สหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ในวารสารด้านสาธารณสุขของอเมริกัน (American Journal of Public Health) ฉบับล่าสุดพบว่าเด็กที่ทำการวิจัยกว่า 2,000 คนในประเทศแคนาดา ที่กินอาหารเด็กและนมแม่ควบคู่กันมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการของโรคขาด “วิตามิน D” คุณหมอ ซาร่ายังพบอีกว่าเด็กที่กินนมแม่ถึงอายุ 3 ขวบจะมีความเสี่ยงของระดับวิตามิน D ต่ำ ถึงร้อยละ 29 และเด็กที่กินนมแม่ถึงอายุ 2 ปีจะมีโอกาสเสี่ยงร้อยละ 16 ถึงแม้ว่าหลังจากช่วงที่หยุดกินนมแม่จะกินอาหารเด็กตามปกติแล้วก็ตาม

งานวิจัยของคุณหมอ ซาร่า นี้ไม่ได้ขัดแย้งกับคำแนะนำใดๆของทางองค์การอนามัยโลก (W.H.O.) และยังกล่าวย้ำด้วยว่า “นมแม่ยังคงเป็นแหล่งโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด” และสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานถึงสองปี โดยไม่ต้องเป็นกังวลกับโรคขาด “วิตามิน D” ตราบใดที่คุณแม่มีนมเพียงพอให้เด็กดื่มอย่างน้อย 32 ออนซ์ต่อวัน แต่หากปริมาณของนมไม่เพียงพอควรต้องเสริม “วิตามิน D” จากแหล่งอาหารอื่น ๆ ซึ่งทางคุณหมอ ซาร่า นั้นได้ย้ำว่า โรคขาดวิตามิน D นั้นมีความอันตรายจริงๆ ซึ่งในเคสที่ร้ายแรงอาจจะนำไปสู่ “โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง” แถมยังอาจเกิดภาวะการทำงานผิดพลาดของแคลเซียมซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในกระดูกของเด็กได้อีกด้วย

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
หลิวอี้เฟย's profile


โพสท์โดย: หลิวอี้เฟย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (4/5 จาก 5 คน)
VOTED: aRnoNAe, lLuCiFeR, ท่านแมวฮั่ว แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง, makhamdong, ยัยแว่นโก๊ะ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ผู้นำยูเครนด่ารัสเซียยับ หลังรัสเซียยิงขีปนาวุธสุดเทพใส่"น้องธาช่า" ลูกสาว "กิ๊ก สุวัจนี" แจ้งเกิดเต็มตัว! ประเดิมละครเรื่องแรกกับบทบาทสุดปังเปิดตัวตำรวจสาว นางฟ้าผู้พิสูจน์หลักฐาน สวยและเก่ง ช่วยคลี่คลายคดีแอมไซยาไนด์6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าหมอเหรียญทองกำลังมองหาสถานที่เช่าสำหรับตั้งซูเปอร์คลินิก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีบัตรทองจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เกาหลีใต้ส่ายหน้า การท่องเที่ยวขาดดุลหนัก แม้ K-Culture จะปังไปทั่วโลกไทยแลนด์ปังสุด คว้าอันดับ 1 ประเทศน่าเที่ยวแห่งปี 2024 พร้อมเหตุผลที่ฝรั่งหลงรักวิชาลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์
ตั้งกระทู้ใหม่